นางออกมาตอบโต้ อ.ลอย คู่ปรับตลอดกาล แต่ไม่อยากโต้ตรงๆ เลยไปเล่นประเด็น นางแบก นายแบก จริงๆ ปรากฎการณ์นายแบกนางแบก
มีมาหลายปีแล้ว แต่หมอธนีย์ไม่เคยให้ความสนใจ ตั้งแต่เรื่องแบกดิจิตอลวอลเลต แบกเอนเตอเทนเม้นคอมเพลกซ์ และอื่นๆ ที่ด่ากันทั้งบ้านทั้่งเมืองนางออกมาทำคลิปนี่หลักๆ ฟันธงเลยว่าเป็นเพราะ อ.ลอย โพสต์เฟซบุค สนับสนุนแพทองธารเรื่องคลิปหลุด
โดยมีวรรคทองประมาณว่า สิ่งที่นายกพูดไม่มีอะไรผิดเลย ถ้าเป็นผมผมก็จะทำแบบที่นายกทำ ซึ่งเป็นไวรัลและถูกอ้างอิงในสำนักข่าวกระแสหลักทุกสำนัก
และช่วงหลังแนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการส้มแท้ๆ มากมาย ว่าสิ่งที่แพทองธารทำไม่ได้ผิดหลักการทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สนับสนุนให้นายกไม่ลาออกหรือยุบสภา เพราะมันจะไปเข้าทางคนจ้องทำรัฐประหาร นี่คือความเห็นจากเหล่านักวิชาการจำนวนหนึ่ง
ข้อสังเกตของกูนะ ทั้ง อ.ลอย และหมอธนีย์ ก็เก่งทั้งคู่ แต่เวลาพูดข้าม field ทีไร อ.ลอยดูเก่งและเข้าใจมากกว่า
ตัวอย่างชัดๆเลย เวลา อ.ลอยด่าพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง กูว่าแกเข้าใจเรื่องการเมืองดีเลยทีเดียว ด่าเพื่อไทย
เพราะไม่เห็นด้วยแทบทุกเรื่อง สุดท้ายไม่กี่ัวันก่อนวันเลือกตั้ง แกทำคลิปฟันธงว่าเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนายกฯ
จะมาจากพรรคเพื่อไทย แม้ว่ากระแสจะมาทางก้าวไกลล้นหลาม พร้อมคำอธิบายทางคณิตศาสตร์การเมืองซึ่งโคตรจะสวนกระแส
กูเองไม่เชื่อนะ แต่สุดท้ายก็ได้เป็นจริงๆ อ.ลอยแกอ่านการเมืองขาดมาก แกอ่านการเมืองโดยอยู่กับข้อเท็จจริงและคณิตศาสตร์
สำหรับคนที่ไม่ทราบ อ.ลอย ไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แกเป็นหัวคะแนนธรรมชาติของพรรคส้มตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่
ส่วนหมอธนีย์ เวลาพูดอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องทางการแพทย์ ดูแกไม่ค่อยเก่ง มันเห็นได้ชัดจากสำนวนโวหารที่ใช้เลย โดยเฉพาะเรื่องการเมือง
ปรากฎการณ์นางแบกนายแบก เอาเข้าจริงมันมีอยู่ทุกกลุ่มการเมือง เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก มันไม่ควรจะเป็นประเด็นหยิบมาพูด
เจื้อยแจ้วตื้นเขินแบบนี้ กูฟังที่นางพูดก็ไม่ได้มีอะไรใหม่นะ และพบว่านางลืมไปว่าเราทุกคนล้วนมี echo chamber เป็นของตัวเองไม่มากก็น้อย
สิ่งเหล่านี้มันก็คือปรากฎการณ์ political polarization ที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลกยกเว้นเกาหลีเหนือ ทุกกลุ่มการเมืองมีอุดมการณ์
ความเชื่อ และฐานเสียงที่คิดและเชื่อแบบเดียวกัน เป็นของตนเอง และมี swing voters เป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ทุกพรรคต้องช่วงชิง
เรื่องมันก็เรียบง่ายแบบนี้ ทุก 4 ปี จะมีการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายก็ต้องทำทุกทางให้พรรคตัวเองได้เป็นรัฐบาล รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนด้วย
ทุกฝ่ายดิ้นรนช่วงชิงคะแนนนิยมกันทุกวัน ประเด็นที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่อง นางแบก นายแบก ด้อมส้ม ด้อมสลิ่ม แต่คือการประคับประคอง
การเมืองไทยให้อยู่ในร่องในรอยของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่จัดให้มีการเลือกตั้งทุก 4 ปี และทุกคนควรเรียนรู้ที่จะมีขันติธรรม
กับความเห็นต่างและ respect การตัดสินใจของผู้อื่น เพราะประชาธิปไตยในประเทศไทยยังไม่ได้ลงหลักปักฐานอย่างมั่นคง