อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าถ้าอเมริกาเอาคืนบ้าง ยุโรปจะทำยังไง อย่าลืมว่าตลาดใหญ่ของธุรกิจสัญชาติยุโรป ส่วนหนึ่งก็คืออเมริกา ศึกนี้ไม่น่าจะจบง่าย ๆ ถ้าบริษัทเทคอเมริกาไม่ยอม แน่นอน White house ก็ต้องออกโรงป้อง เพราะนี่คือผลประโยชน์ของอเมริกา ศึกนี้น่าจะสนุกค่ะ ลองดูสักตั้งใครจะแน่กว่ากัน แต่คนยิ้มได้กับศึกนี้คืออีหมวยใหญ่จีน

พูดแบบนี้เธอไม่รู้สินะ ว่าบริษัทเทค EU เจ๋งๆ เยอะมาก

หวาน EU เลยค่ะแบบนี้

บริษัทเทค EU ได้เกิดสักที ไม่ต้องมีคนมาแย่งตลาด

ต้องแบน กว่าจะได้เกิด ขรรม…

ขรรมทำไมคะ เป็นปกติของโลกนี้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาติตะวันตก และตะวันออกทำมานานมาก อยากจะเกิด ก็ต้องสะกัดคู่แข่ง ทำแบบนี้มาเป็นร้อยๆปีแล้วค่ะ ไม่ใช่เพิ่งมาทำ

อย่างยุคปัจจุบัน ดูง่ายๆ เหมือนที่อเมริกาทำกับญี่ปุ่นในยุค 80 และทำกับจีนในปัจจุบันนี้ไง

ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์โลกจะเข้าใจนะคะ

ปัจจุบันยังทำไม่ได้ต้องมาย้อนอดีต ขรรม แอปเปิลเงินหมุนระดับ trillion คดีกับ Fortnite ยังลากยาวจนอี Fortnite ปลดพนง.ออกปัจจุบันนี้ คิดเหรอคะนางจะไม่งัดข้อ EU ขึ้นศาลฟ้องกันไปมาจนถึงศาลสูงสุด ห้าปีสิบปี ลากไปค่ะ ระหว่างนั้นก็ขายไอโพนไป

ตอนยุค 80 บริษัทเทคอเมริกาเจอบริษัทเทคญี่ปุ่นเข้าไป คือเทคอเมริกาจอดสนิท ตามหลังญี่ปุ่นทั้งเรื่องเทคโนโลยี ทั้งดีไซน์ ทั้งราคา และการตลาด ญี่ปุ่นผลิตนวัตกรรมขาย จนเศรษฐกิจญี่ปุ่นโตทะยานใหญ่คับโลก เศรษฐกิจญี่ปุ่นตอนนั้นคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจของอเมริกา อีกนิดเดียวก็แซงอเมริกา เป็นเบอร์1ของโลก อเมริกาตอนนั้นดิ้นพล่านเลย สั่งแบนเทคโนโลยีญี่ปุ่นหลายอย่างมาก ทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นรอบด้าย สกัดเทคโนโลยีหลายอย่างของญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นคิดค้นเทคโนโลยี มหม่ๆ มาตราฐานใหม่ๆ ขึ้นมาได้เองแล้ว ไม่ต้องพึ่งเทคโลกตะวันตกอีกต่อไป หนึ่งในนั้นคือระบบปฎิบัติการครอบจักรวาลทุกอุปกรณ์ อย่าง TRON OS (ในยุคนี้ก็เทียบกับพวก IoT) ไมโครซอฟท์นี่ออกมาร้องเรียนรัฐบาลอเมริกาเลยว่าให้ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ญี่ปุ่นพัฒนาระบบปฎิบัติ TRON OS ลงตลาด ไม่งั้น เราแพ้แน่ๆ ขายซอฟแวร์ไม่ได้ windows จะไม่ครองโลก สุดท้ายด้วยสัญญาที่ทำไว้กับอเมริกา ตั้งแต่สมัยสงครามโลก บริบทในตอนนั้น ญี่ปุ่นก็ต้องยอมให้อเมริกาลดความร้องแรงลง แบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จนเศรษฐกิจญี่ปุ่นวูบยาว ตั้งแต่ปลายยุค 90-จนถึงปัจุบัน

มาในยุคปัจจุบันนี้ จะดีจะชั่ว ก็ต้องยอมรับว่าจีนมันพัฒนาเทคโนโลยีหลายอย่างไปไกลและเร็วมาก อเมริกาก็ทำกับจีนอีก หลายๆอย่างจีนทำได้ล้ำกว่าอเมริกาไปมาก ทั้ง ระบบ5G รถEV และAI การที่จีนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีพวกนี้เป็นคนตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะการแบนไม่ให้บริษัทเทคอเมริกาเข้ามาทำตลาดในจีน การแบน Google ทำให้จีนมี Baidu และ Alibaba เกิดขึ้น และทำให้จีนสองบริษัทนี้พัฒนาเทคโนโลยี AI ระดับสูงได้ ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนโตขึ้นมาจนเกือบจะแตะ 70% ของอเมริกา อีอเมริกาก็ใช่สูตรเดิมเลยค่ะ ลดความร้อนแรงของคู่แข่ง โดยการแบบคู่แข่งทุกอย่าง อีจีนถูกแบนก็เป๋หนักหน่อย เพราะเทคโนโลยีจีนหลายอย่าง ก็ต่อยอดมาจากของชาวบ้าน สร้างเทคโนโลยีต่อยอดมาจากของฝรั่ง

เห็นไหมคะ ว่าการแบน มันก็มีประโยชน์กับตัวเองเหมือนกัน จริงๆแล้ว หลังแพ้สงครามชาติยุโรป อย่าง เยอรมันนี และ อิตาลี ก็ถูกอเมริกา สั่งห้ามผลิตเทคโนโลยีหลายอย่างนะคะ คอมพิวเตอร์ การบิน เทคโนโลยีสงคราม ถูกห้ามผลิตทั้งหมด เป็นช่วงเวลาที่อเมริกา ผลิตได้ ตักตวงความสำเร็จได้ ในขณะที่คนอื่นห้ามทำ อีพวกนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเก่งๆ มันก็ย้ายมาอเมริกาสิคะ เพราะอยู่ประเทศมันพัฒนาโน้นนี่ไม่ได้ ติดขัดสนธิสัญญาระหว่างประเทศไปหมด จนหัวกะทิมารวมอยู่ที่อเมริกานี่แหละ

เเห็นไหมคะ การจะเกิดได้ ก็ต้องแบนคนอื่นนั้นแหละ ถูกแล้ว เขาไม่ได้เพิ่งจะมาทำเอายุคนี้ซะเมื่อไรคะ

ตอนยุค Sony Ericsson ไม่เห็นจะออกมาบังคับห่าอะไรแบบนี้เลย
อี Sony Ericsson ทั้งพอร์ตฟังเพลง พอร์ตชาร์จ ก็ไม่เหมือนชาวบ้าน เมมก็ใช้ไม่เหมือนชาวบ้าน
ชาวโลกเค้าใช้ Micro SD Card แต่อีโซนี่อีริคสัน เสือกใช้ Memory Stkck Duo อยู่เจ้าเดียว แล้วเมมแม่งก็แพงชิบหาย ยิ่งอีซีรีย์ Walkman จะฟังเพลงแต่ละที ต้องจุดธูปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้ Fast Port ของแม่งหลุด เพราะฟังๆ ไป ขยับนิดเดียวก็หลุด ในขณะที่ของชาวโลกเค้าใช้แจ๊ค 3.5 กันตั้งนานแล้ว

จะมาเล่นแต่ Apple แต่ลืมมองอดีต ว่ายี่ห้อร่วมทุนของตัวเอง กั๊กเหี้ยกว่าเค้าเยอะ

มั่วค่ะ ช่องเสียบเม็มโมรี่การ์ด ของ Sony Ericsson ถ้ามึงจะไม่ใช้อี Memory Stick ก็ใส่ Micro SD Card ยี่ห้ออื่นได้ค่ะ เขาไม่ได้ล็อค

Memory Stick เป็นแค่มาตรฐานหนึ่ง ที่โซนี่มันนำเสนอขึ้นมา เขาไม่ได้บังคับให้มึงใช้ มึงเลือกได้จะใช้หรือไม่ใช่

ไม่เหมือนพอร์ต lightning ของ Apple ที่บังคับให้มึงต้องใช้ค่ะ

อยากให้โมอ่างแก้วแบน IP ของอีกะเทยเหี้ยสัตว์นรกตัวนี้แบบถาวรเลยค่ะ