ยอดออนไลน์สูงมากๆนะคะ นั่นคือ ทาร์เก็ตคนดูที่ช่องต้องการจริงๆ คือ คนที่กระเสือกกระสนอยากดูละครเรื่องนี้ ก็คือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงมากกว่ากล่องวัดเรตติ้งนะ
ส่วนข้อมูลกล่องตัวอย่างเรตติ้งเราไม่เคยรู้ข้อมูลใดๆอยู่แล้วว่า บ้านไหนติดกล่องเรตติ้งบ้าง เพราะคนที่ติดกล่องเรตติ้งจะได้เงิน (ซึ่งว่ากันว่าไม่ได้เยอะขนาดเลี้ยงชีพทั้งบ้านได้) เธอก็คิดเอาว่า จะมีบ้านแบบไหน ที่ยอมให้ติดกล่องเรตติ้งที่คนดูในบ้านจะต้องลงมาดูทีวีเครื่องนั้น แล้วป้อนรหัสเพื่อยืนยันข้อมูลว่า คนดูในขณะนั้น อยู่ในกลุ่มคนดูแบบไหน ซึ่งสัญญานทีีวีก็เข้าผ่านรหัสจากกล่องเรตติ้งอีกที สัญญาณทีวีผ่านกล่องก็น่าจะเป็นอนาลอคเหมือนเดิม ซึ่งพูดง่ายๆ ว่า บ้านที่มีกล่องเรตติ้ง คนในบ้านอาจจะดูเครื่องอื่นที่ไม่ได้ผ่านกล่องอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากความยุ่งยากในการใช้งานกล่อง หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าเลือกบ้านที่บังคับให้มีทีวี แค่เครื่องเดียว ทุกคนต้องมาดูทีวีรวมกัน อันนี้ก็เหมือนผลักให้สมาชิกในบ้านบางคนต้องไปหาตัวช่วยอย่างอื่นดู คนที่ดูทีวีบ้านนั้น ก็จะกลายเป็นคนเดิมๆ ทันที เพราะสมาชิกในบ้าน (ลูกหรือหลาน) ต้องการดูทีวีคนละช่องกับคนในบ้าน (ซึ่งมักจะเป็นพ่อแม่) ตัวเลขของช่องใหม่ดิจิตอล เลยพุ่งขึ้นยาก นอกจากจะมีรายการที่มีกระแสแรงจริงๆ ซึ่งสุดท้าย ถ้าหมดความสนุก คนดูที่มีกล่องเรตติ้งก็หันหลับไปช่องที่คุ้นเคยเหมือนเดิม
ซึ่งปัจจุบัน เรตติ้ง ในช่วงเวลาพีค รวมกันทุกช่องไม่แตะ 20 ด้วยซ้ำ แสดงว่า กล่องเรตติ้ง 2400 กล่อง ปัจจุบันนี้ มีการเปิดใช้งาน ช่วงเวลาพีคๆ อาจจะไม่ถึง 500 บ้านอ่ะค่ะ เพระาเรตติ้ง 1 แทน 1% ของประชากรที่เข้าถึงทีวี ซึ่งเอาจริงๆ แม้ว่าหลักการเรตติ้งที่ใช้อยู่ จะมีการศึกษาว่าสามารถสะท้อนพฤติกรรมการดูทีวีของคนได้ แต่ยุคดิจิตอลเฟื่องฟูในยุคนี้ การวัดด้วยกล่องเรตติ้งอาจจะเชยและล้าสมัยสำหรับการวัดสถิติในยุคนี้แล้วจริงๆ ก็ได้
แล้วอีกอย่าง ทาร์เก็ตที่เอเจนซี่ต้องการโปรโมทสินค้า ก็จะดูรายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า สินค้ามีวางจำหน่ายในช่องทางไหน บางสินค้ามีแค่ใน กทม และเมืองใหญ่ๆ ถ้าเรตติ้งในเมืองสูง เขาอาจจะไม่แคร์เรตติ้งนอกเมืองเลยก็ได้ ทำให้การจ้างพรีเซนเตอร์ จึงไม่ค่อยมีผลกับละครที่มีเรตติ้งสูงปานกลาง เว้นแต่ ละครหรือรายการที่เรตติ้งโดดๆ แบบ บุพเพสันนิวาส หรือ เดอะ แมส ซิงเกอร์ ที่แจ้งเกิดดาราหรือนักร้องหลายคนให้มีงานเข้ามาไม่ขาดสายมาแล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่ ดาราช่อง 7 ละครเรตติ้งสูงๆ (แต่ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์) ถึงมีงานน้อยกว่า ดาราที่มีกระแสบนโซเชี่ยลมากกว่า แบบดาราเรื่องคุณชาย ที่ทาร์เก็ตมีกำลังซื้อสูงมาก ต่อให้ละครเรตติ้งไม่เยอะ (ดูตัวอย่าง ไบร์ท วิน) แต่กระแสแรงมากๆ โอกาสได้งานก็มีสูงมากกว่า ถ้าเทียบกับเบลล่า เจ้าตัวไม่ได้แค่เรตติ้งละครสูง และเธอเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ช่วงละครดังด้วย แม้แต่เวียร์ที่ไม่ได้เล่นละครกับเธอตอนนั้น ก็ได้งานพ่วงไปด้วย