การแก้พรบ.รฟม กับ การทำ 20บาท มันคนละเรื่อง เพื่อไทยไม่ต้องให้ใครปั่น ให้คนเข้าใจสาระสำคัญของการแก้ พรบ.รฟม ผิดๆหลอกครับ คนกรุงเทพไม่ได้โง่ และไม่ได้ฟังแค่ NBTปัญหาหลักของพรบ.นี้คือ การแก้กฎหมายเพื่อตัดหน้าเอาเงินรฟม.ไปใช้ โดยไม่ส่งเงินคืนคลัง แต่เอา 20บาทมาโหนบังหน้า ถือว่าเป็นการกระทำที่น่าเกลียดนะครับ
👉🏻สิ่งที่ควรชี้แจงสังคมจริงๆ คือ
1.การทำ 20บาทของเพื่อไทย ไม่ตรง กับสิ่งที่หาเสียงไว้ เป็นการหลอกคนไทยทั้งประเทศ (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของเพื่อไทยยุคนี้ ที่ตระบัติสัตย์กันเป็นว่าเล่น) เพราะเพื่อไทยโม้ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งอย่างดิบดีว่าจะทำ 20บาท ด้วยการ เจรจาให้เอกชนลดราคา ซึ่งแน่นอนว่าการเจรจา รัฐจะไม่ต้องเสียเงิน ทุกคนแฮปปี้ แต่พอเป็นรัฐบาลกลับเปลี่ยนเป็นทำ 20บาท ด้วยการ จ่ายเงินอุดหนุน
จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆแล้ว เพื่อไทยรู้แต่แรกอยู่แล้วว่าไงก็เจรจาไม่ได้ แต่หาเสียงหลอกชาวบ้านให้ดูว่าฉลาด ไม่ต้องใช้เงินก็ทำ 20บาท ใช่หรือไม่? เพราะจริงๆเพื่อไทยก็สนิทแนบแน่นกับนายทุนรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าให้ตายไงก็เจรจาไม่ได้
2.การแก้กฎหมายของเพื่อไทย สร้างมาตรฐานการเอาเงินรัฐวิสาหกิจไปใช้แบบผิดๆ เพราะการแก้กฎหมายของเพื่อไทย เป็นการเปิดช่องให้รฟม.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เอาเงินไปใช้อย่างอื่นนอกภารกิจ ไม่มีการตรวจสอบจากสภา
โดยปกติแล้ว รายได้ของรฟม.เป็นเงิน นอก งบประมาณ คลังจะเรียกให้ส่งคืน เพื่อแปลงเป็น เงิน (ใน)งบประมาณ และถ้ารัฐบาลอยากจะใช้เงิน ก็ขอให้สภาอนุมัติ แต่พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนให้เอาเงินไปใช้ก่อน จะได้ไม่ต้องเหลือส่งคืนคลัง โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการทำระบบตั๋วร่วม
จริงๆ 20บาท อาจไม่นับว่าเป็นตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม เพราะจริงๆมันคือ การอุดหนุนราคาค่าโดยสาร จากเฉลี่ยคนเรานั่งรถไฟฟ้าจ่ายสายละ 34 บาท ให้เหลือสายละ 20บาท (ประชาชนจ่าย 20 แต่รัฐจ่ายอีก 14บาท) ซึ่งถ้าขึ้นหลายสายก็ เราต้องจ่าย 20,20,20 และรัฐอุดหนุนอีก 14,14,14
3. โดยปกติ เงินนอกงบประมาณตรวจสอบได้ยาก เพราะหน่วยงานจะอ้างว่าเป็นรายได้ของหน่วยงานเอง ไม่ใช่เงินงบที่ขอจากสภา สภาไม่เกี่ยว อย่าง ปตท. การไฟฟ้า การประปา สวัสดิการกองทัพบก ไม่ค่อยให้สภาตรวจสอบ เพราะอ้างว่าไม่ได้ใช้งบสภา
ทั้งที่จริง เงินที่พวกเขาได้รับมาจากการเอาเงินและทรัพย์สินของรัฐไปหาเงินทั้งนั้น แต่พอจะตรวจสอบกลับบอกว่าเป็นเงินของตัวเอง หรือล่าสุดอย่าง ประกันสังคม ที่กีดกันไม่ให้สภาตรวจสอบเชิงลึด
4.ถ้าเพื่อไทยอยากทำ 20บาท ไวๆ ไม่ต้องรอ 2ปี แค่ให้นายกอนุมัติงบกลาง หรือ ให้สภาอนุมัติงบ ไปจ่ายบริษัทรถไฟฟ้า ก็จบ ไม่เห็นต้องอ้อมมาแก้ พรบ.รฟม. และการอนุญาตให้ล้วงเงิน รฟม. ไปทำอย่างอื่นได้ คือการให้ รมต.คมนาคม มีเงินนอกระบบไว้ใช้มากขึ้น โดยที่สภาตรวจสอบได้ยาก
5.อีกหนึ่งกลไก ที่ควรเป็นเป้าหมายของเพื่อไทยแต่กลับไม่เอาเข้าสภา คือ พรบ.ตั๋วร่วม ที่กรรมาธิการแก้ไขเสร็จแล้ว ถ้าเข้าสภา โหวตวาระ 2,3 ก็ประกาศใช้และตั้งกองทุนตั๋วร่วม และ จับผู้ประกอบการเข้าระบบตั๋วร่วม ตัดค่าแรกเข้า ซึ่งกำไรผู้ประกอบการจะลดลง แต่เป็นธรรมกับประชาชนที่ต้องเปลี่ยนสายมากขึ้น
6. เมื่อวานผมอภิปรายไป และตั้งคำถามหลายคำถาม แต่ผู้ชี้แจงทั้ง รมต.คมนาคม, สนข., กรมขนส่งทางราง และรฟม. ไม่มีใครตอบ คือกรณีผู้ประกอบการจะรวยขึ้น จาก 20บาท ราวๆ 6,000ล้าน และรัฐเสียเงินจ่ายอุดหนุน 11,000ล้านบาท ซึ่งถามว่า รัฐจะเอาส่วนที่ผู้ประกอบการรวยขึ้น มาหักลบกับเงินที่ต้องอุดหนุนหรือไม่ ยอดเท่าไร และ 20บาท คือสายละ 20 หรือเปลี่ยนกี่รอบ รวมกันก็จ่าย20 แต่ไม่มีใครชี้แจง
7.20บาท ของเพื่อไทย ไม่รวมรถเมล์ และ ทำให้ขึ้นรถเมล์แพงกว่ารถไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะคนใช้รถเมล์คือกลุ่มเปราะบางที่สุด ผมเข้าใจนะครับว่า นายทุนรถเมล์ไม่ได้รวย ซึ่งผิดกับนายทุนรถไฟฟ้าที่สนิทสนมกับเพื่อไทยมาก
แต่เพื่อไทยก็ควรห่วงประชาชนที่ใช้รถเมล์ที่โดนทอดทิ้งมานานด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาเรากระทุ้งทีนึงก็ทำทึนึง นี่กระทุ้งไป10กว่ารอบ แต่งานไม่คืบ
8.ท้ายนี้ พรรคประชาชนรักคนกรุงเทพและคนไทยทุกคนมากครับ 🧡 และเรามุ่งมั่นให้เกิดการลดราคาค่าโดยสาร ด้วยการผ่าโครงสร้างราคาแบบถาวร ไม่ใช่การกู้เงิน หรือเอาภาษีเงินไปอุดหนุนนายทุน พอเงินหมดก็จบกัน
เราถึงยื่นประกบร่างพรบ.ตั๋วร่วม และในชั้นกรรมาธิการ ก็ผลักดันให้มีการทำตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม การเพิ่มตัวแทนภาคประชาชน การตรวจสอบฐานะการเงินผู้ให้บริการ การแก้พรบ.ให้ครอบคลุมรถเมล์ เรือ และ สองแถว และเราเน้นย้ำถึงการทำขนส่งสาธารณะในต่างจังหวัดเพื่อให้เข้าถึงคนไทยทั่วประเทศ ไม่ได้เอาแค่รถไฟฟ้าแล้วจบ
ที่สำคัญพรรคเราไม่ได้สนิทสนม หรือเป็นลูกไล่ให้กับนายทุนรถไฟฟ้าครับ
