“พี่มีนครับ. . .กลับ. . . กันเถอะ ผมไม่ชอบอยู่ในห้างเลย” ณัฐเขย่าสะกิดมีนซึ่งกำลังยืนอ่านนิตยสารผู้หญิงในร้านหนังสือ รอยยิ้มบ่งบอกว่าเธอกำลังเพลินกับเนื้อหาข้างในจนลืมเวลา กระทั่งณัฐมาขัดจังหวะ
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำตัวประหลาดแบบนี้ซะที อีกหน่อยเรียนจบแล้วจะทำงานกับใครได้” มีนตำหนิอย่างไม่สบอารมณ์ ณัฐผิดหวังเมื่อสังเกตเห็นนิ้วของเธอคั่นหน้าที่อ่านค้างไว้ แสดงว่าเธอคงยังไม่ยอมกลับง่าย ๆ แน่นอน
“พี่กำลังอ่านคอลัมน์สัมภาษณ์คุณดารินทร์อยู่เพลิน ๆ รอพี่อ่านอีกเดี๋ยวเดียว ใกล้จะจบแล้ว”
“ดารินทร์ ที่เป็นนักการเมืองหรือเปล่าครับ” ภาพใบปลิวหาเสียงที่อาซิ้มใจดีเคยให้อ่านอนาคตผุดขึ้นในหัวณัฐทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้
“ใช่? ถามทำไม ชอบเขาเหมือนกันเหรอ ผู้หญิงอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง ใจดีอีกต่างหาก” มีนผละสายตาจากหนังสือส่งยิ้มให้ณัฐ
“แม่พี่ช่วยเหลือสัตว์ ส่วนพี่ตั้งใจว่าอยากทำงานช่วยเหลือคนเหมือนคุณดารินทร์” แววตาของเธอเปล่งประกายฉายความมุ่งมั่นแรงกล้า น่ากลัวไปอีกแบบเมื่อเทียบกับแววตาแฝงอุดมการณ์สุดโต่งของธนิก เล่นเอาณัฐวางตัวไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแหย ๆ
“อย่าโกรธนะครับถ้าจะบอกว่า. . .ผู้หญิงคนนี้สร้างภาพครับ และจะไปไม่รอดในวงการนี้หรอกครับ อีกไม่นานนี้แหละ ผมกลัวว่าพี่มีนศรัทธาเธอมากแล้วจะเสียใจ” ณัฐหลบตาพูด
“ว่าไงนะ. . .” เปลวเฉิดฉายในแววตามีนดับสนิททันทีเมื่อได้ยิน
“จริง ๆ นะครับ ณัฐไม่โกหกหรอก”
“ณัฐ. . .เธอเคยพูดอะไรดี ๆ ที่คนอื่นฟังแล้วสบายใจบ้างไหม พี่ไม่ชอบนิสัยนี้เลยถึงมันจะมาจากความสามารถของเธอก็ตาม อะไรที่พูดแล้วคนฟังเป็นทุกข์น่ะหัดเก็บเอาไว้บ้าง เลิกทักแต่เรื่องอัปมงคลเอาความหดหู่ยัดเยียดให้คนรอบข้างเสียทีเถอะ ทุกวันนี้คนเขามองเธอเหมือนจิ้งจก นกแสก แมวดำ ไปแล้ว ไม่เข้าท่าเลยนะ” มีนเท้าสะเอวสั่นสอนจริงจัง อีกฝ่ายก้มหน้าสลด
“ตะ.. .แต่มันเป็นเรื่องจริง ผม. . .ก็แค่ทักขึ้นมา เผื่อว่าพี่อยากจะหยุดยั้ง. . .พี่เต๋อ” ณัฐพูด
“เดี๋ยวสิ. . . เต๋อเหรอ? เต๋อไปเกี่ยวข้องยังไงกับคุณดา” มีนเปลี่ยนท่าทีเมื่อได้ยินคำสำคัญ “เต๋อ”
“อย่าฟังเรื่องอัปมงคลเลยครับ นึกซะว่าก็แค่. . .จิ้งจกทัก” ณัฐคว้ากระเป๋าขึ้น
“ผมกลับก่อนนะครับ พี่อ่านหนังสือไปตามสบายเถอะครับ” เด็กหนุ่มหันหลังให้เธอแล้ววิ่งก้มหน้าออกจากร้านไป
“เดี๋ยว! ณัฐ! ณัฐ!” มีนร้องเรียก แต่ก็เปล่าประโยชน์ใด ๆ เธอเป็นคนทำให้ณัฐน้อยใจและคงไม่มีทางที่ณัฐจะยอมเปิดเผยข้อมูลที่เธอต้องการแน่นอน
.
.
.
“น้องคะ รบกวนช่วยพี่นิดนึงสิ” หญิงสาวคนหนึ่งทักณัฐระหว่างที่เขากำลังเดินจ้ำอ้าวหาทางออกจากห้าง
“พี่จะซื้อเสื้อให้แฟนน่ะ ตัดสินใจไม่ถูกเลย น้องว่าเชิ้ตตัวสีฟ้ากับสีชมพูตัวไหนดูดีกว่ากัน” ณัฐผ่านมาได้จังหวะพอดีจึงถูกเรียกเข้าร้านเสื้อ เหตุผลที่เธอเลือกณัฐ เพราะเธอคิดว่าเกย์แสดงออกนิด ๆ น่าจะมีหัวทางแฟชั่น ซึ่งเธอคิดผิด นอกจากณัฐไม่มีความรู้เรื่องการแต่งกายที่เธอต้องการแล้ว ยังจะได้ของแถมที่ไม่พึงปรารถนาอีกด้วย
ณัฐมองหน้าเธอแทนที่จะมองเสื้อ หญิงสาวฉงนในท่าทีและแววตาแปลก ๆ
“ตัวไหนก็เหมือนกันครับ” ณัฐตอบ
“เห็นไหมคะคุณน้อง เจ๊บอกแล้วว่าเก๋ทั้งคู่ เอาไปสองตัวเลยสิคะ เดี๋ยวเจ๊คิดราคาพิเศษ” เจ๊คนขายเชียร์ออกหน้าออกตา
“ซื้อตัวไหนให้ก็เหมือนกัน. . .อีกสามวันก็เลิกกันแล้ว” ณัฐเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้หญิงสาวและเจ๊เจ้าของร้านยืนเหวออ้าปากค้าง
.
.
.
.
.
ณ ศาลาประชาคมของอำเภอหนึ่งในจังหวัดชนบท ชาวบ้านตาสีตาสามากมายเกือบสองร้อยคนต่างตั้งใจนั่งฟังวาทะของนักการเมืองหญิงในดวงใจ “ดารินทร์ หทัยเปี่ยมสุข” ซึ่งกล่าวปราศรัยหาเสียงที่นี่พร้อมเปิดให้ชาวบ้านได้ร้องเรียนปัญหาเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางวิเคราะห์นโยบายพัฒนาชุมชน
น่าเศร้าที่อีกไม่นานผมคงต้องทำลายความฝันของชาวบ้านตาดำ ๆ จนย่อยยับไม่มีชิ้นดี เวทีนี้ถูกผมแทรกแซงทุกกระบวนการแล้ว ตั้งแต่ฝ่ายสตาฟในงาน ฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์ สื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งตัวดารินทร์เอง จุดมุ่งหมายคือทำลายอนาคตหน้าที่การงานของเธอ เช่นเดียวกับที่เธอเคยใช้อำนาจกดดันให้แม่ผมต้องออกไปขายของที่อื่น เรื่องนี้ถือว่าต้องแยกกันกับหนี้แค้นของเกรซ
ผมปล่อยให้ดารินทร์พูดไปตามปกติเพื่อรอให้มีคนเข้ามาฟังมาก ๆ จะได้ช่วยกันเป็นสักขีพยานสิ่งที่เธอจะแสดงโชว์ออกมาอีกไม่นานนี้
“ในสายตาดิฉัน ลูกของพ่อแม่พี่น้องก็เหมือนลูกดิฉัน เพราะเราต้องฝากอนาคตกับพวกเขา สิ่งแรกที่ดิฉันคิดว่าพวกเราควรจะทำคือสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ชาวบ้านต้องมีอาชีพเสริม มีรายได้มั่นคงเลี้ยงปากท้อง ที่สำคัญลูกหลานพวกเราต้องได้รับโอกาสทางการศึกษา. . .” ดารินทร์ในชุดเสื้อคลุมประจำพรรคการเมืองและกางเกงเข้ารูปดูทะมัดทะแมงน่าเชื่อถือเมื่อกล่าววาทศิลป์โน้มน้าวให้ชาวบ้านคล้อยตาม
“ขอโทษนะที่พาเธอมาด้วย ผมยังปล่อยเธอไปไม่ได้ขณะยังมีบัญชีคาราคาซังกับคุณแม่เธออยู่” ผมหันไปกระซิบเกรซซึ่งถูกควบคุมร่างกายไม่ให้ขยับเขยื้อนได้ เธอทำได้แต่นั่งรอดูเหตุการณ์ต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเธอ โดยผมเลือกที่นั่งหลังสุดเพื่อให้สังเกตการณ์ได้ทั่วถึง
“ขอยืมโทรศัพท์ดูเล่นหน่อยนะ” แววตาของเกรซแสดงความวิตกเมื่อเห็นผมล้วงควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอ
“รู้น่ะว่าเสียมารยาท แต่ผมเก็บมารยาทไว้ใช้กับคนดี ๆ เท่านั้น” และแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลาโดยการค้นหาเบอร์โทรลูกหนี้คนอื่น ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลในตอนนี้ เผื่อจะโชคดีเจอใครสักคน
ไม่เสียแรงเปล่า เจอจริง ๆ ด้วย เป็นคนที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียวเชียว
.
.
.
ความตื่นเต้น ความคึกคะนอง ความลุ้นระทึก อารมณ์ต่าง ๆ วิ่งวนไปมาภายในความคิดผมจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ผมจะได้เบาะแสลูกหนี้อีกคนแล้วหรือนี่ ว่าแล้วก็โทรไปหาซะหน่อย
แต่ละครั้งที่เสียงรอสายดังขึ้น แม้มันจะห่างเพียงวินาที แต่สำหรับผมแล้วมันนานจนแทบขาดใจ หัวใจผมพองเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนลุ้นฟังผลสอบหรือรอฟังผลตรวจเลือดอย่างไรอย่างนั้น
.
.
.
“ฮัลโหล ว่าไงเกรซ” ปลายสายรับ
ทันทีเมื่อได้ยินผมก็จำได้แม่นยำว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
“ฮัลโหล ๆ เกรซมีไรว่ามา” ปลายสายย้ำอีกรอบ
แต่ผมนึกคำพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ ในช่วงเวลากะทันหันเช่นนี้ ดีใจจริง ๆ ในที่สุดผมก็ตามหานายเจอจนได้
“ถ้าไม่พูดจะวางสายนะ. . เฮ่ย ได้ยินเปล่า?”
.
.
.
.
“คนทรยศ”
.
.
.
“เกรซพูดอะไรวะ ไม่รู้เรื่องเลย ต่อสายผิดรึเปล่า. . . เฮ้ย!. .” ผมกดตัดสายทิ้ง แล้วเมมเบอร์โทรศัพท์ไว้
ตั้งแต่เขารับตำแหน่งจตุรเทพเฮงซวยนั่นก็เปลี่ยนไป ทุกวันนี้ผมรู้จักเขาในฐานะโพดำ เขาคนเดิมในความทรงจำของผมได้ตายไปนานแล้ว. . .
.
.
.
ไม้. . .นายได้รับเกียรติเป็นจตุรเทพคนแรกที่ผมจะขยี้ให้แหลกยับเยิน