วันต่อมา ในวงล้อมหรรษาที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังจากการปรนนิบัติที่ทำให้แซมปลดปล่อยไปถึงสองครั้ง การสนทนาก็ไหลลื่นต่อไป แมทธิวที่นอนเอนหลังอยู่ข้างๆ บิลลี่ก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยแมทธิว: เออ บิลลี่... เห็นว่ามึงกับแซมเริ่มเจอกันเพราะโดน UFO ลักพาตัวไปใช่ไหมวะ? เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงวะ ไม่เห็นเคยเล่าให้พวกเราฟังเลย แล้วทำไมมันถึงจับพวกมึงสองคนไปด้วยกันล่ะ?
แมทธิวหันไปมองบิลลี่ด้วยความอยากรู้ ใครๆ ในวงก็หันมาสนใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
บิลลี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองหน้าแมทธิว ก่อนจะหันไปสบตากับแซมราวกับขอความเห็น แซมพยักหน้าเล็กๆ เป็นเชิงอนุญาต บิลลี่จึงเริ่มเล่า
บิลลี่: อืม... มันก็นานมาแล้วล่ะ ตอนนั้นฉันดูทีวีอยู่ที่ห้อง... คืนหนึ่ง ฉันจำได้ว่าท้องฟ้ามันแปลกๆ มีแสงวูบวาบ แล้วอยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้น...
บิลลี่หยุดไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรื้อฟื้นความทรงจำ
บิลลี่: พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็อยู่ในยาน... เป็นห้องกลมๆ มีแสงสีขาวสว่างจ้า... แล้วก็มี... สิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนมนุษย์... พวกมันตัวสูงๆ ผอมๆ หัวโตๆ...
เจคขมวดคิ้ว
เจค: เหมือนที่เราเคยดูในหนังเลยใช่ไหมวะ?
บิลลี่: คล้ายๆ แต่ดูน่ากลัวกว่าเยอะ... พวกมันพาฉันไปตรวจอะไรก็ไม่รู้... จับฉันนอนบนเตียงแล้วก็... ทำอะไรกับฉันก็ไม่รู้เต็มไปหมด
สีหน้าของบิลลี่ดูไม่ค่อยดีนักเมื่อพูดถึงช่วงเวลานั้น แซมเอื้อมมือไปจับมือบิลลี่เบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
บิลลี่: ตอนนั้นฉันกลัวมาก... ไม่รู้ว่าพวกมันต้องการอะไรจากฉัน... แล้วอยู่ดีๆ ฉันก็เห็นแซม... อยู่ในห้องอีกห้องหนึ่ง... พวกมันกำลังทำอะไรกับแซมอยู่เหมือนกัน
แมทธิวและคนอื่นๆ มองหน้ากันด้วยความตกใจ
แมทธิว: แล้วทำไมพวกมันถึงจับพวกนายสองคนไปพร้อมกันวะ?
บิลลี่ส่ายหน้า
บิลลี่: ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้... แต่พอเราได้คุยกันในยาน... แซมบอกว่าพวกนั้นสนใจ... สายเลือดของเขา... อะไรสักอย่างเกี่ยวกับ... เชื้อสายจากดาวอื่น
แซมเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แซม: พวกนั้นต้องการศึกษา DNA ของผมครับ... และบังเอิญว่า... ตอนนั้นบิลลี่อยู่ในบริเวณนั้นพอดี... พวกนั้นอาจจะจับบิลลี่มาด้วย... โดยไม่ได้ตั้งใจ... หรืออาจจะมีเหตุผลอื่นที่ผมก็ไม่ทราบ
อีธาน: แล้วพวกมันทำอะไรกับพวกนายบ้างวะ? ที่ว่าตรวจๆ น่ะ
บิลลี่ถอนหายใจ
บิลลี่: ก็... ตรวจร่างกาย... เก็บตัวอย่างเลือด... แล้วก็... มีการทดลองบางอย่างที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงเท่าไหร่
แซมบีบมือบิลลี่เบาๆ อีกครั้ง
แซม: มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มากสำหรับพวกเราทั้งคู่ครับ แต่สุดท้าย... พวกเราก็หนีออกมาได้
คาร์ล: แล้วพวกมึงสองคนมาสนิทกันได้ยังไงวะ? ในเมื่อเจอกันในสถานการณ์แบบนั้น
บิลลี่หันไปมองหน้าแซมด้วยรอยยิ้มบางๆ
บิลลี่: ก็... ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนั้น... การมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ที่เข้าใจสิ่งที่เราเจอ... มันก็ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นน่ะ
แซมยิ้มตอบบิลลี่เช่นกัน ความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพวกเขา... ท่ามกลางวงล้อมที่เงียบลง ทุกคนต่างรับรู้ถึงความเจ็บปวดและความผูกพันที่ซ่อนอยู่ในเรื่องเล่านี้...
แซม: เจค... คาร์ล... จูบกันให้ผมดูหน่อยได้ไหม? ผมอยากเห็น
เจคและคาร์ลหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่เจคจะยักไหล่แล้วโน้มตัวเข้าไปจูบริมฝีปากของคาร์ลอย่างไม่ขัดข้อง มันเป็นการจูบที่ไม่เร่าร้อน แต่เต็มไปด้วยความสนิทสนมและเป็นกันเอง
ในขณะที่เจคและคาร์ลกำลังจูบกันอยู่นั้น แมทธิวและอีธานก็คุยกันเรื่องรถบรรทุกคันใหม่ที่อีธานเพิ่งไปดูมา ส่วนบิลลี่ก็นั่งลูบผมแซมเบาๆ พลางฟังเพื่อนๆ คุยกัน
แซมนอนมองภาพเจคและคาร์ลจูบกันอย่างสบายๆ รอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนใบหน้าของเขา โดยที่ลำกายของเขาก็ยังคงตื่นตัวอยู่... ภาพตรงหน้าไม่ได้กระตุ้นความรู้สึกทางเพศของเขาโดยตรง แต่เป็นภาพที่แสดงถึงความเปิดเผยและความเป็นกันเองในกลุ่มเพื่อนของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่แซมรู้สึกดีด้วย
แซมนอนมองภาพเจคและคาร์ลจูบกันอย่างสบายๆ รอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่บนใบหน้าของเขา โดยที่ลำกายของเขาก็ตั้งตรงอย่างเปิดเผยอยู่กลางวงล้อม ให้เพื่อนทั้งห้าคนได้เห็นอย่างชัดเจน
เจคและคาร์ลผละริมฝีปากออกจากกัน เจคหันมายิ้มให้แซมเล็กน้อย
เจค: เป็นไงบ้าง แซม? อย่างที่นายอยากเห็นไหมล่ะ?
แซมพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แซม: ครับ ขอบคุณนะ
จากนั้นทุกคนก็กลับมาคุยกันต่อตามประสาเพื่อนฝูง redneck ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แมทธิวยังคงเล่าเรื่องรถบรรทุกให้อีธานฟังอย่างออกรส ส่วนบิลลี่ก็ยังคงลูบผมแซมเบาๆ
ภาพที่เห็นคือความผ่อนคลายและความเป็นกันเองอย่างแท้จริงในกลุ่มของพวกเขา... การแสดงออกทางความใกล้ชิดไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาด... ทุกคนต่างก็ยอมรับและรู้สึกสบายใจกับมัน... โดยมีลำกายที่ตั้งตรงของแซมเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศที่เปิดเผยนั้นเอง
แมทธิว: แล้วพวกเราล่ะ แซม? อยากให้พวกเราจูบกันบ้างไหม?
อีธานพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับมองแซมด้วยสายตาที่สื่อความหมาย
แซม: ก็อยากเห็นสิ
ทันทีที่แซมพูดจบ แมทธิวก็โน้มตัวเข้าไปจูบริมฝีปากของอีธานอย่างนุ่มนวล ทั้งสองคนจูบกันช้าๆ พร้อมกับเหลือบมองแซมเป็นระยะๆ ราวกับต้องการดูปฏิกิริยาของเขา
เจคและคาร์ลที่เพิ่งจูบกันไปก็ยิ้มขำๆ มองดูเพื่อนอีกคู่ที่กำลังแสดงความรักใคร่กัน
บิลลี่เองก็นั่งมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ความสัมพันธ์ที่เปิดเผยและเป็นกันเองของเพื่อนๆ ทำให้เขารู้สึกดี
แซมนอนมองแมทธิวและอีธานจูบกันอย่างสบายๆ ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ลำกายของเขาก็ยังคงตื่นตัวอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และมิตรภาพนี้
เมื่อแมทธิวและอีธานผละริมฝีปากออกจากกัน ทั้งสองก็หันมายิ้มให้แซม
แมทธิว: เป็นไงบ้าง แซม? ชอบไหม?
อีธาน: อยากให้พวกเราทำอีกไหม?
แซมยิ้มกว้าง
แซม: ชอบสิ ขอบคุณนะ
จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน บรรยากาศในวงล้อมอบอวลไปด้วยความสุขและความเป็นกันเอง...
บิลลี่: แล้วฉันล่ะ แซม?
แซมหันไปมองบิลลี่ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเป็นพิเศษ
แซม: นายก็มาจูบกับฉันสิ บิลลี่
บิลลี่ยิ้มตอบด้วยความรัก เข้มตัวลงไปจูบริมฝีปากของแซมอย่างอ่อนโยน มันเป็นการจูบที่แตกต่างจากการจูบของคู่อื่นๆ มันลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผูกพันกัน
เมื่อบิลลี่และแซมจูบกัน เพื่อนๆ ที่เหลือก็เริ่มแซวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
เจค: โอ้โห! คู่หลักมาแล้วเว้ย!
คาร์ล: หวานเจี๊ยบเลยนะนั่น!
แมทธิว: ดูแล้วรู้เลยว่าใครเป็นตัวจริง!
อีธาน: เอาอีกๆ! โชว์หวานหน่อยเร็ว!
บิลลี่และแซมผละริมฝีปากออกจากกัน ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย
แซม: พวกนายก็แซวเก่งจริงๆ เลยนะ
บิลลี่: พวกเขาก็แค่สนุกน่ะ แซม
บรรยากาศในวงล้อมอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและแซวอย่างสนุกสนาน ความรักและความผูกพันระหว่างแซมกับบิลลี่นั้นชัดเจนและเป็นที่รับรู้ของทุกคนในกลุ่ม... มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความเป็นกันเองอย่างแท้จริง...
วันต่อมา แซมกับบิลลี่ได้ขึ้นไปยังยาน Star Force แซมดูครุ่นคิดบางอย่าง และชวนบิลลี่ไปด้วย
แซม: บิลลี่ ไปกับฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้เรื่องบางอย่าง
ทั้งสองเดินไปยังส่วนหนึ่งของยานที่เป็นห้องควบคุมขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์ล้ำสมัยมากมาย
แซม: ที่นี่คือห้องค้นหาการเวียนว่ายตายเกิด
แซมสั่งงานด้วยเสียงไปยังระบบคอมพิวเตอร์ของยาน
แซม: ค้นหาข้อมูลของราชินี Seraphi แห่งดาว... (แซมเงียบไปครู่หนึ่ง) ...ดาวที่จากไปแล้ว แสดงข้อมูลการเวียนว่ายตายเกิดล่าสุด
หน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏภาพและข้อมูลต่างๆ ขึ้นมา แซมจ้องมองอย่างตั้งใจ
แซม: นี่ไง...
แซมชี้ไปยังข้อมูลหนึ่งบนหน้าจอ บิลลี่เดินเข้ามาดูใกล้ๆ
แซม: แม่ของฉัน... ท่านมาเกิดใหม่แล้ว
บิลลี่: จริงเหรอ แซม? แล้วท่านอยู่ที่ไหน?
แซมอ่านข้อมูลบนหน้าจอ
แซม: ท่านเกิดใหม่เป็น... หญิงแม่บ้าน... อยู่ที่ชิคาโก้
แซมมองข้อมูลนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความเศร้าและความประหลาดใจ
บิลลี่: ชิคาโก้... อยู่บนโลกของเรานี่เอง
แซม: ครับ... ผมไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะมาเกิดใหม่ที่นี่
แซมเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับ
บิลลี่: นายอยากจะไปหาท่านไหม แซม?
แซมหันมามองหน้าบิลลี่
แซม: ผมยังไม่แน่ใจเลยบิลลี่... ผมไม่รู้ว่าท่านจะจำผมได้ไหม... และผมก็ไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของผมจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
ความเงียบปกคลุมห้องค้นหาการเวียนว่ายตายเกิด... แซมจมอยู่ในความคิดของตนเอง... การได้รู้ว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่... แต่ในรูปแบบที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง... เป็นสิ่งที่เขาต้องใช้เวลาทำใจและตัดสินใจ...
แซม: เดี๋ยวผมขอดูพินัยกรรมของแม่โดยละเอียดหน่อย
แซมสั่งการระบบอีกครั้ง ข้อมูลพินัยกรรมปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
แซม: นี่ไง... แม่ได้เตรียมมรดกสำหรับตัวท่านเองในชาติหน้าไว้ด้วยเหมือนกัน
บิลลี่: มรดกอะไรเหรอ แซม?
แซม: เป็นดาวเคราะห์หลายดวง... พร้อมกองทัพของตัวเอง... แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครพาเธอไปรับมรดกที่สมาพันธ์
บิลลี่: สมาพันธ์? ที่เดียวกับที่เราต้องขออนุญาตย้อนเวลานั่นน่ะเหรอ?
แซม: ครับ ที่นั่นเป็นศูนย์กลางการจัดการเรื่องต่างๆ ของหลายกาแล็กซี รวมถึงการส่งมอบมรดกด้วย
แซมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งเสียง
แซม: ติดต่อคาเอล... สั่งให้เขานำ... (แซมมองข้อมูลบนหน้าจออีกครั้ง) ...หญิงที่ชื่อ จูปิเตอร์ ไปรับมรดกของเธอที่สมาพันธ์โดยด่วน
ทันใดนั้นเอง ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องควบคุม
คาเอล: ท่านมีบัญชาอย่างไรครับ องค์ชาย?
แซมและบิลลี่มองหน้าคาเอลพร้อมกัน พวกเขาเคยเห็นชายผู้นี้มาแล้วหลายครั้งบนยาน Star Force
แซม: คาเอล นายมาพอดี ฉันต้องการให้นายนำหญิงผู้นี้... จูปิเตอร์... ไปรับมรดกของเธอที่สมาพันธ์โดยด่วน เธอคือ... แม่ของฉันในชาติหน้า
คาเอล: รับทราบครับองค์ชาย จะดำเนินการทันที
คาเอลโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับคำสั่ง
บิลลี่: นายสั่งให้คาเอลไปรับแม่ของนายในชาติที่แล้วเหรอ แซม?
แซม: ครับ เธอควรจะได้รับมรดกของเธอ
แซมมองไปยังหน้าจอด้วยความหวัง
แซม: อย่างน้อย... แม่ของผมในชาติหน้า... ก็จะได้รับการดูแลและมีกองกำลังของตัวเอง
บิลลี่: นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แซม
แซมพยักหน้าเล็กน้อย ความกังวลเรื่องแม่ในชาติหน้าคลายลงไปบ้างแล้ว ตอนนี้เขามุ่งความสนใจไปที่การตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับแม่ที่เกิดใหม่บนโลก... หญิงแม่บ้านในชิคาโก้...
คาเอลเดินทางไปยังชิคาโก้และพบกับจูปิเตอร์ เขาอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับชาติภพก่อนหน้า มรดกที่รอเธออยู่ และความเกี่ยวข้องของเธอกับแซม จูปิเตอร์ในร่างของหญิงแม่บ้านธรรมดาใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะทำใจเชื่อเรื่องราวเหนือจินตนาการเหล่านี้ได้ แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเดินทางไปกับคาเอลเพื่อรับมรดกที่สมาพันธ์
หลังจากจัดการเรื่องมรดกเรียบร้อยแล้ว จูปิเตอร์ตัดสินใจมาพบแซมที่บ้านของบิลลี่ เมื่อเธอมาถึง ก็พบว่ามีเพื่อนของแซมอีกสี่คนอยู่ด้วย พวกเขานั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นบรรยากาศสบายๆ
แซมลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นจูปิเตอร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แซม: แม่...
จูปิเตอร์มองแซมด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นเช่นกัน แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่ความผูกพันลึกซึ้งในจิตวิญญาณยังคงอยู่
จูปิเตอร์: แซม... ลูกของแม่
ทั้งสองโผเข้ากอดกันอย่างอบอุ่น เพื่อนๆ ของแซมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกตื้นตัน
บิลลี่: ยินดีต้อนรับนะครับ จูปิเตอร์
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็กล่าวทักทายจูปิเตอร์ด้วยความเป็นมิตร
เจค: ยินดีที่ได้รู้จักครับ
คาร์ล: มานั่งพักผ่อนก่อนนะครับ
แมทธิว: มีอะไรให้พวกเราช่วยบอกได้เลยนะครับ
จูปิเตอร์ยิ้มให้กับทุกคนด้วยความรู้สึกขอบคุณ
จูปิเตอร์: ขอบคุณมากนะทุกคน ที่ดูแลลูกชายของฉันเป็นอย่างดี
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจ... การกลับมาพบกันของแม่ลูกในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้... เป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตของพวกเขา...
จูปิเตอร์มองหน้าผู้ชายทั้งห้าคนที่แซมเรียกว่าเพื่อนด้วยความรู้สึกเกร็งๆ เธอไม่คุ้นเคยกับพวกเขา และความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้าก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น ทำให้เธอไม่รู้จะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร
จูปิเตอร์: แซม... พวกเขา...
แซมเข้าใจความรู้สึกของแม่ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้และจับมือเธออย่างอ่อนโยน
แซม: แม่ไม่ต้องกังวล พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของผมเองครับ พวกเขาจะไม่ทำอะไรให้แม่ไม่สบายใจ
แซมหันไปมองคาเอลที่ยืนอยู่ด้านหลัง
แซม: คาเอล คุณช่วยนำเครื่องย้อนความทรงจำจากอดีตชาติมาให้แม่หน่อยได้ไหม?
คาเอลพยักหน้าและเดินออกจากห้องไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับอุปกรณ์ลักษณะคล้ายหมวกครอบศีรษะ
คาเอล: นี่ครับองค์ชาย สำหรับท่านจูปิเตอร์
แซมรับอุปกรณ์นั้นมาและหันไปหาจูปิเตอร์
แซม: แม่ครับ นี่คือเครื่องย้อนความทรงจำ มันจะช่วยให้แม่ระลึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ได้ ถ้าแม่พร้อม... ลองใช้มันดูนะครับ
จูปิเตอร์มองอุปกรณ์นั้นด้วยความสงสัย แต่ก็รับมาอย่างเต็มใจ
จูปิเตอร์: มันจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม
แซม: ไม่ครับ มันปลอดภัย ผมรับรอง
แซมช่วยสวมอุปกรณ์นั้นให้กับจูปิเตอร์ เมื่ออุปกรณ์ทำงาน แสงสีอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบศีรษะของเธอ ทุกคนในห้องต่างจ้องมองด้วยความคาดหวัง... หวังว่าความทรงจำของราชินี Seraphi จะหวนคืนมาสู่หญิงแม่บ้านจากชิคาโก้ผู้นี้...
เมื่อแสงสีจางหายไปจากรอบศีรษะของจูปิเตอร์ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนไป แววตาที่เคยดูสับสนและไม่แน่ใจ กลับมามีความมั่นใจและสง่างามอีกครั้ง
จูปิเตอร์: โอ้...
เธอเอามือลูบศีรษะตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังประมวลผลความทรงจำที่ไหลบ่าเข้ามา
จูปิเตอร์: ฉัน... ฉันจำได้หมดแล้ว
เธอหันไปมองแซมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความคิดถึง
จูปิเตอร์: ไททัส... ลูกแม่... โตขึ้นมากเลยนะ
จากนั้นเธอก็มองไปรอบๆ ห้อง มองเพื่อนๆ ของแซมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
จูปิเตอร์: สวัสดีทุกคน... ขอบคุณที่ดูแลลูกชายของฉัน
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยดูขลาดเขิน กลับกลายเป็นความสง่าและมีอำนาจ
จูปิเตอร์: ชีวิตก่อนหน้านี้ของฉัน... ช่างแตกต่างจากตอนนี้มากเหลือเกิน
เธอส่ายหน้าเล็กน้อย
จูปิเตอร์: จากราชินีผู้สูงศักดิ์... สู่แม่บ้านที่ต้องรับจ้างทำความสะอาดบ้านคนอื่น... ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
ความเงียบปกคลุมห้องชั่วครู่ ทุกคนต่างรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับจูปิเตอร์อย่างชัดเจน
บิลลี่: ยินดีต้อนรับกลับมานะครับ... ท่านราชินี
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็กล่าวทักทายด้วยความเคารพ
เจค: ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่าน...
คาร์ล: เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
แมทธิว: ท่านสบายดีไหมครับ?
จูปิเตอร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน
จูปิเตอร์: ฉันสบายดี ขอบคุณทุกคนมากนะ... ที่ดูแลแซม
เธอมองหน้าแซมด้วยความรักใคร่... การได้ระลึกถึงอดีตชาติทำให้เธอเข้าใจทุกอย่าง... และความแตกต่างระหว่างชีวิตที่หรูหราในอดีตกับปัจจุบันที่แสนจะธรรมดานั้น... ช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและน่าคิด...
จูปิเตอร์: ฉันจำได้ว่า... ฉันได้สร้างวังที่สวยงามอลังการไว้แล้ว... เตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาเกิดใหม่ของตัวเอง... พร้อมทั้งแต่งตั้งราชวงศ์และข้าราชบริพารเพื่อรอต้อนรับการมาเกิดของฉันที่ดาวเคราะห์ใกล้ๆ นี้
เธอถอนหายใจเล็กน้อย
จูปิเตอร์: แต่ดูเหมือนว่า... จะเกิดความผิดพลาดบางอย่างขึ้น... ฉันถึงได้มาเกิดเป็นสามัญชนที่นี่... บนโลกใบนี้
เธอหันไปมองแซมด้วยความรู้สึกเสียดาย
จูปิเตอร์: ลูกรู้ไหม... ชีวิตที่ฉันควรจะได้เริ่มต้นใหม่... มันแตกต่างจากตอนนี้มากเหลือเกิน
แซมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
แซม: ผมพอจะจินตนาการได้ครับแม่... การเปลี่ยนแปลงมันคง... ยากที่จะปรับตัว
จูปิเตอร์: ยากมากทีเดียว... จากการเป็นราชินีที่ได้รับการเคารพยกย่อง... กลายเป็นแม่บ้านที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำงาน... มันเป็นประสบการณ์ที่... สอนอะไรฉันหลายอย่าง
เธอมองไปรอบๆ ห้อง มองบ้านธรรมดาของบิลลี่
จูปิเตอร์: แต่ถึงอย่างนั้น... การได้พบลูกอีกครั้ง... มันก็คุ้มค่ากับทุกสิ่ง
เธอยิ้มให้แซมอย่างอ่อนโยน ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่กว่าความแตกต่างของสถานะและชีวิตความเป็นอยู่...
แซม: แม่ครับ... แม่จำอะไรเกี่ยวกับลูกอีกสองคนของแม่ได้บ้างไหมครับ... คาลิค... แล้วก็บาเลม
จูปิเตอร์หลับตาลงครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับลูกๆ อีกสองคน
จูปิเตอร์: คาลิค... ลูกสาวของฉัน... เธอเป็นเด็กดีมาก... เหมือนกับนางฟ้า... จิตใจดี อ่อนโยน... ฉันรักเธอมาก
น้ำเสียงของจูปิเตอร์อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคาลิค จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อแซมเอ่ยถึงลูกชายอีกคน
จูปิเตอร์: ส่วนบาเลม...
จูปิเตอร์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอมีความเศร้าและความขมขื่นแวบผ่าน เธอเม้มปากเล็กน้อย ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดอะไรออกมาดีหรือไม่
จูปิเตอร์: บาเลม...
เธอหยุดอีกครั้ง มองหน้าแซมด้วยความลังเล
จูปิเตอร์: ในฐานะแม่... ฉันไม่แน่ใจว่าควรจะพูดเรื่องไม่ดีของลูกให้คนอื่นฟังหรือเปล่า
แซมสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของแม่ เขามองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยความเข้าใจ
แซม: แม่จำอะไรเกี่ยวกับบาเลมได้ใช่ไหมครับ? ไม่เป็นไรนะครับ ถ้าแม่ไม่อยากพูด
จูปิเตอร์ถอนหายใจเบาๆ เธอมองหน้าแซมด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
จูปิเตอร์: ฉัน... ฉันจำได้ว่า... บาเลม... เป็นคน... ทำให้ฉันจากไป
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ความเงียบปกคลุมห้องชั่วครู่ ทุกคนต่างรับรู้ถึงความจริงอันน่าตกใจที่จูปิเตอร์เพิ่งเปิดเผย...
แซมกำมือแน่น ความรู้สึกโกรธแล่นปราดขึ้นมาในใจ
แซม: พี่บาเลม... เขาทำร้ายแม่เหรอครับ?
จูปิเตอร์พยักหน้าช้าๆ ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตาคลอ
จูปิเตอร์: ใช่... มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน... แต่สุดท้าย... เขาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉัน... ไม่ได้อยู่ในร่างนั้นอีกต่อไป
บิลลี่เอื้อมมือไปจับมือแซมอย่างให้กำลังใจ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มองหน้ากันด้วยความตกใจและความเห็นใจ
เจค: ไอ้... ไอ้พี่ชายมึงนี่มัน...
คาร์ล: ทำไมมันถึงทำแบบนั้นวะ? กับแม่แท้ๆ...
จูปิเตอร์ส่ายหน้าเบาๆ
จูปิเตอร์: ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นมากนัก... มันผ่านมานานแล้ว... และตอนนี้ฉันก็... ได้พบกับลูกอีกครั้ง... นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
เธอมองหน้าแซมด้วยความรัก
จูปิเตอร์: สิ่งที่ฉันอยากรู้มากกว่า... คือเรื่องของลูก... เรื่องของบาเลม... ทำไม... ทำไมเขาถึง... กลายเป็นแบบนี้?
แซมถอนหายใจหนักๆ ความรู้สึกขัดแย้งในใจของเขาทวีความรุนแรงขึ้น... พี่ชายที่เขาเคยเคารพ... กลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายแม่ของพวกเขา...
หลังจากนั้น บรรยากาศก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย บิลลี่และเพื่อนๆ ช่วยกันนำอาหารต่างๆ มาเลี้ยงต้อนรับจูปิเตอร์ อาหารง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
จูปิเตอร์: ขอบคุณมากนะทุกคนสำหรับอาหารอร่อยๆ
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ เมื่อทานอาหารเสร็จ จูปิเตอร์ก็ลุกขึ้นยืน
จูปิเตอร์: ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วล่ะ
แซมและทุกคนมองเธออย่างเข้าใจ
แซม: แม่จะกลับไปที่ดาวเคราะห์ของแม่เลยใช่ไหมครับ?
จูปิเตอร์: ใช่แล้วลูก วังของฉันยังรออยู่ และฉันก็มีหลายอย่างที่ต้องจัดการ
ยานอวกาศลำหนึ่งที่มีสัญลักษณ์ของราชวงศ์จอดลงอย่างนุ่มนวลใกล้กับบ้านของบิลลี่ แสงสีทองอ่อนๆ ส่องลงมา
จูปิเตอร์: นั่นยานของฉันมาแล้ว
เธอหันไปมองหน้าแซมด้วยความรัก
จูปิเตอร์: ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก แล้วแม่จะหาโอกาสมาเยี่ยมอีก
แซม: ครับแม่ ผมจะคิดถึงแม่
ทั้งสองกอดกันอย่างอบอุ่นอีกครั้ง จากนั้นจูปิเตอร์ก็หันไปกล่าวลาเพื่อนๆ ของแซม
จูปิเตอร์: ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะ ที่ดูแลลูกชายของฉัน
เธอเดินไปยังยานอวกาศและหันกลับมาโบกมือให้ทุกคนก่อนที่ประตูยานจะปิดลง ยานค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นและหายลับไปในท้องฟ้า
แซมและเพื่อนๆ ยืนมองตามยานจนลับสายตา ความเงียบปกคลุมชั่วครู่ ก่อนที่บิลลี่จะวางมือบนไหล่แซมเบาๆ
บิลลี่: ท่านไปแล้วนะ แซม
แซม: ครับ... แม่กลับไปสู่ที่ของท่านแล้ว
หลังจากที่ยานอวกาศของจูปิเตอร์ลับหายไปจากท้องฟ้า แซม บิลลี่ และเพื่อนๆ อีกสี่คนก็กลับเข้ามาในบ้าน บรรยากาศยังคงอบอวลไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจากการมาเยือนของราชินี
เจค: แม่นายดูสง่างามมากเลยนะ แซม
คาร์ล: ใช่ เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังแฟนตาซีเลย
แมทธิว: แล้ววังที่แม่นายสร้างไว้นั่น... มันจะอลังการขนาดไหนนะ?
อีธาน: เสียดายที่ไม่ได้เห็นกับตา
แซมยิ้มเล็กน้อย
แซม: ผมก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกันครับ แต่แม่บอกว่าท่านเตรียมไว้ดีมาก
บิลลี่: นายรู้สึกยังไงบ้างล่ะ แซม ที่ได้เจอแม่ในชาติใหม่?
แซมถอนหายใจเบาๆ
แซม: มันแปลกๆ ครับ... เหมือนแม่คนเดิม แต่ก็ไม่ใช่... แต่ผมก็ดีใจที่ท่านสบายดีและได้กลับไปสู่ที่ที่ท่านควรอยู่
เจค: แล้วเรื่องที่แม่นายบอกว่าพี่ชายมึงเป็นคน... ทำให้ท่านจากไปล่ะ? นายจะทำยังไงต่อไป?
ความเงียบปกคลุมชั่วครู่ ทุกคนรอฟังคำตอบของแซม
แซม: ผมยังไม่รู้ครับ... แต ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ แน่นอน ผมต้องหาทาง...
แซมเงียบไป ไม่ได้พูดคำว่า "แก้แค้น" ออกมา แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นในน้ำเสียงของเขา
คาร์ล: พวกเราจะอยู่ข้างนายนะ แซม ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง
เพื่อนๆ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย บิลลี่จับมือแซมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ
บิลลี่: เราจะช่วยนาย
แซมมองหน้าเพื่อนๆ ด้วยความซาบซึ้ง
แซม: ขอบคุณพวกนายมากครับ... ผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว
ณ ดาวเคราะห์ที่จูปิเตอร์เคยปกครองในชาติก่อน เมื่อยานอวกาศของเธอลงจอดอย่างสง่างาม จูปิเตอร์ก้าวลงจากยานด้วยท่าทีที่คุ้นเคย ราวกับเพิ่งกลับมาจากเดินทางไกล เธอมองไปยังวังอันโอ่อ่าตระการตาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า โดยไม่ได้แสดงอาการตื่นตะลึงใดๆ เพราะความหรูหราและยิ่งใหญ่นี้คือสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตลอดชีวิต
เธอเดินเข้าไปในวังอย่างสง่างาม ทิ้งความเหน็ดเหนื่อยจากชีวิตแม่บ้านรับจ้างทำความสะอาดอันแสนสาหัสไว้เบื้องหลังเสียที ในที่สุด เธอก็ได้กลับมาพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยและสะดวกสบาย
ทันทีที่จูปิเตอร์ประทับลงบนบัลลังก์ที่ตกแต่งอย่างวิจิตร ข้าราชบริพารก็รีบเข้ามาปรนนิบัติ พวกเขานำอาหารเลิศรส เครื่องดื่มชั้นดี และผ้าไหมเนื้อนุ่มมาต้อนรับราชินีของพวกเขาด้วยความเคารพและจงรักภักดี
จูปิเตอร์ทอดสายตามองไปรอบๆ วัง ความทรงจำเกี่ยวกับอำนาจ ความหรูหรา และความรับผิดชอบในฐานะราชินีค่อยๆ หวนคืนมา เธอรู้สึกถึงพลังและความมั่นใจที่เคยมีกลับคืนมาอีกครั้ง ชีวิตแม่บ้านที่แสนจะธรรมดาและเหน็ดเหนื่อยนั้นดูเหมือนเป็นเพียงความฝันอันแสนสั้น... ตอนนี้ เธอได้กลับมาสู่บทบาทที่แท้จริงของเธอแล้ว... ราชินีแห่งดาวเคราะห์แห่งนี้...
จูปิเตอร์ทรงหยิบอุปกรณ์สื่อสารส่วนพระองค์ขึ้นมา และติดต่อไปยังคาลิค พระธิดาของเธอ ไม่นานนัก ภาพของหญิงสาวงดงามราวเทพธิดาก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
จูปิเตอร์: คาลิค! แม่ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นเจ้า
คาลิค: เสด็จแม่! เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ? ข้าได้ยินข่าว...
จูปิเตอร์: แม่สบายดีลูก แม่กลับมาแล้ว กลับมายังวังของเรา
ดวงตาของคาลิคเบิกกว้างด้วยความยินดี
คาลิค: จริงหรือเพคะเสด็จแม่?! ข้าจะไปหาท่านเดี๋ยวนี้!
จูปิเตอร์: รีบมาเถิดลูก แม่คิดถึงเจ้ามาก
หลังจากวางสาย คาลิคก็รีบเสด็จขึ้นยานอวกาศส่วนพระองค์ มุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์ของพระมารดาด้วยความปิติยินดี เธอเฝ้ารอคอยการกลับมาของพระมารดาด้วยใจจดจ่อ และในที่สุด วันที่เธอจะได้พบพระมารดาอีกครั้งก็มาถึง
ยานอวกาศของคาลิคลงจอดอย่างนุ่มนวลที่ลานหน้าวัง ทันทีที่ประตูยานเปิดออก คาลิคก็รีบก้าวลงมาด้วยรอยยิ้มสดใส เธอตรงเข้าไปกอดจูปิเตอร์ผู้เป็นมารดาด้วยความคิดถึง
คาลิค: เสด็จแม่! หายไปไหนมานานเหลือเกินเพคะ? ข้าเป็นห่วงแทบแย่
จูปิเตอร์: แม่สบายดีลูก แม่ไปเกิดใหม่เป็นหญิงสามัญชนอยู่ที่ดาวโลกมาน่ะ
คาลิค: ดาวโลก? นั่นมัน...
จูปิเตอร์: ใช่แล้วลูก และไททัส... เขาช่วยแม่ให้ได้รับมรดกกลับคืนมา
คาลิคมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
คาลิค: ไททัสหรือเพคะ? บังเอิญเหลือเกิน... หม่อมฉันก็เพิ่งเจอเขามาเหมือนกัน
คาลิค: เขาไปเกิดใหม่เป็นชายสามัญชนอยู่ที่ดาวโลกเช่นกันเพคะ ชื่อ... แซม
จูปิเตอร์: แซม... ใช่แล้ว... ไททัส! ลูกชายของแม่!
จากนั้นจูปิเตอร์ได้ไปนั่งบนบัลลังก์ในท้องพระโรง
จูปิเตอร์: เรียกเหล่าขุนนางและผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชวงศ์มาเข้าเฝ้าข้า
ข้าราชบริพารรีบปฏิบัติตามพระบัญชา ไม่นานนัก เหล่าขุนนางและผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็มาพร้อมกันในท้องพระโรง จูปิเตอร์ทรงทอดพระเนตรพวกเขาทีละคนด้วยพระพักตร์ที่แน่วแน่
จูปิเตอร์: ข้าขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า แผนการเดิมที่เราเคยวางไว้สำหรับการกลับมาเกิดใหม่ของข้านั้น... ได้มีการเปลี่ยนแปลง
เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
จูปิเตอร์: ด้วยเหตุผลบางประการ ข้าได้ไปเกิดเป็นสามัญชนบนดาวโลก... และบัดนี้ ข้าได้กลับมายังที่นี่แล้ว ในฐานะราชินีผู้ปกครองแต่เพียงผู้เดียว ข้าขอประกาศยกเลิกการแต่งตั้งราชวงศ์ที่เคยวางไว้แต่เดิม
ความเงียบปกคลุมท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงกับประกาศิตที่ไม่คาดคิดนี้
จูปิเตอร์: นับแต่นี้ไป ข้าจะปกครองดาวเคราะห์แห่งนี้ด้วยตัวข้าเอง พวกท่านจงจงรักภักดีต่อข้าแต่เพียงผู้เดียว
พระสุรเสียงของจูปิเตอร์เด็ดขาดและทรงอำนาจ ไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระบัญชา
คาลิค: (คุกเข่าลง) หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะเสด็จแม่ หม่อมฉันและทุกคนจะจงรักภักดีต่อท่านแต่เพียงผู้เดียว
เหล่าขุนนางที่เหลือก็รีบคุกเข่าลงตามคาลิค พร้อมกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ
ขุนนาง: พวกข้าขอถวายความจงรักภักดีต่อองค์ราชินีแต่เพียงผู้เดียว!
จูปิเตอร์ทรงพยักพระพักตร์ด้วยความพอพระทัย แผนการเดิมที่วางไว้ได้เปลี่ยนไปแล้ว... บัดนี้ เธอจะกลับมาเป็นราชินีผู้ทรงอำนาจแห่งดาวเคราะห์แห่งนี้อีกครั้ง... โดยไม่มีใครอื่นมาเทียบเคียง
จูปิเตอร์: (หลังจากคุยกับคาลิคเรื่องไททัสแล้ว) ยังเหลือบาเลม... ลูกชายอีกคนของเรา
จู่ๆ น้ำเสียงของจูปิเตอร์ก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาของเธอมีความหนักใจฉายออกมา
จูปิเตอร์: ข้ายัง... ไม่พร้อมที่จะคุยกับเขาในตอนนี้
เธอถอนหายใจแผ่วเบา
จูปิเตอร์: คาลิค... เจ้าพอจะรู้เรื่องของบาเลมบ้างไหม?
คาลิคชะงักไปเล็กน้อย ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปจากใบหน้าสวย
คาลิค: เอ่อ... เสด็จแม่... เรื่องของบาเลม...
คาลิค: เขา... หมกมุ่นอยู่กับอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ เพคะ เขาเริ่มทำอะไรหลายอย่างที่... หม่อมฉันไม่เห็นด้วย
น้ำเสียงของคาลิคเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย
คาลิค: เขาสั่งการต่างๆ อย่างเผด็จการ และไม่ฟังความคิดเห็นของใคร เขายัง... ขยายอำนาจไปยังดาวเคราะห์อื่นๆ ด้วยวิธีการที่... รุนแรง
จูปิเตอร์ทรงฟังด้วยพระพักตร์ที่เคร่งขรึม ความกังวลเริ่มปรากฏบนใบหน้าของพระองค์
คาลิค: และ... ที่สำคัญที่สุด... เขามีความเชื่อที่แปลกประหลาด... เขาคิดว่าตัวเองเป็นเหมือน... เทพเจ้า
คำพูดของคาลิคทำให้จูปิเตอร์ทรงนิ่งอึ้ง พระองค์ทรงจำได้ถึงสิ่งที่แซมเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับบาเลม
จูปิเตอร์: เขา... หลงผิดไปถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
คาลิค: เพคะเสด็จแม่... และมันน่ากลัวมากเพคะ เพราะเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว
คาลิคมองพระมารดาด้วยความเป็นห่วง
คาลิค: หม่อมฉันเป็นห่วงมากเพคะ... กลัวว่าเขาจะทำอะไรที่... เกินเลยไปมากกว่านี้
จูปิเตอร์ทรงตัดสินใจที่จะลองติดต่อบาเลม แต่ด้วยสิ่งที่คาลิคเล่ามา พระองค์ทรงตระหนักดีว่าการเผชิญหน้าโดยตรงอาจเป็นอันตราย พระองค์จึงเลือกที่จะสื่อสารผ่านระบบโฮโลแกรม
ภาพของบาเลมปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เขายังคงใช้ราชาศัพท์กับพระมารดาตามเดิม
บาเลม: เสด็จแม่ทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?
จูปิเตอร์: ข้าสบายดี บาเลม... ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า... ข้าได้ไปเกิดใหม่บนดาวโลก... เป็นหญิงสามัญชน
ทันทีที่จูปิเตอร์ตรัสจบ บาเลมก็แสดงสีหน้าเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
บาเลม: แม่ของข้า... ไปทำความสะอาดล้างส้วมบนดาวเคราะห์ที่ต่ำต้อยเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ช่างน่าขันสิ้นดี
จูปิเตอร์: แล้วมันมีปัญหาอะไรหรือ บาเลม?
บาเลม: เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าเพียงแต่... ไม่อยากจะเชื่อว่าราชินีผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล จะทรงไปทำสิ่งต่ำต้อยเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ มัน... ไม่สมพระเกียรติ
**จูปิเตอร์
* เกียรติยศไม่ได้อยู่ที่การทำหรือไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรอก บาเลม มันอยู่ที่การกระทำด้วยความตั้งใจที่ดีต่างหาก
จูปิเตอร์ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่นุ่มนวล
**จูปิเตอร์
* การใช้ชีวิตเป็นสามัญชน ทำให้ข้าได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ข้าไม่เคยรู้มาก่อน... ความอดทน ความเมตตา... และคุณค่าของชีวิตที่เรียบง่าย
บาเลมเงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดกับสิ่งที่พระมารดาตรัส
**บาเลม
* แต่... เสด็จแม่ทรงกลับมาแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? กลับมาสู่ฐานะที่แท้จริงของพระองค์แล้ว
**จูปิเตอร์
* ใช่แล้ว บาเลม... ข้ากลับมาแล้ว... และข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มา
จูปิเตอร์ทรงทอดพระเนตรไปยังภาพของบาเลมบนหน้าจอด้วยความหวัง... หวังว่าลูกชายของพระองค์จะเปิดใจและเข้าใจในมุมมองที่แตกต่างไปของพระองค์บ้าง...
**บาเลม
* เสด็จแม่ยังทรงจำประโยคสุดท้ายก่อนที่เสด็จแม่จะจากไปได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ในชาติก่อน... เสด็จแม่ตรัสว่า... เสด็จแม่ทรงเกลียดชีวิตของพระองค์เอง... นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เสด็จแม่ต้องไปอุบัติเป็นหญิงต่ำต้อยบนดาวเคราะห์โลกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น... อย่าทรงพยายามมาสอนข้าเลยพ่ะย่ะค่ะ
จูปิเตอร์ทรงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พระพักตร์ของพระองค์แสดงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด
**จูปิเตอร์
* บาเลม... เจ้า...
พระองค์ทรงพยายามตรัสต่อ แต่พระสุรเสียงสั่นเครือ
**จูปิเตอร์
* มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก... ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา... บางทีข้าอาจจะเคยพูดอะไรที่... ไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ
**บาเลม
* ไม่พ่ะย่ะค่ะ ข้าจำได้แม่นมั่น เสด็จแม่ทรงตรัสเช่นนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้น... การที่เสด็จแม่ต้องไปประสบกับชีวิตที่ต่ำต้อยเช่นนั้น ก็สมควรแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?
น้ำเสียงของบาเลมแข็งกระด้างและเย็นชา จูปิเตอร์ทรงรู้สึกราวกับถูกแทงด้วยมีด
**จูปิเตอร์
* บาเลม... ทำไมเจ้าถึง... พูดกับแม่เช่นนี้?
**บาเลม
* ข้าเพียงแต่พูดความจริงพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่อย่าทรงเสียเวลามาอบรมสั่งสอนข้าเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้ามีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก
บาเลมตัดบทสนทนาโดยไม่รอให้จูปิเตอร์ตรัสอะไรอีก ภาพของเขาบนหน้าจอดับวูบไป ทิ้งให้จูปิเตอร์ทรงประทับอยู่ท่ามกลางความเงียบและความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส... คำพูดของบาเลมราวกับตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตของพระองค์ และตอกย้ำถึงความห่างเหินที่เกิดขึ้นระหว่างพระองค์กับลูกชาย...
กลับมายังบ้านของบิลลี่บนโลก แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน ภาพที่เห็นยังคงเป็นวงล้อมแสนสุขของห้าหนุ่มที่รายล้อมแซม พวกเขายังคงปรนนิบัติเจ้าชายหนุ่มอย่างเอาใจใส่ ผลัดกันมอบความสุขทางกายให้เขาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
เจคกำลังเลียส่วนปลาย คาร์ลดูดกลืนความหวาน แมทธิวคลอเคลียลูกอัณฑะ อีธานนวดคลึงต้นขา และบิลลี่จูบและลูบไล้แผ่นหลังของแซม ทุกการสัมผัสเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะทำให้แซมมีความสุขที่สุด
แซมนอนเหยียดกายอยู่ตรงกลางวงล้อม ครางต่ำๆ ด้วยความพึงพอใจ ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยโอบล้อมเขาไว้ ความรักและความเสน่หาที่เพื่อนๆ มอบให้ ช่วยบรรเทาความรู้สึกหนักอึ้งจากเรื่องราวของแม่และบาเลมได้บ้าง
**เจค
* เป็นไงบ้าง แซม? สบายตัวไหม?
แซมพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขาปรือลงด้วยความสุข
**แซม
* ดีมาก... ขอบคุณพวกนายนะ
**คาร์ล
* พวกเราอยากให้นายมีความสุขที่สุดนี่นา
ทุกคนส่งยิ้มให้แซมอย่างจริงใจ บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความรักใคร่และความผูกพันทางกายที่พวกเขามีให้กัน... ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและอันตราย มิตรภาพและความใกล้ชิดของพวกเขานี่เองที่เป็นเหมือนเกราะกำบังและที่พักพิงทางใจ...
ซักพัก ห้าหนุ่มก็เริ่มเล่นเกมสนุกๆ บนร่างกายของแซมที่นอนอยู่ตรงกลางวงล้อม พวกเขาผลัดกันใช้ลิ้นเขียนคำต่างๆ บนหน้าท้องของแซม หรือใช้นิ้วลากไปตามผิวหนังเพื่อทายว่าใครสัมผัส
ระหว่างที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน แมทธิวก็เอ่ยถามขึ้นมา
**แมทธิว
* เออ แซม... เห็นคุยกับแม่ กับพี่สาวไปหมดแล้ว แล้วนายไม่คิดจะติดต่อพี่ชายบ้างเหรอ? บาเลมน่ะ
บรรยากาศในห้องเงียบลงเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของแซมจางหายไป
**แซม
* พี่บาเลมเหรอ...
แซมเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววลังเล
**แซม
* ผม... ยังไม่แน่ใจครับ
**เจค
* ทำไมล่ะ? เขาเป็นพี่ชายนายนี่นา
**แซม
* ใช่ครับ... แต่หลังจากที่แม่เล่าเรื่อง... ที่เขาเคยทำ... ผม... ไม่รู้ว่าจะคุยกับเขายังไงดี
**คาร์ล
* นายโกรธเขาเหรอ แซม?
แซมถอนหายใจ
**แซม
* ก็... ผิดหวังครับ ผิดหวังมาก... ผมไม่คิดว่าเขาจะทำกับแม่ได้ถึงขนาดนั้น
**บิลลี่
* นายไม่ต้องรีบร้อนก็ได้นะ แซม ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ต้องติดต่อ
แซมพยักหน้า
**แซม
* ครับ... บางทีอาจจะต้องใช้เวลาอีกหน่อย
ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้ง ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของแซมดี พวกเขาเองก็รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่บาเลมทำกับแม่ของแซมเช่นกัน
**อีธาน
* ถ้านายอยากจะคุยกับเขาเมื่อไหร่ บอกพวกเราได้นะ พวกเราจะอยู่ข้างนาย
แซมมองหน้าเพื่อนๆ ทีละคนด้วยความซาบซึ้ง
**แซม
* ขอบคุณพวกนายมากนะ
รอยยิ้มเล็กน้อยกลับมาปรากฏบนใบหน้าของแซมอีกครั้ง เขารู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างเสมอ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก...
แซมตัดสินใจในที่สุด เขาสั่งการด้วยเสียงเบาๆ ขณะที่ยังคงนอนอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนๆ
**แซม
* ติดต่อบาเลม
ภาพโฮโลแกรมของบาเลมปรากฏขึ้นเหนือร่างของแซม เพื่อนๆ ที่กำลังเล่นเกมกันอยู่ชะงักไปเล็กน้อย หันมามองภาพพี่ชายของแซมด้วยความสนใจ
**บาเลม
* (ปรากฏตัวด้วยท่าทีสง่างาม แต่แฝงด้วยความเย่อหยิ่ง) น้องชาย... มีอะไรหรือ? ข้ากำลังยุ่งอยู่
แซมมองภาพพี่ชายด้วยสายตาที่ซับซ้อน ความรู้สึกผิดหวังและความโกรธยังคงปะปนอยู่ในใจ
**แซม
* พี่บาเลม... ผมอยากคุยกับพี่หน่อย
**บาเลม
* คุย? เรื่องอะไรกัน? ดูเหมือนเจ้ากำลัง... เพลิดเพลินอยู่มิใช่หรือ? (บาเลมกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวแซมเล็กน้อย ด้วยแววตาที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกมากนัก)
แซมรู้สึกถึงสายตาของพี่ชายที่มองมายังเพื่อนๆ ของเขา เขากลืนน้ำลายเล็กน้อย
**แซม
* ผมอยากคุยเรื่องแม่ครับ
สีหน้าของบาเลมเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเย่อหยิ่งเมื่อครู่ดูจะลดลง
**บาเลม
* แม่? มีอะไรเกี่ยวกับท่านหรือ? ข้าเพิ่งคุยกับท่านไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
**แซม
* ผมรู้ครับ... ผมแค่อยาก... อยากรู้ว่าทำไมพี่ถึง... ทำแบบนั้นกับท่าน
ความเงียบปกคลุมชั่วครู่ บรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนๆ ของแซมต่างหยุดการกระทำทุกอย่างและจ้องมองภาพโฮโลแกรมของบาเลมด้วยความสนใจ
**บาเลม
* แม่ของเราสอนไว้ว่าอะไรที่จำเป็นต่อการปกครองจักรวาล? อำนาจและความเคารพไงล่ะ! สิ่งที่แม่ทำ การยกโลกให้กับเจ้า ทั้งที่ข้าลงทุนลงแรงไปกับโลกแล้ว มันทำให้ข้าเสียการปกครอง ข้าก็เลยทำให้ท่านไปอุบัติใหม่เป็นหญิงต่ำต้อยบนดาวเคราะห์นั้น เพื่อสั่งสอนให้รู้สำนึกถึงความสำคัญของฐานะที่แท้จริง
แซมและเพื่อนๆ ต่างตกตะลึงกับคำพูดที่ออกมาจากปากของบาเลม ความเย็นชาและความเห็นแก่ตัวในน้ำเสียงของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุก
**แซม
* สั่งสอน? พี่ทำกับแม่แบบนั้นเพื่อสั่งสอนงั้นเหรอ? พี่คิดว่าพี่มีสิทธิ์อะไรไปตัดสินแม่?
น้ำเสียงของแซมเริ่มแข็งกร้าวขึ้นด้วยความโกรธ
**บาเลม
* ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่สมควร แม่ทำผิด แม่จึงต้องได้รับการลงโทษ และการไปใช้ชีวิตที่ต่ำต้อยเช่นนั้นแหละ คือบทเรียนที่ดีที่สุด
**บิลลี่
* (อดไม่ได้ที่จะพูดแทรก) นี่มัน... มันไม่ใช่การสั่งสอนแล้ว มันคือการแก้แค้นชัดๆ!
บาเลมหันมามองบิลลี่ด้วยสายตาเย็นชา
**บาเลม
* เจ้าเป็นใครถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้? จงจำใส่กระโหลกไว้ว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร
**แซม
* (ปกป้องบิลลี่) เขาเป็นเพื่อนของผม! และสิ่งที่พี่ทำมันผิด! แม่ไม่เคยทำอะไรผิด! ท่านแค่... อยากให้พวกเรามีความสุข
**บาเลม
* ความสุข? ช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระ แม่ของพวกเราอ่อนแอเกินไป ท่านถึงได้คิดเช่นนั้น แต่ข้าจะแสดงให้เห็นว่าอำนาจที่แท้จริงคืออะไร
บาเลมหัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อย
**บาเลม
* เจ้าเองก็เหมือนกัน ไททัส... เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าถึงได้มาคลุกคลีอยู่กับพวกมนุษย์ต่ำต้อยพวกนี้
คำพูดของบาเลมราวกับตอกย้ำความแตกต่างระหว่างเขากับแซมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น... ความเห็นแก่ตัวและความเย่อหยิ่งของเขาทำให้แซมรู้สึกว่าพี่ชายที่เขาเคยรู้จักได้หายไปแล้ว...
**บาเลม
* ชีวิตคือศิลปะของการบริโภค ไททัส เพื่อมีชีวิตอยู่ เราต้องบริโภค พวกมนุษย์ที่อยู่บนดาวเคราะห์ของเจ้าเป็นแค่ทรัพยากรที่จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินให้กับพวกเรา และวิสาหกิจและทุกสิ่งทั้งหมดเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ของอุตสาหกรรมแห่งความงามอันน่าอัศจรรย์ที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายเดียว... เพื่อสร้างผลกำไร
บาเลมยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำพูดของตนเอง ราวกับกำลังอธิบายปรัชญาอันลึกซึ้งให้แซมฟัง โดยไม่สนใจความรู้สึกของน้องชายและเพื่อนๆ แม้แต่น้อย
แซมมองภาพโฮโลแกรมของพี่ชายด้วยความรู้สึกขยะแขยง
**แซม
* พี่คิดว่าชีวิตของคนอื่นเป็นแค่ทรัพยากร... เป็นแค่เงินงั้นเหรอ? พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?
**บาเลม
* ความรู้สึก? มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราอ่อนแอ ไททัส ข้าสนใจแค่ประสิทธิภาพและผลกำไร จักรวาลนี้กว้างใหญ่ มีทรัพยากรมากมายให้เราบริโภค เหตุใดเราต้องมาเสียเวลากับความรู้สึกไร้สาระพวกนั้น?
บาเลมหัวเราะเบาๆ อย่างเยาะเย้ย
**บาเลม
* เจ้าเองก็เหมือนกัน ไททัส การที่เจ้ามาผูกพันกับพวกมนุษย์เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเจ้า จงจำไว้ว่าเจ้าคือใคร เจ้าคือเจ้าชาย ไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกชั้นต่ำ
คำพูดของบาเลมราวกับตอกตะปูใส่ใจของแซม ความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างเขากับพี่ชายนั้นชัดเจนจนน่าตกใจ
**บิลลี่
* (ด้วยน้ำเสียงโกรธ) พวกเราไม่ใช่ชั้นต่ำนะ! พวกเราเป็นเพื่อนของแซม!
**บาเลม
* (ไม่สนใจบิลลี่) เงียบไปซะ เจ้าสิ่งมีชีวิตไร้ค่า
**แซม
* อย่ามายุ่งกับเพื่อนของผมนะ! พวกเขาดีกว่าพี่เป็นร้อยเท่า!
**บาเลม
* หึ... เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง ไททัส เอาเถอะ ข้าไม่มีเวลามาถกเถียงกับเจ้าเรื่องไร้สาระพวกนี้ ข้ามีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ
บาเลมทำท่าจะตัดการเชื่อมต่อ
**แซม
* เดี๋ยวก่อน! พี่ทำร้ายแม่ทำไม?
บาเลมชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังคงมีร่องรอยของความเย่อหยิ่งบนใบหน้า
**บาเลม
* ข้าได้อธิบายไปแล้ว มันเป็นการสั่งสอน... และเพื่อรักษาอำนาจของข้า
**แซม
* นั่นมันไม่ใช่เหตุผล! พี่แค่ต้องการที่จะควบคุมทุกอย่าง!
**บาเลม
* นั่นคือสิ่งที่ผู้ปกครองที่แท้จริงทำ ไททัส จงจำไว้
บาเลมตัดการเชื่อมต่อ ภาพโฮโลแกรมของเขาวูบหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบและความรู้สึกขุ่นเคืองในห้อง...
ความเงียบปกคลุมห้องนอน ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่บาเลมพูด ไม่มีใครคาดคิดว่าพี่ชายของแซมจะมีความคิดที่เย็นชาและเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้ การได้ยินกับหูและเห็นกับตาตัวเองนั้นแตกต่างจากการฟังเรื่องเล่าอย่างสิ้นเชิง พวกเขาได้ประจักษ์แล้วว่าบาเลมไม่ได้เป็นเพียงผู้ปกครองที่เข้มงวด แต่เป็นคนที่มองชีวิตผู้อื่นเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
**เจค
* ไอ้... คนแบบนี้มัน...
เจคส่ายหน้าอย่างเหลือเชื่อ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึก
**คาร์ล
* มันน่าขยะแขยงสิ้นดี
**แมทธิว
* มันไม่เห็นหัวใครเลย นอกจากตัวเอง
**อีธาน
* แซม... นายต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ
บิลลี่กุมมือแซมแน่น มองเขาด้วยความเป็นห่วง
**บิลลี่
* นายโอเคไหม แซม?
แซมนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาแข็งกระด้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง
**แซม
* ผมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นได้ถึงขนาดนี้... ผม... ผมรับไม่ได้
เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ ทีละคน
**แซม
* พวกนายพูดถูก ผมต้องทำอะไรซักอย่าง... ผมปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตาของแซม ทุกคนในห้องรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลง เขาจะไม่ยอมทนอีกต่อไปแล้ว...