ลองจินตนาการภาพนี้ดู ขณะที่อเมริกาหยิบค้อนขึ้นมาตีเพื่อหยุดจีน
จีนกลับนั่งพับเพียบอยู่ข้างกระดาน หยิบพู่กันขึ้นเขียนแผนระยะยาวอย่างสุขุม เยือกเย็น
สงครามการค้า? ในมุมตะวันตกมันคือดราม่าทรัมป์-ภาษี-ชิปขั้นสูง
แต่มุมจีน
มันคือโอกาสรีเซ็ตระบบโลก
จีนไม่ได้จะ อยู่รอด เฉยๆ แต่ตั้งใจจะ อยู่เหนือ และ อยู่นาน
ถ้าจะเล่นหมากล้อมกับมหาอำนาจตะวันตก จีนรู้ว่าต้องคิดให้ลึกกว่ากระดาน
เงียบแต่ไม่ยอมแพ้
จีนไม่ตอบโต้ด้วยอารมณ์ ไม่มีทวิต ดราม่า ไม่มีแถลงข่าวปรี๊ดแตก
แต่ใช้สื่อในประเทศปลุกความเป็นชาตินิยม
ยิ่งเศรษฐกิจโลกสั่นคลอน สี จิ้นผิงยิ่ง นิ่งเป็นหลวงจีน พูดแต่คำว่า อดทน จนกลายเป็นวาทกรรมหลักของชาติ
จีนไม่เคยลืมว่าตัวเองเคยเป็นเหยื่อจักรวรรดินิยม และวันนี้เขาใช้ความทรงจำนั้นเป็นพลังเพื่อไม่กลับไปตรงนั้นอีก
เพื่อนบ้านคือแนวรบใหม่
สหรัฐฯ พยายามตีวงล้อมจีนด้วยพันธมิตรอย่าง QUAD และ AUKUS
แต่จีนกลับ ประชุมเพื่อนบ้าน วันที่ 89 เมษายนแล้วประกาศคำว่า ประชาคมร่วมอนาคต แบบนุ่มลึกแต่ทรงพลัง
จีนบอกว่า รอบบ้าน ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่คือ เกราะป้องกันจีน
จีนสร้างระบบโลจิสติกส์พลังงานการเงิน ที่ไม่ต้องผ่านด่านดอลลาร์
ยื่นทางเลือกให้โลกแบบไม่ต้องใช้คำว่า ประชาธิปไตย
นี่คือการ เปลี่ยนภูมิศาสตร์ให้กลายเป็นภูมิคุ้มกัน
ประเทศเพื่อนบ้านในสายตาจีน ไม่ได้เป็นแค่เขตกันชน แต่เป็นแนวร่วมระยะยาว
ตีอเมริกาแบบไม่ต้องยิง
จีนไม่ได้อยากชนะในสนามรบแต่จะทำให้อีกฝ่ายหมดแรงระหว่างทาง
มาตรการโต้ตอบสหรัฐ ฯ จีนตีเข้าจุดอ่อนเศรษฐกิจอเมริกัน
คุมแร่หายาก บีบอุตสาหกรรมสำคัญของอเมริกา
ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีอเมริกัน ดันแบรนด์ตัวเอง
บีบเงินเฟ้อสหรัฐผ่านการคุมสินค้าทั่วโลก
ใช้ค่าเงินหยวนเป็นเกราะกันแรงสะเทือนจากดอลลาร์
ทั้งหมดนี้ทำให้สงคราม ยืดเยื้อ แต่เป็นเกมที่จีนตั้งใจเล่นนานอยู่แล้ว
คล้ายกับบอกว่า คุณอาจรีบ แต่เราจะทนได้มากกว่า
จีนรู้ดีว่าโลกกำลังเปลี่ยน
เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ เถียงกับอเมริกา
แต่คือ สร้างระบบโลกใหม่ ที่ไม่ต้องมีอเมริกาเป็นศูนย์กลาง
Belt and Road ไม่ใช่แค่โครงการโครงสร้างพื้นฐาน แต่มันคือหมากเดินตัวใหญ่ในการ ผูกมิตรแลกผลประโยชน์ปกป้องกันและกัน
สี จิ้นผิงพูดชัด นี่คือช่วงเวลาการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
และสิ่งที่น่ากลัวกว่านโยบายจีนคือเขาวางโครงสร้างให้มันเกิดขึ้นจริง
อย่ามองว่าจีนแค่สู้กลับ
จีนกำลัง เขียนกติกาใหม่ของโลก เช่นกัน โดยใช้เวลา ความอดทน และความเงียบ ในการโต้ตอบสหรัฐฯ