ถ้า500ล้าน ก็กำไรประมาณ 240ลบ.

ต้นทุน 10 กว่าล้าน++ ค่ะ หนังกำไรเข้านายทุนก่อนไม่ใช่เหรอคะ เพราะเป็นผู้ลงทุน ไม่ใช่เงินผู้กำกับค่ะ
ดังนั้นสัดส่วนที่ผู้กำกับจะได้ ต้องมาจากการทำข้อตกลงกับนายทุนค่ะ ซึ่งตรงนี้นี่แหละที่ผู้กำกับมักไม่รวย เพราะตอนขอทุนสร้างแทบจะกราบกรานนายทุนค่ะ เลยไม่ได้เรียกส่วนแบ่งกันเยอะเพราะอยากได้ทุนมาสร้าง ลองดูจากที่ผ่านๆมาก็ได้ค่ะ ผู้กำกับหนังแต่ละคนใช่จะรวย เพราะขอทุนเค้ามา คนให้ทุนมาเค้าก็หวังกำไร เค้าไม่หวังให้ยืมเปล่าหรอกค่ะ
ถ้ากำไรไปตกกับผู้กำกับหมด แล้วนายทุนจะได้อะไรคะ ถ้าเป็นแบบนั้นผู้กำกับได้กำไรเรื่องเดียวก็มีทุนสร้างเรื่องต่อๆไปเองได้แล้ว ไม้ต้องง้อนายทุน ซึ่งมันไม่ใช่ไงคะ
กำไรอาจจะประมาณ 200 ล้านซึ่งเป็นของนายทุนค่ะ ทำความเข้าใจใหม่ค่ะ แล้วที่สำคัญที่บอกว่าหนัง 500 ล้าน ความจริงก็ยังไม่ถึงด้วย ใช้คำว่ามุ่งสู่ 500 ล้าน

สัดส่วนตรงนี้ไม่ต่างกับนักร้องสมัยก่อนที่ออกเทปแล้วขายได้เป็นล้าน ไม่ใช่เอาค่าเทปม้วนละเท่าไหร่มาคูณล้านจะได้เป็นเงินที่นักร้องได้รับ ต้องถามว่านักร้องได้ส่วนแบ่งม้วนละเท่าไหร่ ที่เหลือก็เป็นของบริษัท เป็นของนายทุนหมดแหละค่ะ

จริงเหรอคระแม่ๆๆๆ ขายได้ 1 ล้านแผ่น แต่นักร้องได้แผ่นละ 2 บาท

แบบนี้คือ แทบไม่ค่อยรวยเลยนะคะ มิน่านักร้องยุคเก่า พออายุมากขึ้น ต้องหาทางประทังชีวิต หรือไม่ก็ออกมาขอบริจาค เพราะเงินที่ได้ไม่เยอะเลยนะคะ นึกว่าจะได้ส่วนแบ่งครึ่งต่อครี่ง

แบบนี้อีหนัง สัปเหร่อ คุณลุงจากพรรคภูมิใจไทยที่ลงทุนทำให้ ก็คงรวยเละสิคะ มีเงินมาหมุนหาเสียงและจ่าย เอ๊ย เทคแคร์ชาวบ้านรอบหน้าได้แน่ๆ ส่วนผู้กำกับ หนูว่ามากสุดคงได้ 10 ล้าน

ไม่ได้ 100 ล้าน ทุกเรื่องนะจ๊ะ จะได้กำไร