สรุป
10/10 หนังรอมคอมที่ดีเรื่องนึงที่ดูมา โดยมุมมองใหม่
ที่ไม่ได้เป็นหนัง come out คือตัวเอกเป็นเกย์ที่บ้านรู้
อยู่แล้ว แต่คือหนังโรแมนติก บวกกับแก่นเรื่องคือครอบครัว
และการยอมรับ โดยเล่าผ่านมุมมองที่ครอบครัวรู้ว่าลูกเป็นเกย์
แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ทำอะไรก็ผิดไปหมด ลูกมีแฟน
ก็ดั๊นเป็นคนขาวอีก ความปั่นป่วนพอสมควรที่เล่าผ่าน
เจเนอเรชั่น เพราะรุ่นพ่อรุ่นแม่คือคลุมถุงชน ก็จะงง ๆ กับ
ความคิดอิสระของลูกนิดนึง อยากให้ลูกเข้าใจบิดา มารดรด้วย
และคู่รักของเรื่องที่คนนึงหวนหาการยอมรับของครอบครัว
คนนึงปากหนักไม่เคยพูดถึงความรู้สึกข้างในของตัวเอง
แต่คนมันรักกัน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี ตีบวกด้วย ความ
เป็น Bollywood แบบ DDLJ และเต้นกันสนุกสนาน

สปอยล์…
V
V
V
V

ตัวหนังจะแบ่งเป็นองค์ ๆ ห้าองค์ (จำขื่อไม่ได้ แต่น่าจะตามนี้)
I) The Boy II) Love III) Music IV) The Family V) The Wedding

หนังว่าด้วยนาวีน(Karan Soni) ลูกชายคนสุดท้องของบ้าน
ที่เป็นเกย์ ฝันอยากมีหนุ่มคู่ชีวิตหลังเห็นงานแต่งพี่สาว
ที่มีแต่ญาติ ๆ มาบอกงานหน้าของเอ็งแน่ไอ้หนุ่ม แต่หนูเป็นตุ๊ดค่ะ

หลังเปิดตัวกับที่บ้าน ย้ายมาอยู่คนเดียวเป็นหมอ oncol
(หมอมะเร็ง ที่วัน ๆ เม้ากับเพื่อนสาวมากกว่าทำงานนะหล่อน)
แม่ก็พยายามเข้าใจว่าลูกเป็นตุ๊ด เนี่ยวันนี้แม่ดูช่อง OUT ด้วยนะ
ดูเรื่อง Milk เนี่ยเป็นเกย์ ย้ายมาคาสโทรแล้วโดน Dan White ยิงตุยเย่เลอ

วันนึงได้ไปไหว้พระพิฆเนศ (พระคเณศ Ganesha หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียกเถอะ)
แล้วขอผัว ยิ่งกว่าเทพทันใจ พระจัดให้ทันที หนุ่มลึกลับคนนึง
เข้ามาไหว้ข้างหลัง ทั้งคู่สบตากัน นาวีนงง ๆ นิดนึง เพราะ
ฝรั่งผิวขาวทำไมมาไหว้เทพฮินดู

เวลาผ่านไป นางก็เม้ามอยกับเพื่อนตุ๊ดที่ทำงาน โดนเรียก
ให้ถ่ายบัตรไอดีใหม่ นางก็ไปถ่าย เจอผู้ชายคนนั้นที่วัดแขก
เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ ทั้งคู่ก็มองตากันอ่อยสุด เย็ดกันได้เย็ดแล้ว
(อีดอก ดูแล้วฟินจริงตอนซูมหน้า สายตา Jonathan พิฆาติอยู่)
จนหมอคนอื่นเข้ามาเหวี่ยงอีดอก จะถ่ายรูปเสร็จกี่โมง
ตากล้องของเราเลยแนะนำตัวชื่อ Jay (Jonathan Groff)
แล้วชวนไปจับปิกาจูที่ห้อง เอ๊ย! ชวนไปดูหนัง จะเหลือเหรอคะ
อ่อยขนาดนี้ นาวีนตอบตกลงสิ

วันต่อมานาวีนก็เม้าท์มอยกับเพื่อนสาวว่าพังมากเจ้
หนังที่พาไปดูคือ DDLJ (Dilwale Dulhania Le Jayenge
หนังอมตะยอดฮิตของอินเดีย ฉายปี 1995 จนถึงทุกวันนี้
บางโรงยังฉายอยู่ ใช่ค่ะ สามสิบปี ไม่เคยหยุดฉาย)
โดย Jay บอกว่าเป็นหนังเรื่องโปรดของคุณพ่อ
ไป ๆ มา ๆ ได้ความว่า Jay เป็นเด็กกำพร้า ย้ายบ้าน foster
บ่อยมากจนสุดท้าย ครอบครัวสามีภรรยาสกุล Kurundkar
ได้รับเลี้ยงและเกิดรัก Jay ขึ้นมาเลยขอเป็นบุตรบุญธรรม
แต่ท่านทั้งสองตอนรับเลี้ยงก็ชรามากแล้ว เลยเสียชีวิตทั้งคู่แล้ว
แล้ว Jay ก็ร้องเพลง Tujhe Dehka Toh ให้นาวีนฟัง
(ข่าวว่าจริง ๆ Jonathan ต้องร้องแค่สองท่อนที่เห็นในหนัง แต่พี่แก
เล่นจำแล้วร้องทั้งเพลงในเวอร์ชั่นตัวเอง จน Karan อึ้ง ผู้กำกับอึ้ง
ทีมงานทุกคนอึ้งงงหมด) นาวีนรู้สึกว่า Jay เป็นอินเดียนกว่าตัวเองอีก
หลังจากดูหนังก็ไปนั่งดริ้งค์ Jay ก็เยอะ ล้น (ตามประสา Drama Queen)
ซึ่งนาวีนเป็นพวกเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน รู้สึกอีนี่เยอะ เลยปัดตก
กลับบ้านนอน คุณเพื่อนที่เม้าก็อ้าปากค้าง เม้ากันต่อ ฮาาาา

คนมันรู้สึกว่าใช่ ก็ต้องสู้อ่ะนะ Jay ไม่ยอมแพ้ส่งจม.หานาวีน
(หล่อนไปเอาที่อยู่มายังไงก่อน หลอนนะ) ขอให้ไปดูโชว์ภาพถ่าย
ที่เขาจัด คนมันรู้สึกว่าใช่อ่ะนะ นาวีนก็ใจอ่อนยอมไป จำชื่อโชว์
ไม่ได้ แต่น่าจะเป็น true colors? อ่ะก็เป็นภาพ portrait ต่าง ๆ
พร้อมดอกไม้ จนถีงภาพสุดท้ายเป็นภาพของ Jay กับคุณพ่อคุณแม่
ที่ดูภาพภูมิใจ และ Jay ก็ดูภูมิใจที่ได้เป็นลูกของท่าน นาวีนตกหลุมรัก
(หรืออาจจะรักตั้งแต่ถ่ายรูปแล้วแต่เล่นตัวอีดอก) ทั้งคู่ก็ไปเย็ดกัน

วันชื่นคือสุข ในที่สุดก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน (บ้านนาวีน เพราะหมอรวย)
สวีทหวานแหวว จนกระทั่งวันนึงจะไปแฮงก์เอาท์กันบ้านเพื่อน
ระหว่างทางเจอผัวของพี่สาว นาวีนสะบัดมือ Jay ทิ้งทันที
แล้วบอกว่าเป็นเพื่อนเฟร์นด แต่หล่อนโป๊ะ ผัวพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ความซวยจะมาเยือนหล่อนแล้วค่ะ อี Jay เป็นดราม่าควีน
หล่อนก็รู้ พอไปบ้านเพื่อนเท่านั้นแหละ หีแหกสิคะทะเลาะกัน
แต่คนมันจะรักกันอ่ะนะ จับมือคืนดีกัน เล่นใหญ่ไปงั้นแหละ
แต่ตกลงจะอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องไปพบครอบครัว

นาวีนที่ปากหนักตลอดไม่เคยบอกอะไรเลยก็แค่โทรบอกพ่อ
ว่าจะพาแฟนไปหานะ เจอกันที่วัด จบ พ่อกะแม่ก็เออ อย่างน้อย
แฟนลูกก็เป็นอินเดียนนะเจอกันที่วัด (เลยเป็นที่มาของชื่อหนัง)
ความหายนะก็เกิดขึ้น พ่อแม่อึ้งสิคนขาวมา เม้าท์อินเดียกัน
จะทำไงดี ฮีเป็นฟรีแลนซ์หมายความว่าไม่มีงานทำใช่มั้ย
ลูกต้องเบรก แฟนขาวจริงแต่พูดฮินดีได้ค่ะแม่ งานงอกอีก
อีพี่สาวมาตีป่วนอีก วุ่นวายไปหมด สุดท้าย Jay ยอมแพ้
เพราะผัวปากหนักเหลือเกินไม่เคยบอกเรื่องของเราให้
ครอบครัวตัวเองรู้ ปมที่เป็นกำพร้าแสวงหาการยอมรับ
ของครอบครัว มันกัดกินใจ ชั้นขอบายดีกว่าตามประสา
Drama Queen เก็บของย้ายออก

นาวีนก็ซึม ๆ พี่สาวก็มาขอโทษ เพราะนางหย่าผัว
เนื่องจากการแต่งงานแบบพ่อแม่จัดการให้เอง
มันไม่ใช่ความรัก แต่พี่สาวบอกคู่เธอแทบจะ
กลืนกินกัน มันใช่อ่ะ ชั้นอยากได้แบบนี้บ้าง อย่าปล่อยไปสิ
สุดท้ายไม่รู้จะทำไงนาวีนไปไหว้พระอีก ขอสัญญาณ
อะไรบางอย่างที่ขอให้ลูกช้างคืนดีกับผัว เท่านั้นแหละ
เร็วกว่าเทพทันใจเสกให้นางปิ๊งไอเดียขึ้นมา
(วัดนี้อยู่ไหนคะอีดอก จะไปไหว้บ้าง มีรอยสักท่านแล้ว ต้องให้ผัวนะ)
ต่อมาจะเป็นฉากง้อขอคืนดี/ขอแต่งงานที่น่ารักที่สุด
ถ้ามีผู้ชายมาทำแบบนี้ให้ก็จะตอบตกลงแต่งงานค่ะ
มันครบวงจรอ่ะ ที่นาวีนที่เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
ต้องมาเล่นใหญ่ 8000% กับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าน่าละอาย
แต่เพื่อ Jay ยอมลงทุนทำ มันน่ารักและซึ้งมาก ๆ

ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือครอบครัว จะทำอย่างไรให้ยอมรับ
แม่ไม่มีปัญหา จะแต่งงานกันแม่จัดให้ ต้องทำให้
ยิ่งใหญ่ที่สุด ลูกเกย์คนเดียวแต่งงานแม่จัดเต็ม อีแม่ไปดีล
พ่อดูอึน ๆ นาวีนเลยเหวี่ยงใส่พ่อ ถ้าไม่ภูมิใจมีลูก
เป็นตุ๊ดก็ไม่ต้องมาร่วมงาน จบ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่
ที่ต่างเจเนอเรชั่นกัน พ่อจะคุยกะแม่โดนไล่ไปนั่งห่าง ๆ
สุดท้ายไหว้รูปพระพิฆเนศอีก บ่นพึมพัม อีแม่จัดเต็มเลยค่ะ
วันรุ่งขึ้นไปเหวี่ยงลูก ๆ ถึงบ้าน ไปพูดอะไรกับพ่อเขาน่ะ
รู้มั้ยว่าพวกเรามีลูก อยู่ดี ๆ ลูกเป็นเกย์ แล้วย้ายไปอยู่คนเดียว
พ่อแม่ก็กลัว ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเพราะทำผิดไป
แล้วกลัวจะเสียลูกไปตลอดการ ฯลฯ อีแม่จัดเต็มมาก
ชี้ให้เห็นความต่างของรุ่นพ่อแม่คลุมถุงชน ลูกเป็นความรัก
อีกแบบ แต่พ่อแม่ก็พยายามเต็มที่แล้วสนับสนุนนะ

ท้ายสุด ไม่รู้อะไรดลใจคุณพ่อ ไปดูโชว์ของ Jay
(เอาข้อมูลมาจากไหนว่าลูกเขยมีโชว์คะ พระพิฆเนศ
ของท่านแรงจริง ๆ แก้ปัญหาได้ทุกสิ่ง) ตอนแรกก็
ตะขิดตะขวง แต่พอเจอ family portrait ของ Jay
ที่ทำให้นาวีนตกหลุมรัก มันคือความภาคภูมิใจของ
ตระกูล Kurundkar ที่แท้จริง ไอ้หนุ่มอินเดียคนนี้
มันเป็นคนดีที่พ่อแม่ภูมิใจ

พ่อเลยโทรหา Jay (เอาเบอร์มาจากไหนคะ คุณพ่อ?)
มาทำอาหารกัน Jay ก็ทำไมไม่ใส่ผลอินทผาลัม
ในนั้นล่ะพ่อ(จำไม่ได้แล้วว่าทำไม) พ่อก็ว่ามันต้อง
เป็นไปตามประเพณีนะ ลูกชายพ่อเซอร์ไพร์หลายอย่าง
พ่อภูมิใจในตัวลูกชายมากนะ สุดท้ายนั่งล้อมวงกินข้าวกัน
นาวีนอุ๊ยอร่อย ใส่อินทผาลัมด้วยเหรอ? Jay ตกใจ
พ่อยิ้ม สรุปยอมรับให้เป็นสมาชิกใหม่ของบ้านทรายทอง

ฉากสุดท้ายแต่งงานกัน ไม่รู้งานแต่งงานอินเดียแต่เหมือนจะ
เป็นทั้งเจ้าสาวเจ้าบ่าวทั้งคู่มั้ง แล้วคุณแม่ก็แอบไปยึดไมค์พูด
เรียกน้ำตาแล้วก็ตามมาด้วยจบแบบ Bollywood เต้นกันมีความสุข จบ

^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
^
จบสปอยล์

ป.ล. 1 จริง ๆ ถ้าไม่อคติ หนังน่าจะได้ 7.5/10 เพราะบางสิ่งก็ไม่เมคเซนส์
บางองค์ก็เดินช้า ๆ อืด ๆ (แต่ภาพสวย) หรือบางตัวละครก็ไม่มีปมอะไร
ที่จะผลักดันตัวละครให้ทำอะไร แต่คือหนังมันแปะไว้ว่าเป็นรอมคอม
เลยให้อภัยเป็น My big Fat Greek Weeding เวอร์ชั่นภารตะ
แถมเป็นหนังอินดี้เลยให้อภัย พร้อมแกลอรี่โชว์รูปที่มีความเป็น Editorial
สูงเลยบวกแต้มให้เต็มสิบ แต่ถ้าตามเนื้อผ้า ก็ไม่แย่ดูแล้วมีความสุขอยู่

ป.ล. 2 หนังทำน้ำหีแฉะฉากของสองคนเพราะผกก. Roshan Sethi
คือกำกับหนัง 7 Days กับ Karan แล้วส่งบทให้ Jonathan อ่าน
ซึ่งฮีชอบและอยากให้ Karan มาเล่นด้วยเรื่องนี้แม้ฮีจะเป็น straight
ก็ตาม ผกก. Roshan เลยบอกว่า Karan ผัวกูค่ะ เป็นเกย์ เลยทำให้
ฉากซึ้งน้ำไหลมันซึ้งจริงเพราะ Roshan โปรเจคตัวเองเป็นนาวีนผ่าน
ตัวผัวนั่นเอง เลยดูเรียวจริง

https://www.youtube.com/shorts/HkPnKb87NUg

ป.ล. 3 Roshan เป็นหมอมะเร็งในชีวิตจริง ที่ทำงานไปด้วยกำกับหนังไปด้วยสวย ๆ

ป.ล. 4 A Nice Indian Boy มาจากละครเวทีชื่อเดียวกัน ที่โปรดิวซ์ไปเจอ
แล้วชอบเลยอยากทำหนังดัดแปลงจากเรื่องนี้ เลยให้ Roshan มากำกับเพราะเป็นเกย์

ป.ล. 5 อีแม่ Zarna Garg ชีวิตจริงนางเป็น stand up comedy ค่ะ ตล๊กตลก

ป.ล. 6 DDLJ เนื้อเรื่องประมาณว่าชะนี กับผู้ชายเจอกันที่สวิสเซอร์แลนด์ที่รถไฟ
เกลียดขี้หน้ากัน แต่ตกรถทั้งคู่มั้ง เลยต้องเดินทางด้วยกัน แล้วก็ใช้เวลาด้วยกัน
ก็ตกหลุมรักกัน แต่สุดท้ายชะนีต้องกลับไปอังกฤษไปแต่งงานคลุมถุงชน
ฝ่ายชายก็ไม่ยอม บินตามไป สวมรอยเนียนเป็นเพื่อนเฟรนด์ พ่อเขยชอบจะ
จับคลุมถุงชนกับพี่สาวนางเองแทน ไป ๆ มา ๆ โป๊ะแตก คู่หมั้นชะนีเลยนัดสู้
กับเจ้าหนุ่ม เลือดตกยางออก สุดท้ายพระเอกชนะ พ่อนางเอกเห็นความอุตสาหะ
เลยปล่อยนางเอกให้หนีตามเพราะรู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้รักจริง