เพราะมีหลักฐานว่าใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2

ใช้มาก่อนการเข้ามาของวัฒนธรรมอินเดีย

ที่มาพร้อมคณะธรรมทูตของพระเจ้าอโศก ในช่วงศตวรรษที่ 3

และรับมาเรื่อยๆ มาตลอดช่วงอาณาจักรคุปตะ(ยาวถึงศตวรรษที่ 6)

เลยมีลักษณะวัฒนธรรมไปทางอินเดียเข้มข้นมาก เพราะรับมาตรงๆและยาวนาน

ก็รับมาจากลอมพอกของแขกไม่ใช่หรอคะ คงไม่เก่งกล้าโผล่คิดขึ้นมาเองได้

และคนกลุ่มที่อยู่ในแผ่นดินที่เป็นไทยทุกวันนี้ สมัยศตวรรษที่ ๒ มันยังไม่ใช่กลุ่มพูดภาษาและวัฒนธรรมไทยค่ะ แต่เป็นกลุ่มพูดภาษาตระกูลออสโทรเอเชียติกส่วนมาก

ที่หน้าด้านมาบอก มงกุฏชฎา เป็นของไทยแท้นี่กูก็ว่าโง่ฉิบหายล่ะนะ ยังหน้าด้านมาบอก คิดค้นมาเอง เก่าแก่กว่าใคร มาตั้งแต่พุทธกาล หีแตด โอ้ยยยยยยยย อีประสาท

กะเทยควายพวกนี้ โดนเขาหลอกให้คลั่งชาติ จนโง่ดักดานไปหมด

ไทยแท้ คือมึงต้องรู้ก่อนป่ะ ว่าไทแท้จริงๆ ออริจินัล มาจากไหน อีควาย

วัฒนธรรมแท้ๆ ของพวกมึงคือเลี้ยงควาย ทำนา บูชาผี โน้นนน อีโง่

ไทย/สยาม ที่พวกมึงเห็นในทุกวันนี้ มันวิวัฒนาการมาไกล จากไทแท้ๆ ไปเยอะมากแล้ว และไม่มีอะไรแท้จริง มึงเอาของชาวบ้านเขามาหมด อินเดีย จีน แม้แต่การรับวัฒนธรรมมือสอง หลายๆอย่างผ่านเขมรโบราณ

จากทำนา เลี้ยงควาย บูชาผี ตอนนี้วัลลาบีมาไกล เอาของคนคโน้นคนนี้มาอุปโลกน์ เป็นของตัวเองจนเคยตัว จนลืมรากเหง้า กำพืดจริงๆ ว่าตัวเองมาจากไหน

อีเหี้ยกะลาแลนด์ โง่ไม่ต่างกับอีกะเทยเขมรจริงๆ สมกับที่เขาด่าๆกัน บ้านพี่เมืองน้องอีกร้อยชาติ ก็ไม่พัฒนา สภาพ!!!

เด็กเล็กทั้งหญิง ทั้งชาย ก็เดินเปลือยทั้งตัว ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ต้องรอจนกว่าจะ 6-7 ขวบ ถึงจะเริ่มมีชิ้นผ้าไปปิดส่วนอุจาดให้

อีนี้หลอน ฉิบหาย มงกุฎ เอาไรมาไทยแท้ ควายได้ทุกกระทู้

ปัจจุบันเราแบ่งชนชาติไท ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้ ไทเหนือ ไทกลาง ไทใต้

แน่นอนว่า ชาติพันธุ์ไทแท้ๆ มีจุดกำเนิดอยู่บริเวณสิบสองปันนา (ที่อยู่ของไทเหนือ, ไทกลาง ในปัจจุบัน) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นตอนใต้ของประเทศจีน

ชุดคนไทแท้ๆออริจินัลในสิบสองปันนา ไม่ได้สวมสไบ ไม่ได้มีชฎา ในด้านภาษาก็ไม่ได้เอาคำเขมร คำบาลี-สันสกฤตมาใช้ เหมือนไทที่อพยพมาอยู่บริเวณสุวรรณภูมิ (ไทย / ไทสยาม)

ชุดไทแท้ๆ ของเผ่าพันธุ์ไทย ที่ถูกต้องควรเป็นแบบนี้

คนไทในสิบสองปันนา ทางการจีนเขาก็กำหนด dress code กันแบบนี้ทั้งนั้น ไทแท้ๆ ที่อยู่ในจีน ไม่ได้มาสวมสไบ

มีแค่อีไทกลุ่มที่อพยพลงใต้ มาอยู่บริเวณสุวรรณภูมิ ลงมาเจอมอญ มาเจอเขมรโบราณ แล้วรับวัฒนธรรมอินเดีย ผ่านเขมรโบราณมา

มีแต่ไทพวกนี้แหละ ที่สวมสไบ ปรับตัวเองใหม่ เข้ากับสังคมแบบ ฮินดู-พุทธ วิวัฒนนาการตัวเองจนมาเรื่อยๆจนกลายมาเป็นแบบนี้

โฆษณาชวนเชื่อเว่อร์ๆ ในสื่อแบบนี้

จากเผ่าไทแท้ๆ ในสิบสองปันนา ทำนา ไหว้ผี มาสู่สังคม พุทธ-ฮินดู แล้วก็สร้างลัทธิชาตินิยม การเป็น คนไท(ย)แท้ เมืองพุทธ คือมึง มาไกลมาก ก็อปมาแล้ว ไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ย้อมรับความจริงบ้าง

แล้วเหยียดลูกสาวเป็นส้วมหน้าบ้าน เหี้ยมาก

เก่ากว่านั้น ลักษณะเรือแบบเรือเอกชัยเหินหาวและเรือเอกชัยหลาวทองในพยุหยาตราชลมารค
หลักฐานที่พบในไทยเก่าแก่ย้อนไปได้ถึงยุคสำริด แปลว่าคนไทใช้เรือลักษณะนี้มานานมากแล้ว

ชฎา มงกุฎ มันเข้ามาพร้อมวัฒนธรรม ฮินดู จากอินเดีย

หน้าด้านมาบอกว่าไทยแท้ เอาแค่ชื่อ มึงยังไม่ได้ใช้ภาษาไทเรียกเลย มงกุฎคำสันสกฤต ชฎาก็คำสันสกฤต 5555555555 อีควายยย

ชฎา หรือ มงกุฎ ไม่ได้มีแค่ไทย เขมร พม่า หลักธาตุเก่าสุดอยู่บนเกาะชวา แล้วทักประเทศบอกเหมือนกันหมด ว่ามันได้มาจากวัฒนธรรมฮินดู จากอินเดีย

กูเห้นมีแต่กะลาแลนด์ พยายามบิดเบือน บอกว่าไทยคิดเอง ไทยคิดเองกี่โมง ยังใช้ภาษาชาวบ้านเรียกสิ่งที่มึงบอกว่าตัวเองมีมาก่อนชาวบ้าน??? เคลมได้ตลกมาก

เจอไทยตบหน้าด้วยหลักฐานตั้งกะยุค Bronze Age
(ที่เก่ากว่ายุคนครวัดอย่างน้อยๆก็ 2000 ปีโน่น)
ว่าคนไทใช้เรือแบบนี้มาตั้งกะตอนนั้นละ หน้าตาก็เปลี่ยนไปน้อยมาก

จบโบราณคดีจากกศน.ศูนย์ไหนคะ การอธิบายพังพินาศมาก

แดกน้ำโคลนตะกอนสกปรกแล้วอุปทานว่าอายุยืน

เอาแป้งโรยต้นไม้ เอามือถูแล้วมโนเห็นตัวเลข

ทั้งหมดที่เห็น หลักฐานฝั่งไทยเก่าแก่กว่าค่ะ

ชฎา รูปหินสลักที่พบในไทย
พบในเหล่งโบราณคดีที่อายุย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 2
และถอยขึ้นมายังไง ก็ไม่ใหม่ไปเกินศตวรรษที่ 5

จีบหน้านาง หลักฐานที่พบในไทย เป็นศิลปะยุคคุปตะเลย
คือรับมาจากอินเดียโดยตรงในสมัยคุปตะ ก็ช่วงศตวรรษที่ 3-6

สไบ หลักฐานที่พบในไทย อยู่ที่ศตวรรษที่ 7 เลยนะคะ

คนไทก็อาจจะรับมาจากอินเดีย
แต่ก็รับมาก่อนเขมร และใช้มาก่อนเขมรแน่ๆ

ไม่ใช่วัฒนธรรมมือสอง เพราะคนไทรับตรงมาจากอินเดียก่อนเขมร

หลักฐานในไทยเก่าแก่กว่าฝั่งเขมรหมด ชฎานี่เก่ากว่าฝั่งนั้นเป็นพันปี

"วัฒนธรรมไทยแท้มีอะไรบ้างคะ แบบไทยแท้ไม่มีอิทธิพลใดเจอปนเลย"

อ่านออกมั้ยคะอีแก่

Ban Chiang Unique Paintings Vase

อีสานดั้งแหมบ หน้าโหนกอมลูกมะนาว แดดกเนื้อดิบเลือดสด โรคแอนแทรกซ์ส่งเข้าประกวด

บ้านเชียงอาจเป็นกลุ่มคน โซ่ ทะวึง ก็หรือไม่ก็ ขมุ ก็ได้ค่ะ อันนี้โซ่ทะวึงในจังหวัดสกล ก็ไม่ไกลจากบ้านเชียงอุดร เท่าไร
https://www.youtube.com/watch?v=BrME163-3vs

ปวศ ตกก็ไปศึกษาใหม่ ตั้งแต่สมัย ร.5 ออกกฎและค่านิยมให้คนใส่เสื้อออกนอกบ้าน ไม่เปลือยท่อนบนออกที่สาธารณะ ท่อนล่างก็นุ่งโจง หรือผ้านุ่งตามสมัยนิยม ส่วนถ้าเป็นทางการ ผช จะใส่เสื้อปะแตนนุ่งโจง ผญ จะใส่เสื้อลูกไม้อิทธิพลฝรั่ง นุ่งโจงหรือผ้าถุงก็แล้วแต่ การใส่เสื้อผ้าฝ้ายสำหรับชาวบ้านก็มีมานานแล้ว

ส่วนสมัยจอมพลป. มาเน้นให้แต่งตัวเหมือนฝรั่ง

ออกนั่น ออกนี้มา กะจะสร้างภาพให้ฝรั่งเห็นว่าสยามไม่ใช่คนป่า มีอารยะเหมือนตะวันตก

แต่ในความเป็นจริง สภาพสังคมสยามตอนนี้ กลวงโบ๋มาก ชาวบ้านไม่มีการศึกษา ชาวบ้านจนรากหญ้า ไม่สามารถปฎิบัติตามได้ เอาเสื้อผ้าจากไหนมาใส่ก่อน เงินจะซื้อก็ไม่มี จนกันทั้งประเทศ บวกกับความเคยชิน ที่เปลือยออกนอกบ้าน ไม่ใส่รองเท้า มาเป็นร้อยๆ ปี มันไม่ใช่จะเปลี่ยนกันง่ายๆ ซะที่ไหน

เหมือนที่บอกว่า เลิกทาส เลิกการหมอบกราบ ให้ยืนเสมอกษัตริย์ได้ และ กินอาหารกับช้อนสิ ในความเป็นจริง คนสยามยุคนั้น ส่วนมากก็ยังคงเป็นทาสต่อไป หมอบกราบเหมือนเดิม และกินอาหารกับมือเหมือนเดิมอยู่ดี

เพราะสมัยนั้น ร.5 มันเป็นการพยายามจะยกระดับประเทศแบบกลวงๆ ยังไม่ได้ส่งเสริมเรื่องการศึกษา ยังไม่มีแนวคิดระบบสุขอนามัย แบบโลกตะวันตก ชาวบ้านไพร่ทาส ตามไม่ทัน ก็มีแต่คนในวังนั้นแหละ ที่จะทำตามได้
มาได้ผลจริงๆ ก็สมัยหลังมาแล้ว

สมัยร. ๕ ในกรุงเทพ และหัวเมืองต่างจังหวัดมีร้านค้าขายเสื้อผ้าปกติกันเยอะแล้วค่ะ ในชนบทก็มีตลาดท้องถิ่น หรือในชุมชนทอผ้าทำเสื้อผ้าเองก็มีไม่น้อย และระบบสารณสุขอนามัยแบบตะวันตกก็เข้ามาแล้ว

ไทรับวัฒนธรรมอินเดียก่อนเขมรค่ะ
หลักฐานที่พบในไทย ล้วนเก่ากว่าของกัมพูชามาก

ชฏา ก็อย่างที่รีบนๆพูดไป
หลักฐานที่เจอในไทยคือช่วงศตวรรษที่ 2-5

สไบ หลักฐานที่เจอในไทย คือศตววรษที่ 6-7

จีบหน้านาง ใช่ ไทกลุ่มอื่นนุ่งป้าย มีแต่สยามที่นุ่งจีบ
คนไม่รู้ก็หาว่านุ่งตามเขมร แต่จริงๆหลักฐานในไทยเป็นศิลปะคุปตะ
ซึงยุคคุปตะ สิ้นสุดที่กลางศตวรรษที่ 6 แปลว่าคนไทรับมาก่อนนั้น

พวกนี้ก็เป็นหลักฐานให้เห็นชัดๆ ว่าคนไท ได้องค์ประกอบของชุดไทย
มาครบตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 7 แล้ว ซึ่งก่อนเขมร

หลักฐานฝั่งกัมพูชายุคหลังกว่านี้มาก

กลับมาที่คนอีสาน คำว่าอีสาน ถูกประดิษฐ์สร้างขึ้นมาใหม่ของรัฐสยาม เพื่อสร้างความชาตินิยม และดึงคนลาว คนเขมร และเผ่าพันธุ์ต่างที่อยู่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย กลายมาเป็นคนไทย ตัดขาดกับประเทศเดิมของพวกเขา ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างความชาตินิยม ความเป็นไทย เป็นปึกแผ่นขึ้นมา

ภาคอีสาน มีคนเชื้อสายลาว เป็นประชากรส่วนมากโดยจะอยู่หนาแน่นในอีสานตอนบน และ ตอนกลาง ส่วนอีสานตอนใต้ส่วนมากจะเป็นประชากรเขมร

มาที่ คนลาว จริงๆแล้วถ้าตัดความชาตินิยมออกไป คนลาว ก็คือคนไทนั้นแหละ อยู่ใน กลุ่ม คน ไท กะ ได เป็นเผ่าคนไท เช่นเดียวกับคนเหนือภาคเหนือ และคนอีสานตอนบนและกลาง ของไทย ส่วนมากก็ลูกหลานชาวลาว ซึ่งก็คือคนไท

ซึ่งโดยกรรมพันธุ์แล้ว คนไท ผิวจะสว่างๆ ใสๆ ขาวเหลือง อาจจะไม่ถึงขนาดขาวแบบจีน แต่ไม่ได้ดำ หน้าไม่ได้เข้ม เพราะฉะนั้น สเตอริโอไทป์ไทยแท้ ต้องหน้าเข้มตัวดำ หีแตดพวกนั้นจึงค่อนข้างผิดไปจากความจริงทางวิทยาศาสตร์ศาสตร์อยู่พอสมควร เพราะหากว่าเรายืนยันว่า ไทยแท้ คือ คนไท ก็ต้องทำความเข้าใจให้ถูกว่า คนไท ไม่ได้ผิวดำ หน้าเข้ม เพราะลักษณะเช่นนี้ คือ Austroasiatic เช่น มอญ เขมร มากกว่า

คนเผ่าไท ถ้าจะดำ ก็ดำเพราะทำไร่ ทำนา ดำแดด ซึ่งก็จริง เพราะวิถีชีวิตคนไท ก็เป็นเช่นนี้มาตลอด ตั้งแต่ยังอยู่บริเวณสิบสองปันนา แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าคนไท ไม่ใช่คนผิวดำโดยกรรมพันธุ์ หน้าไม่ได้เข้มด้วย

อีสานใต้ ที่เราเห็นผิวค่อนข้างคล้ำ หน้าตาเข้ม ก็เพราะมีเชื้อสายชาวเขมร หรืออาจจะเป็นเขมร ผสมกับคนลาว คนจีนที่อพยพมา จึงไม่แปลก เพราะอีสานใต้ เป็นถิ่นเก่าของเขมร ผิดกับ อีสานตอนบน ตอนกลาง ที่เป็นถิ่นของคนลาว หรือคนสายพันธุ์ไท ดังที่บอกไว้ข้างต้นนั้นแหละ