คนที่โน้น เขาสตรีมกันจริงจัง มันเป็นยอดการฟังจริงๆ แบบ organic ไม่ใช่ยอดวิวอย่างเดียวนะคะ เพลงที่โน้นที่เข้าชาร์ต คือคนกดฟังกันจริงๆ อินจริงๆ นิยมจริง ฟังกัน เปิดกันทั้งบ้านท้้งเมืองจริงๆ ถึงจะเข้าชาร์ต

มึงต้องเปิดโลกบ้างจ้ะ เอาไรมาติ่งไม่ปั่น
ติ่งสาว tate ตอนนี้ก็ปั่นสตรีมกีแหกพอๆกับ kpop แหละ

10 10 10

โลกที่สามชอบของฟรีเปิดยูทูปวนตามร้านอาหาร คาเฟ ห้าง ไหนจะติ่งไปปั่นบลัฟยอดวิวอีก สันดารพวกแมลงสาบโลกค่ะ

10 10 10

ทั้งนี้ อาจจะเพราะเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง rca กับ lloud ด้วย เหมือนนางออกเงิน แล้วให้ rca มาช่วยคุม cost การทำอัลบั้ม แล้วก็จัดหานักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์มาให้ แล้วก็ให้ rca ช่วยจัดจำหน่าย

ถ้าให้ rca คุม เดี๊ยนคิดว่างานจะออกมาดีกว่านี้ มีเอกภาพกว่านี้แน่นอน เพราะที่แน่ rca ทุนหนากว่า lloud มีเงินไปจ้าง โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงตัวท็อปของวงการ ราคาแพงๆ อย่าง max martin และ dr.luke มาเหมา ทั้งบั้ม ก็ยังได้ ไหนจะงบการตลาด การโปรโมท คอนเนคชั่นจัดเต็มกว่านี้อีกมากมาย แต่นั้นแหละ มันต้องแลกมาด้วย การขาดอิสระไปบ้าง และที่สำคัญ ลิขสิทธิ์ก็จะเป็นของค่ายเพลง มาดามไม่ได้สิทธิ์ master recording เพราะให้ค่ายเพลงลงทุนหมด

แต่ไม่มีเงินจ้าง producer ตัวท็อป ให้มาคุมการผลิตอัลบั้ม

แต่งเพลงเองไม่ได้ ทำเพลงเองไม่เป็น ไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องมีเงินจ้าง producer และ song writer เทพๆ ในวงการ มาช่วยทำอัลบั้ม ซึ่งแน่นอน มันแพง แต่ก็ต้องจ่าย ถ้าอยากได้ง่ายคุณภาพ คนฟังชอบ

แต่เหมือนนางมีงบจำกัด แล้วนาง ก็เลือกที่จะเอาเงิน ไปทุ่มกับ pr agency มากกว่า งานเพลง

ช่วงหนึ่งที่​ เรดวันดัง​ พวกนักร้องอินฟลูที่ไม่มีความสามารถอะไรก็ไปจ้าง​ ผลออกมาเพลงก็คล้ายๆกันหมด​ทั้งวงการ นี่รวมถึงแมกมาติน​ ดอ็กลุคด้วย

แนวเดียวหมด​ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
ไม่มีความเป็นออริจิ​

ถ้าขายเสียงจริงๆจังๆมีเอกลักษณ์แบบ​ Celine Tony Braxton แบบนั้นไม่มีใครแซะคะ​

ถ้าจะต้องทำเองเป็นหมด โลกนี้ไม่ต้องมีอาชีพโปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลงแล้วสิคะ
การเป็นศิลปินที่ดังและมีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องทำเองทั้งหมดก็ได้นะคะ

ส่วนใหญ่ศิลปินจะใช้โพรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงมาช่วยไกด์งานให้มีความสดใหม่​มากขึ้นคะ

ปกติเวลาทำงานเพลง​ ทำไปสัก2-3อัลบั้มมันจะเริ่มตันและซ้ำซากหมดไฟ​ ถ้าได้โพรดิวเซอคนใหม่ไฟแรงหรือคนเก่ามากประสบการณ์​มาช่วยชี้นำหรือขัดเกลาแนวทางเพลง​ งานเพลงจะมีความสดใหม่ไม่ย่ำอยู่กับที่เพราะได้ไอเดียใหม่ๆมาช่วยไม่ว่าเรื่องของการประกอบดนตรี​ เรื่องการเติมกลิ่นอายของสไตล์เพลง

อย่าง​ Lana​ Del Rey อัลบั้ม​ Bor​n​ to​ Die เป็นอัลบั้มเพลงแนวทริปฮอปผสมผสานกับบาร็อกป๊อป​ แต่อัลบั้มถัดไป​ Ultra violence นางร่วมงานกับ​ โพรดิวเซอร์Dan Auerbach ซึ่งคือนักดนตรีจากวง​ร็อก The​ Black​ key แนวเพลงเปลี่ยนไปจากทริปฮอปกลายเป็น​ alternative pop​ ในอัลบั้มถัดๆไปนางเปลี่ยนโพรดิเซอร์แนวเพลงและสไตล์มีการเดินหน้าไปเรื่อยๆ​ เพราะโพรดิวเซอร์แต่ละคนก็มีความชำนาญ​ใน​ genre ดนตรีที่ต่างกัน​ ทุกๆอัลบั้มของนางจะเจือความสดใหม่ของสไตล์​และดนตรี​ ไม่ย่ำอยู่กับที่

บางครั้งศิลปินก็ดึงนักแต่งเพลงเก่งๆมาร่วมงานช่วยกันแต่งเพลงด้วยเพราะทำเพลงมาหลายอัลบั้ม​แล้ว​ เมโลดี้ของดนตรีมันเริ่มซ้ำซาก
Jessie Jay​ เคยให้สัมภาษ​ไว้ว่าหลังจากอัลบั้มที่3​ sweet talk​ นางจะลดบทบาทการเขียนเพลงลงเพราะนางรู้สึกตันแล้ว

ลาน่า​ ก็เคยพูดว่า​อัลบั้มที่7​ Chemtail over​ Country​ club​ นางไม่เหลือแรงใดๆเลยเพราะนางทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการขุดจิตวิญยาณออกมาเขียนเพลง​ อัลบั้มต่อไปนางอยากทำเพลงคัฟเวอง่ายๆอย่าง​ take​ me​ home​ Country​ road

แต่ศิลปินบางคนก็ไม่ใช้โพรดิวเซอรหรือนักเขียนเพลงเลยก็มี​ พวกนี้คือศิลปินที่มีความคิดสร้างสรรค์​ในตัวสูงมาก​ อย่าง​ Prince

แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวศิลปินต้องพิสูจน์ฝีมือ​ทางด้านดนตรีให้ประจักษ์​ การจ้างทำเพลงยกอัลบั้มเพียงแค่ยื่นธีมให้คนอื่นไปทำเพลง​ อย่างนี้เรียกว่านางโชว์คะ

ขนาดยายทวดแชร์เมื่อไม่กี่ปีก่อนนางไปลงคอร์สแต่งเพลงที่ประเทศแถวยุโรป​
นางแต่งเพลงแนวป๊อปร็อคแนว​ บองโจซี่​ เดสมอนไชน์ที่นางชอบ​ เพลงก็พอฟังได้คะ
แต่ที่สำคัญคือเรารู้สึกชื่นชมนาง​

ดนตรีก็เหมือนงานศิลปะคะ​ ถ้าเจ้าตัวจ้างเขาทำหมด​ มันจะแสดงตัวตนของศิลปินออกมาได้อย่างไร

แล้วทำไมนางไม่ขอผัว

ก็ตามนั้นแหละ เพลง new woman เดี๊ยนชอบสุดในอัลบั้มล่ะ

ส่วนเรื่องงบจำกัด ก็จริง นางยังบ่นเรื่องค่าทำ mv ต้องขอส่วนลดอยู่บ่อยๆ

อารมณ์วัยรุ่นอีสานสร้างตัวเว่อร์แม่

บั้ม 2 3 4 เดี๊ยวก็ตามมา นี่ขี้เหนียว บััมแรกก็งั้นๆ 2 3 4 ใครจะควักเงินซื้อ