ท่องเที่ยวไทยเหงา จีน-รัสเซีย หนีไปเวียดนาม ที่พัก+บริการอาหาร 24 ชม. ถูกกว่าไทย มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นนอกจากธรรมชาติ พบยอดนักเที่ยวสูงกว่าไทย 2 เท่า5 พ.ค. 68 นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผยว่า ภาพท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันไม่ดีมาสักพักหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักไทย
ส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งพัทยา จ.ชลบุรี จะคล้ายกรุงเทพฯ หากมีผลกระทบในเมืองจะมาถึงพัทยาด้วย เพราะนักท่องเที่ยว เมื่อลงสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ จะเที่ยวในเมืองก่อน จากนั้นจะเชื่อมมายังพัทยา หรือเมืองใกล้ ๆ
พอนักท่องเที่ยวจีนหายเกือบครึ่ง จากที่เคยหายแค่กลุ่มกรุ๊ปทัวร์จีน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง จองผ่านตัวแทนท่องเที่ยว (โอทีเอ) ก็ลดลงตาม เมื่อรัฐบาลขยับตัวช้า แก้ไขข่าวเชิงลบที่ออกมาไม่เร็ว ยิ่งส่งผลกระทบกับท่องเที่ยวมากขึ้น
ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปที่มองว่าเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น ต้องบอกว่าเป็นฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วงเดือน พ.ย. มี.ค. ซึ่งเป็นหน้าหนาวของยุโรป นักท่องเที่ยวจึงมักมาไทยเพื่อหาอากาศอบอุ่น แต่เมื่อหมดหน้าหนาว ก็หมดฤดูเที่ยวไทย
ขณะที่ตลาดรัสเซีย พบว่ามีการเที่ยวประเทศอื่นมากขึ้น เช่น เวียดนาม อียิปต์ โดยเฉพาะเวียดนาม ที่มีการย้ายไฟล์ตบินไปลงเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากเห็นการเติบโต ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีนักกับการท่องเที่ยวไทย
นายธเนศ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยถูกกระทบตั้งแต่เหตุกราดยิงที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต จากนั้นมาเจอนักแสดงจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จับไปชายแดนไทย ทำให้เกิดคำถามถึงความปลอดภัย ถูกโจมตีจากอินฟลูเอนเซอร์จีน ซ้ำมาเจอแผ่นดินไหว ทำให้คนจีนไม่เชื่อมั่นในการเข้ามาเที่ยวไทย
นอกจากนี้ การแข่งขันด้านท่องเที่ยว ไทยสู้คู่แข่งไม่ได้แล้ว ต้นทุนท่องเที่ยวหลายประเทศถูกกว่า เช่น เวียดนาม ค่าแรงถูกกว่าไทย ค่าที่พักก็ถูกกว่า โรงแรมขายพร้อมบริการอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ยังถูกกว่าโรงแรมไทยที่ขายห้องพักรวม + อาหารเช้าอีก แหล่งท่องเที่ยวไม่ได้มีธรรมชาติอย่างเดียว แต่มีแมนเมด สวนสนุก ที่พัฒนาดีกว่าไทย ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไปมากขึ้น
ในเดือน มี.ค. มีนักท่องเที่ยวจีนเข้าเวียดนามเกือบ 7 แสนคน ขณะที่ไทยมีเพียง 3 แสนคน ส่วนญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เน้นดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไปเที่ยวมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงในช่วงนี้... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9746362?utm_source=msn_news&utm_medium=footer_click