มึงเห็นอีตุ๊ดอ้วนปีหนึ่งนั่นป่ะ ตอแยอยู่ได้ หน้าแม่งหลอนสัตว์ โจ แฟนของจอยพูดกับเพื่อนที่ยืนฉี่ด้วยกันอยู่ข้าง ๆ ส่วนผมนั้นล้างมือทำความสะอาดอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ความที่ผมเป็นคนนอกไม่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ โจจึงกล้าพูดโผงผางกระมัง ซึ่งมันไม่ใช่เลย ผมนี่แหละคือเจ้าหนี้แฟนของชายผู้นี้ จะอย่างไรก็ตาม ผมแสร้งล้างมือเหมือนไม่สนใจแต่กำลังแอบฟังทุกอย่างด้วยท่าทีสงบ
มึงก็ว่าน้องมันแรงไปม๊าง เพื่อนอีกคนตอบกลับโจ
ไม่แรงไปหรอกกับอีตุ๊ดพวกนี้ แม่งขยะมีชีวิตชัด ๆ วัน ๆ เอาแต่ปลื้มผู้ชายหล่อ แต่สารรูปตัวเองดูไม่ได้เลย
ก็มึงหล่อไงเค้าถึงได้ปลื้ม มึงก็ชอบให้มีคนสนใจอยู่แล้วนี่
แต่ไม่ใช่มาวอแวกับกู แม่งไม่หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง เหี้ยเอ้ย มึงนึกดิ่ใครจะอยากถ่ายรูปกับมัน เก็บเอาไปเล่นของรึเปล่าก็ไม่รู้ เหี้ยตุ๊ดอ้วนพวกนี้แม่งน่าจับไปบดไขมันทำเป็นอาหารสัตว์ ตายแบบนี้ยังมีประโยชน์กว่ามีชีวิตอยู่เพื่อแดก แดก แดก ไปวัน ๆ โจรูดซิปกดน้ำหลังเสร็จกิจธุระ ไปเหอะว่ะ คนเริ่มเข้างานแล้ว ทั้งสองเดินออกจากห้องน้ำไป เหลือเพียงความเงียบงัน
.
.
.
ผมได้ยินเสียงแผ่วเบาคร่ำครวญจากห้องน้ำ
.
.
.
ฮือ ๆ ๆ ๆ เด็กตุ๊ดอ้วนปีหนึ่งคนที่ขอถ่ายรูปกับโจเปิดประตูห้องส้วมออกมา เขาได้ยินทุกอย่างเมื่อครู่ เจ้าตัวผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นผม คงเข้าใจว่าห้องน้ำเงียบไม่มีคนอยู่จึงเผยตัวออกมาพร้อมใบหน้าแดงก่ำฉ่ำด้วยคราบน้ำตา พลังโทรจิตทำให้ทราบว่าเขาอยู่ในอารมณ์โกรธและเสียใจผสมกลืนกันอย่างแยกไม่ออกทีเดียว
ผมส่งยิ้มให้น้องตุ๊ดอ้วน แต่เขาหลบตาผมแล้วตรงไปล้างหน้าล้างตา คงจะอายน่าดู
.
.
.
ในยุคนี้ รูปลักษณ์เป็นต้นทุนทางสังคมชั้นดี นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ . . . ผมพูดกับตัวเองในกระจกเพื่อที่น้องอ้วนจะได้ไม่รู้สึกประหม่าในคำพูด . . .ผมเอง ก็เคยตะเกียกตะกายจนพ้นจุดนั้นมาแล้ว
แต่ยังไงก็เถอะ แค่ขอถ่ายรูปไม่น่าพูดแรงขนาดนั้นเลยเนอะ ผมส่งยิ้มให้อีกครั้ง
หนูเกิดมาเป็นแบบนี้แล้วไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนพี่เขาเหรอ ในที่สุดตุ๊ดอ้วนก็ยอมเปิดใจกับคนแปลกหน้าเช่นผม
เท่ากันสิ แต่ในโลกแห่งความจริง แค่ศักดิ์ศรีมันยังไม่พอ ต้องมีอำนาจด้วยถึงจะไต่เต้าให้เท่ากันหรือเหนือกว่าได้ อำนาจที่ว่ามีทั้งความงาม ความมั่งคั่ง อำนาจทางความคิด อำนาจทางการเมือง เยอะแยะเลยแหละ ของพวกนี้คนมีวาสนาดีจะได้ติดตัวมาโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก แต่อย่างเรา ๆ คงต้องพยายามกันจนเหนื่อย
พี่หน้าตาดีก็พูดได้นิ หนูอยากรู้จริง ๆ ถ้าหนูมีอำนาจความงามอย่างพวกพี่ ชีวิตหนูจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
หึ ผมไม่รู้หรอกนะว่าหน้าตาที่เปลี่ยนไปให้อะไรกับผมบ้าง เพราะเกือบทั้งหมดในชีวิตที่ผมมีอยู่ตอนนี้ได้มาจากอำนาจอย่างอื่น และคงไม่มีใครมีได้อย่างผม ผมยิ้มกริ่ม
พี่นี่พูดจาแปลกดีนะ ขอบคุณนะฮะที่ชวนคุย หนูไม่เป็นไรแล้วละ ตุ๊ดอ้วนยิ้มให้พร้อมกับปาดน้ำตา ตั้งท่าขอตัวลา
.
.
.
.
เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมพูดขึ้น
ถ้าคุณมีอำนาจมากพอที่จะสามารถแก้แค้นพี่คนนั้นได้อย่างง่ายดายแต่ต้องแลกกับการสูญเสียตัวตนไป คุณ จะยอมขายวิญญาณให้กับซาตานไหม
ไม่รู้สิฮะ. . .หนูไม่รู้หรอกว่าอย่างไหนมันจะดีกว่ากัน ระหว่างปล่อยวางกับแก้แค้น. . . เขาก้มหน้าคิดอย่างจริงจัง แม้เข้าใจว่าตอบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
.
.
.
.
.
แต่ถ้ามันทำได้ง่ายมากละก็ หนูก็อยากลองมีอำนาจเหนือคนอื่นดูสักครั้ง
.
ผมชูนิ้วโป้งแทนคำยกย่อง
.
.
.
จากนั้นจึงจ้องน้องตุ๊ดอ้วนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเปี่ยมความเอ็นดู จนสติของเขาเคลิ้มล่องลอยสู่ความเวิ้งว้าง
.
.
.
.
ภายในห้องมหรสพโอ่โถง มีผู้เข้าชมละครวันแรกราวสามร้อยคนได้ บัดนี้การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น แสงไฟหรี่ลงช้า ๆ มีการเปิดวิดีทัศน์ตัวอย่างละครและคำแนะนำให้ปิดเครื่องมือสื่อสารขณะรับชม ผู้คนที่คุยเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นก็ดี ด้วยความปรีดาที่ได้พบเจอเพื่อนพี่น้องนักศึกษาก็ดี ต่างพร้อมใจกันหรี่เสียงลง จนเข้าสู่เข้าภาวะเงียบสงัด ท่ามกลางความมืด พิธีกรสาวในชุดแซกสีเงินเรียบหรูออกมาพร้อมไฟสปอตไลท์ส่องเป็นทางยาว
เธอกล่าวเกริ่นนำตามพิธี พร้อมเชิญประธานคือคณบดีมอบช่อดอกไม้ กล่าวเปิดงานและทักทายลูกศิษย์ลูกหาพอเป็นกระสัย จากนั้นจึงส่งไมค์คืนให้พิธีกรสาวอีกครั้งเพื่ออัญเชิญคุณผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งสุนทรียะ
เอาละคะ บัดนี้นักแสดงและทุกฝ่ายของเราพร้อมที่จะมอบความสุขความบันเทิงให้แก่ทุกท่านแล้ว ขอเชิญทุกท่านพบกับละครเวทีนิเทศศาสตร์ ครั้งที่ 19 เดอะ สเปิร์ม ควยดำตำเพื่อเธอ! เชิญรับชมค่า!!
ห้องมืดลงอีกครั้งเพื่อเตรียมตัดเข้าสู่ฉากแรก พิธีกรหญิงถูกฉุดแขนเข้าไปหลังม่าน เสียงโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์เล็ดลอดจากหลังเวทีสลับกับเสียงจุ๊ปากให้เงียบ ผู้คนในความมืดต่างฮือฮาทวนกันว่าเมื่อกี้ได้ยินอะไรแปร่งหู ไม่มีใครหูเฝื่อนหรอก คนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดนี่แหละคือผู้บงการ
.
.
.
นี่แค่ไวน์เรียกน้ำย่อยเท่านั้น
ผมยังมีของเล่นอีกเยอะสำหรับเสกให้โรงมหรสพนี้เปลี่ยนเป็นลานประหาร
.
.
ในห้องหลังเวที จอยยืนเตรียมพร้อมตามตำแหน่งที่ได้ซักซ้อมไว้ ถึงเธอจะยังไม่ปรากฏในฉากแรก ๆ แต่ก็ต้องแบกรับความเครียดไม่น้อยทีเดียวเพราะรับบทนางเอกซึ่งทุกคนคาดหวังไว้มาก รวมถึงพ่อและแม่ที่มาให้กำลังใจถึงที่ เธอหลับตาทำสมาธิอย่างใจเย็น แม้ว่าข้างหลังมีเหล่าสตาฟยืนชี้หน้าด่าทะเลาะกันเรื่องคำกล่าวเปิดเมื่อสักครู่ก็ตาม นี่เป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิตและเธอได้รับบทนางเอกเสียด้วย จะทำพังไม่ได้เด็ดขาด เรื่องของคนอื่นช่างมันไว้ก่อน
.
.
อาหหหห์ อืมม์
ใครทำอะไรอีกวะ จอยคิด
อืม จ๊วบบบ อาหห์
.
.
ตั้งสติไว้อีจอย เธอคิดบอกกับตัวเอง
.
โอววว อืมม์ จ๊วบ
วุ้ย! ใครทำไรน่ะเบา ๆ หน่อยสิ
ในที่สุดเธอก็ตบะแตก ตรงปรี่เข้าไปหาต้นตอเสียงหลังม่านด้านหนึ่งของห้องแล้วกระชากม่านออกมา
.
.
.
.
โจกับอีกะเทยอ้วนที่ไหนไม่รู้กำลังกอดจูบลูบคลำกันอยู่อย่างดูดดื่ม แลกลิ้นกันพัลวัน
.
.
.
ด้วยความตกใจ เธอชักม่านกลับทันที
.
.
เสียงนั้นจางหายไป
.
จอย! เมื่อกี้โวยวายอะไร ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ไปประจำที่เดี๋ยวนี้เลย สตาฟหญิงรุ่นพี่ปีสี่เดินมาตำหนิอย่างไม่พอใจ
ก็. . . ก็ เมื่อกี้มัน . . จอยตาค้าง มือไม้ชี้ประกอบคำพูดวนไปมาไม่รู้เรื่อง
ก็อะไรเล่า รุ่นพี่ขมวดคิ้ว
ข้างหลังนี้ เธอชี้ไปที่ผ้าม่าน
หนูเหรอ สตาฟรุ่นพี่เปิดม่านออก
.
.
.
ภายในนั้นมีเพียงกระป๋องสีเก่า ๆ ท่อนเหล็กและอุปกรณ์ชำรุดตั้งไว้สะเปะสะปะเท่านั้น
ไหน ไม่เห็นมีอะไรเลย เมื่อรุ่นพี่ชำเลืองมองทั่ว ก็ไม่พบวี่แววของสิ่งผิดปกติใด ๆ
ก็. . .แต่. . . จอยตะกุกตะกักไม่ได้ศัพท์
แกอย่าเพิ่งประสาทหลอนไปอีกคน แค่ที่อีหนิงสติแตกเมื่อกี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว พูดออกไปแบบนั้นได้ไง รุ่นพี่ดันหลังเข็นให้จอยเดินกลับตำแหน่ง ไปอยู่ที่เดิมเดี๋ยวนี้เลย อย่าให้พวกพี่ปวดหัวไปมากกว่านี้ จอยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเหลียวหลังไปยังหลังม่านนั้นอย่างตระหนก เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
.
.
.
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งในต่างประเทศทำการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมกลุ่ม โดยให้บุคคลจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้องที่มีหน้าม้าจากฝ่ายผู้วิจัยเป็นคนกลุ่มใหญ่ การทดลองเริ่มโดยให้ดูแผ่นป้ายสีหนึ่ง สมมติว่าเป็นป้ายสีน้ำเงิน หน้าม้าจะตอบว่าเป็นสีเขียว ผู้ถูกทดลองรอบแรกต่างตอบด้วยความมั่นใจว่าเป็นสีน้ำเงิน ทว่าเมื่อถูกถามซ้ำอีกหลาย ๆ รอบและหน้าม้าทุกคนต่างตอบว่าเป็นแผ่นป้ายสีเขียว สุดท้ายผู้ถูกทดลองก็จะสูญเสียความมั่นใจ และตอบว่าเป็นแผ่นป้ายสีเขียวตาม ด้วยความรู้สึกไม่กล้าผิดแปลกแตกต่างไปจากกลุ่ม
ผมจะดัดแปลงงานวิจัยนี้มาทดสอบกับปฏิกิริยาของจอย หน้าม้าก็คือ ทุกคนที่อยู่ในโรงละครนี้ซึ่งถูกผมครอบงำจิตไว้แล้ว อีกทั้งยังใช้ตาทิพย์สำรวจทุกความเป็นไปหลังเวที มีไม่ชีวิตใด ๆ เล็ดลอดไปจากสายตาของผมได้
.
.
.
ขณะนี้ เนื้อเรื่องดำเนินไปถึงเกือบกลางเรื่อง จอยหรือแม่มดสาวอลิเซียคอยช่วยเหลือหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งที่เธอแอบรักให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต โดยไม่เปิดเผยตัวตน เนื่องจากกฎเหล็กของเมืองนี้ไม่ยอมรับการใช้ไสยศาสตร์ คนที่เป็นแม่มดจะถูกจับเผาทั้งเป็น
อลิเซีย เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เถอะ แกกำลังจะทำให้ตระกูลเราเดือดร้อน! นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะ! พ่อมดพี่ชายกล่าวตามบท พอผมได้ยินเรื่องตระกูลกับความล่มสลายแล้ว จู่ ๆ ภาพธนิกก็แว่บเข้ามาในหัว บทละครประโยคนี้ช่างตลกร้ายสำหรับผมเหลือเกิน
พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะขอใช้เวทย์มนต์เพื่อช่วยเขาอีกครั้งเดียวเท่านั้น จอยตอบ
แกนี่มันรั้นจริง ๆ ถ้าถูกจับได้ล่ะก็ องค์ราชาไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่! แกจะตายก็ไปตายคนเดียว! อย่าให้พ่อแม่กับพี่ต้องเอาชีวิตมาแลกกับความเห็นแก่ตัวของแกไปด้วย พ่อมดพี่ชายทุบโต๊ะโครม ตามบทที่ผมสะกดจิตให้สตาฟคนหนึ่งเล่าให้ฟัง จอยจะต้องเงียบไปสักพัก แล้วจึงหันหน้ามาทางคนดูส่งสายตาเรียกร้องความเห็นใจ
ทว่าจังหวะนี้ที่หันมานี้เอง จอยพบว่าแถวหน้าสุดมีความปกติบางอย่างเกิดขึ้น
.
.
.
อาห์ เสียว ตุ๊ดอ้วนกำลังก้มหัวลงอมควยให้โจแฟนของเธอ โจหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ จอยถึงกับสะดุ้งและชะงักงันไปชั่วขณะ
จ๊วบ จ๊วบ เสียงสูญญากาศที่เกิดจากการปั๊มควยสูบขึ้นลง ๆ ดังจนเข้าหูเธอถึงบนเวที
เธอขยี้ตาครั้งหนึ่ง เมื่อมองอีกครั้งก็พบว่าภาพนั้นยังคงอยู่ที่เดิม คราวนี้ตุ๊ดอ้วนดูดพวงไข่ ไซร้ง่ามขาแฟนสุดหล่อของเธอ สลับกับลงลิ้นที่ปลายควยดูดเม้มเป็นจังหวะจ๊วบจ๊าบ
สิ่งที่ทำให้เธอสับสนยิ่งกว่านั้นคือ ทุกคนในโรงละครไม่มีใครสังเกตถึงความผิดแปลกนี้เลย เธอจึงยื่นมือชี้ให้คนบนเวทีเห็น
จอย ลืมบทเรอะ ผู้รับบทพ่อมดพี่ชายเข้ามากระซิบ พูดต่อได้แล้ว เงียบนานไปแล้วรู้ไหม
แกไม่เห็นเหรอ ข้างล่างอ่ะ จอยชี้ สับสนจนกล้ามเนื้อใบหน้าบีบบิดเบี้ยว
ไม่เห็นมีอะไร เล่นต่อได้แล้ว พ่อมดพี่ชายจิกตาใส่
โอย แรง ๆ เลย เสียวควยโว้ย โจร้องลั่นเมื่อถูกลิ้นคู่ขาตวัดรอบเส้นสองสลึง แต่คนทั้งโรงละครไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ นอกจากรอคอยให้ละครดำเนินต่อไป
มันเป็นภาพลวงตา มันเป็นภาพลวงตา จอยหลับกัดฟันบอกกับตัวเองในใจ
.
.
.
.
ขอโอกาสให้ฉันเถอะพี่ ฉันรักเขาจริง ๆ รักไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัวเราเลย ในที่สุดเธอก็ต่อบทได้ และเมื่อลืมตาอีกครั้ง ที่นั่งตรงนั้นก็ว่างเปล่าไปแล้ว
นี่แกกล้าเอาพ่อแม่พี่น้องไปเปรียบกับไอ้คนพรรค์นั้นเชียวรึ! พ่อมดพี่ชายตวาด ถ้าอยากช่วยมันนักล่ะก็ ย่อมได้ แต่แกต้องออกไปซุกหัวนอนที่อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรอบคนนอกคอก! บ้านหลังนี้ไม่มีสมาชิกชื่ออลิเซียอีกแล้ว!!
หลังบทสนทนาสิ้นสุด ม่านจึงปิดลงอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนสู่ฉากต่อไป