จริงๆ ปรเทศติดกัน แล้วตีกัน มันมีอยู่ทั่วโลกนะ แต่ฝั่งโลกที่1 จะต่างกับโลกที่3เมื่อก่อนโลกที่1 ประเทศติดกันมันก็ตีกัน เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ตีกันจนลุกลามจนเป็นสงครามโลก สาเหตุคือ ต้องการทรัพยากร และแผ่นดินเพิ่ม เพราะแข่งกันเป็นชาติมหาอำนาจ เขาไม่ได้มาตีแย่งวัฒนธรรมหีแตดไร้สาระ ในด้านวัฒนธรรม โลกที่1 เขาใจกว้าง แชร์ๆกันไปหมด ชิลมาก แต่เรื่องเขตแดน ทรัพยากร ความมั่นคง เทคโนโลยี วิทยาการ ความรู้ต่างๆ มันตีกัน แข่งกัน จะทะเลาะกัน
แต่ การทะเลาะกันของโลกที่3 จะงี่เง่ากว่า คืออกแนวงมวาย ยึดติดกับอดีต เช่น ยังเป็นแนวแย่งวัฒนธรรม (เช่นคู่ ไทย-กัมพูชา หรือจะ คู่ มาแต่-อินโด หรือ ทะเลาะกันเรื่องศาสนา อินเดีย-ปากี เป็นต้น พวกนี้คือการยึดติดกับเรื่องโบราณ แล้วเอามาทำลายกันถึงในอดีต โลกที่1 เขามองว่าไร้สาระ
ของประเทศอาเซียน เนื่องจากเป็นประเทศโลกที่3 ทะเลาะกัน สาเหตุมันไม่ใช่เพราะจริงๆ มันคือวัฒนธรรมเดียวกัน แต่มาถูกทำให้ทะเลาะกัน เพราะถูกจับแยกออกจากกันในยุคหลัง ด้วยเส้นแบ่งเขตแดนในระบบรัฐชาติสมัยใหม่ แบบโลกตะวันตก ซึ่งมาพร้อมกับลัทธิชาตินิยม
ลาว-ไทย-กัมพูชา ผิดใจกัน
มาเล-อินโด ผิดใจกัน
พวกนี้เพราะเขาควรจะเป็นประเทศเดียวกัน แต่มาถูกจับแยกออกจากัน ในยุคหลัง
ถ้ายอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ ก็ทะเลาะกันไปจนวันตาย การตีกันสไตล์ขี้หีไร้สาระ ด้อยพัฒนาแบบนี้ มันไม่มีวันจบ ผ่านไป 70 ปี ก็ยังตีกันเรื่องเดิม แต่ข้อดีคือ การทะเลาะแบบนี้สูญเสียไม่เยอะ
ของโลกที่1 เขาตีกันเรื่องดินแดน เรื่องทรัพยากร เรื่องความมั่นคง รบกันขึ้นมา มันสูญเสียมาก แต่จบได้เร็ว
เลือกเอา