เกาหลีมีซอฟพาวเวอร์
ไทยก่อมีซีรี่ย์วาย

แชโบลเกาหลียังมีประโยชน์กับประเทศมากกว่าอีพวกเจ้าสัวอีก เจ็กยังไงก็กำพืดเจ็กสันดารเจ็ก ตักตวงเข้าตัวเองหมด

แชลโบล ผลิตเทคโนโลยีขาย สร้างชาติให้เกาหลี พัฒนาสังคมเกาหลี รวยแล้วคืนสู่สังคมโคตรเยอะ จะเห็นได้ว่าบริษัทเกาหลีโตคับโลก บริษัทแชโบลก็รวย หาเงินเข้าประเทศ แต่ตระกูลเจ้าของบริษัทไม่ได้รวยตามมูลลค่าบริษัท เพราะกฎหมายเกาหลี เขาปฎิรูปเรื่องการจัดเก็บภาษีมรดก การถือหุ้นตระกูล แชลโบล เพื่อกันไม่ให้กักเก็บความร่ำรวยอยู่แต่ในตระกูลตัวเอง แต่รวยแล้วต้องกระจายความเจริญออกไปสู่สังคม สร้างคนชนชั้นกลางเยอะๆ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเขาถึงยกย่องพวกแชลโบลเป็นฮีโร่และไม่ค่อยตอต้าน และยังยอมให้ลูกหลานแชลโบลได้อภสิทธิ์ต่างๆ มากกว่าคนทั่วไป เพราะจะดีจะชั่ว พวกแชลโบลมันก็พัฒนาประเทศเกาหลีจริงจัง รวยและมีเทคโนโลยีก็เอากลับคือมาพัฒนาประเทศบ้านเกิดตัวเอง

แต่เจ้าสัวไทย ต่างออกไปมาก เจ้าสัวไทยมันสันดานเจ๊ก เอาแต่ได้ เอาแต่ตักตวง รวยขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพราะผลิตนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีขาย แต่รวยขึ้นมาได้จากการที่ตัวเองมีเงินทุนมากกว่า และเอาเงินทุนไปตบหัวทหาร เจ้า ชนชั้นปกครองที่อ้างตัวเป็นเจ้าของทรัพยากร เพื่อให้ผูกขาดสัมปทานยาวๆ ไม่ว่าจะพลังงาน ที่ดิน การก่อสร้าง เครื่องข่ายการสื่อสาร การเกษตร เจ้าสัวพวกนี้คือรวยมาได้เพราะสัมปทาน ที่ประเทศชาติเอื้อให้คนกลุ่มนี้รวยขึ้นมา แถมยังมีประชาชนชั้นล่างและกลางในประเทศค่อยถวายตัวเป็นแรงงานราคาถูกให้ขูดรีดไปอีก บวกกับโครงสร้างการบริหารเศรษฐกิจและการจัดการความเหลื่อมล้ำของไทยที่ยังล้าหลัง ยังใช้ระบบไม่ต่างจากสมัยศักดินา โครงสร้างแบบนี้ เอื้อให้คนรวยยิ่งรวย ยิ่งจ่ายภาษีน้อย ความร่ำรวยไม่ต้องถูกกระจาย แต่ถูกจัดเก็บ กักไว้อยู่แต่ในตระกูลเจ้าสัวไม่กี่จระกูล ไม่ได้ถูกกระจายออกมาสู่สังคม คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน ความร่ำรวยไม่ได้ถูกส่งต่อจากการที่มึงเก่ง ขยัน แต่ถูกส่งผ่านทางสายเลือดตระกูลเจ้าสัวเท่านั้น ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน ไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่ ไม่เกิดนวัตกรรมใดๆ

เกาหลีใต้เขามีแชโบล แต่ช่องว่างระหว่างรายได้ และความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศเขาต่ำมาก
คนละเรื่องกับไทยเลย ไทยคือ รวยก็รวยสุด จนก็จนสุด ข่องว่างออกห่างจากกันมากขึ้นทุกปี

ไทยไม่ควรไปเทียบกับ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้เขาพัฒนาแล้ว ช่องว่างความเหลื่อมล้ำเขาต่ำ

ไทยใกล้เคียงสุดคืออินเดีย รัสเซีย เทือกๆนี้

ถ้าแชลโบลเกาหลี เหมือนเจ้าสัวไทยจริง แล้วทำไมเกาหลีเขาไม่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำหนักเหมือนไทยคะ เคยสงสัยไหม?

เคยตั้งคำถามไหมอ่ะ ทำไมบริษัทซัมซุง ซึ่งรวยกว่าบริษัทซีพี เป็นร้อยเท่า แต่ทำไมตระกูลลี เจ้าของซัมซุง กลับไม่ได้รวยกว่าตระกูลเจียไต๋ เจ้าของซีพีของไทย

เคยตั้งคำถามไหมว่าทำไม? นี่ขนาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ใหญ่กว่าไทยหลายเท่านะ

ทำไมคนรวยในไทยรวยล้นฟ้า รวยหน้าเดิมๆ คนชนชั้นปานกลางน้อย คนจนมากที่สุด

ทำไมช่องว่างคนรวยและคนจนในไทย มันถึงห่างออกจากกันมากเหลือเกิน เคยมีคำถามแบบนี้อยู่ในหัวกันบ้างไหม?

นั้นก็เพราะสัดส่วนทรัพย์สินของตระกูลในเกาหลีใต้ต่อขนาดธุรกิจที่เขาทำ ถ้าเทียบกันก็คือเล็กกว่าไทยมาก พูดง่ายๆให้เห็นภาพคือบริษัท Samsung รวย แต่ตระกูลลี ไม่ได้รวย ทิ้งห่างคนรวยประชาชนที่รวยในเกาหลีมาก ถือครองทรัพย์สินก็ไม่ได้ได้มาก คือเกาหลีใต้ เขาไม่ได้มีปัญหาเหมือนไทย ที่คนรวยเพียง 1% ครองขนาดเศรษฐกิจ 60%

เกาหลีใต้เขากระจายรายได้ กระจายความเจริญจากคนรวย ไปสู่คนในสังคม ทำให้คนเกาหลีในภาพรวมกินดีอยู่ดี รายได้สูง

ซัมซุงมีขนาดธุรกิจ 288.9 แสนล้านดอลลาห์ เจ้าของซัมซุงกลับมีทรัพย์สินแค่ 2.09 หมื่นล้านดอลลาห์

แถมเสียชีวิตก็ต้องเสียภาษีมรดกอัตรา 50% ล่าสุดประกาศมาว่าหมื่นกว่าล้านดอลลาห์หรือมากกว่าสามแสนล้านบาท ที่ต้องจ่าย ซึ่งก็คือคนรวยต้องจ่ายเงินคืนสู่สังคมมหาศาลมาก ซึ่งในไทยไม่เคยจัดการภาษีมรดกคนรวยจริงจังแบบเกาหลีใต้

ถ้าจะทำมองแค่ว่า ซีพี เหมือนซัมซุง ก็ไม่ควรเพียงแค่สนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ด้านนโยบายแต่ก็ต้องให้กลุ่มธุรกิจตอบแทนสังคมเหมือนที่เกาหลีใต้เขาทำด้วย คือการลดขนาดสัดส่วนความเป็นเจ้าของกิจการลง เพื่อให้รายได้กระจายไปหลายส่วน ไม่เก็บความมั่งคั่งไว้กับพวกตัวเองจนหมด เพราะการกระจายรายได้จะเพิ่มการบริโภคลดความเหลื่อมล้ำ และมีการจัดเก็บภาษีมรดกอย่างที่เกาหลีใต้ทำด้วย ประเทศเกาหลี เขาสนับสนุนแชลโบ ก็เพื่อมาช่วยพยุงประเทศ พัฒนาชีวิตคนในประเทศ ไม่ใช่ร่ำรวยกับแต่นายทุน ศักดินา นักการเมือง ทหาร อยู่กลุ่มพวกนี้ แบบไทยนะ

นี่แค่ตัวอย่างๆหนึ่ง ยังมีในอีกหลายมิติ ดูเผินๆ ไทยเหมือนจะมีแชโบลแบบเกาหลีใต้ แต่การจัดการไทย ไม่เหมือน ไปโปร่งใสเหมือนเกาหลี นายทุน ทหาร รัฐบาล มันร่วมหัวกันคอรัปชั่น มาทุกยุคทุกสมัย คนไทยฐานรากไม่เคยถูกช่วยเหลือ โอกาสไม่เคยไปถึงเหมือนเดิม

>เคยตั้งคำถามไหมอ่ะ ทำไมบริษัทซัมซุง ซึ่งรวยกว่าบริษัทซีพี
>เป็นร้อยเท่า แต่ทำไมตระกูลลี เจ้าของซัมซุง
>กลับไม่ได้รวยกว่าตระกูลเจียไต๋ เจ้าของซีพีของไทย
>
>
>
>เคยตั้งคำถามไหมว่าทำไม?
>นี่ขนาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ใหญ่กว่าไทยหลายเท่านะ
>
>ทำไมคนรวยในไทยรวยล้นฟ้า รวยหน้าเดิมๆ คนชนชั้นปานกลางน้อย
>คนจนมากที่สุด
>
>ทำไมช่องว่างคนรวยและคนจนในไทย
>มันถึงห่างออกจากกันมากเหลือเกิน
>เคยมีคำถามแบบนี้อยู่ในหัวกันบ้างไหม?
>
>
>นั้นก็เพราะสัดส่วนทรัพย์สินของตระกูลในเกาหลีใต้ต่อขนาดธุรกิจที่เขาทำ
>ถ้าเทียบกันก็คือเล็กกว่าไทยมาก พูดง่ายๆให้เห็นภาพคือบริษัท
>Samsung รวย แต่ตระกูลลี ไม่ได้รวย
>ทิ้งห่างคนรวยประชาชนที่รวยในเกาหลีมาก
>ถือครองทรัพย์สินก็ไม่ได้ได้มาก คือเกาหลีใต้
>เขาไม่ได้มีปัญหาเหมือนไทย ที่คนรวยเพียง 1% ครองขนาดเศรษฐกิจ
>60%
>
>เกาหลีใต้เขากระจายรายได้ กระจายความเจริญจากคนรวย
>ไปสู่คนในสังคม ทำให้คนเกาหลีในภาพรวมกินดีอยู่ดี รายได้สูง
>
>ซัมซุงมีขนาดธุรกิจ 288.9 แสนล้านดอลลาห์
>เจ้าของซัมซุงกลับมีทรัพย์สินแค่ 2.09 หมื่นล้านดอลลาห์
>
>แถมเสียชีวิตก็ต้องเสียภาษีมรดกอัตรา 50%
>ล่าสุดประกาศมาว่าหมื่นกว่าล้านดอลลาห์หรือมากกว่าสามแสนล้านบาท
>ที่ต้องจ่าย ซึ่งก็คือคนรวยต้องจ่ายเงินคืนสู่สังคมมหาศาลมาก
>ซึ่งในไทยไม่เคยจัดการภาษีมรดกคนรวยจริงจังแบบเกาหลีใต้
>
>ถ้าจะทำมองแค่ว่า ซีพี เหมือนซัมซุง
>ก็ไม่ควรเพียงแค่สนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ด้านนโยบายแต่ก็ต้องให้กลุ่มธุรกิจตอบแทนสังคมเหมือนที่เกาหลีใต้เขาทำด้วย
>คือการลดขนาดสัดส่วนความเป็นเจ้าของกิจการลง
>เพื่อให้รายได้กระจายไปหลายส่วน
>ไม่เก็บความมั่งคั่งไว้กับพวกตัวเองจนหมด
>เพราะการกระจายรายได้จะเพิ่มการบริโภคลดความเหลื่อมล้ำ
>และมีการจัดเก็บภาษีมรดกอย่างที่เกาหลีใต้ทำด้วย ประเทศเกาหลี
>เขาสนับสนุนแชลโบ ก็เพื่อมาช่วยพยุงประเทศ
>พัฒนาชีวิตคนในประเทศ ไม่ใช่ร่ำรวยกับแต่นายทุน ศักดินา
>นักการเมือง ทหาร อยู่กลุ่มพวกนี้ แบบไทยนะ
>
>นี่แค่ตัวอย่างๆหนึ่ง ยังมีในอีกหลายมิติ ดูเผินๆ
>ไทยเหมือนจะมีแชโบลแบบเกาหลีใต้ แต่การจัดการไทย ไม่เหมือน
>ไปโปร่งใสเหมือนเกาหลี นายทุน ทหาร รัฐบาล
>มันร่วมหัวกันคอรัปชั่น มาทุกยุคทุกสมัย
>คนไทยฐานรากไม่เคยถูกช่วยเหลือ โอกาสไม่เคยไปถึงเหมือนเดิม

พักกาอนนะคะป้ากะเทยเฒ่า เจริญกว่าหีแตดอะไรคะอีกะลาแลนด์โลกที่ 3

เอาง่ายๆ

เกาหลีใต้ ไม่ต้องขอวีซ่า เข้าประเทศฝรั่งทั้งหมด แค่นี้มึงสู้ได้ไหมก่อนกะลาแลนด์

แค่บ้านางงามก็ลดเกรดแล้วค่ะ ตลกสุดๆ

มันจะเทียบเกาหลีได้ไง
ในเมื่อประชากรกะลาแลนด์ นังขี้เกียจสันหลังยาว
รู้มั้ยคนเกาหลีเค้าทำงานหนักแค่ไหน
นอกจากนี้กะลาแลนด์ก็โง่ดักดาน แต่อวดฉลาด
สื่อรายงานอะไร หรือมครพูดข่าวเท็จ แม่งคิดเองไม่เป็น
อีกประเด็นที่รีบนพูดถึง
ประกวดนางวามไร้สมอง จำไว้ใส่หัว
กะลาแลนด์คือผู้ป่วนแห่งเอเชียเฉกเช่นเดียวกับปินส์

ขนาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ใหญ่โตตั้งเท่าไร เทียบกับซัมซุงบริษัทเดียว ก็ยังไม่ถือว่าผูกขาด กินรวบขนาดแบบที่ CP เป็น

เกาหลีใต้มีบริษัทที่แข่งกันในแขนงเดียวกัน มีหลายบริษัท ไม่ใช่บริษัทเดียว และไม่ได้กินส่วนแบ่งการตลาดคนเดียว ผูกขาดเจ้าเดียว ในตลาดนั้นๆ

อย่างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ก็มีทั้ง Samsung, LG, Hanwha, Hynix และอีกเยอะแยะ

ในตลาดอุตสาหกรรมหนักก็มี ทั้ง Hyundai, Hanwha, Hanjin และ Samsung ซึ่งไม่ได้เป็นรายใหญ่ในที่สุดในตลาดนี้

แต่อี CP ผูกขาดทุกด้าน ที่มันเข้าไปทำ ไปว่าจะในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม , ค้าปลีก-ส่ง มันบริษัทเดียว กินส่วนแบ่งเกิน 50% ทุกแขนง

ล่าสุดในอุตสาหกรรมโครงข่าย ก็มีความพยายามจะเป็นเบอร์1 แทน AIS ให้ได้

ซึ่งเกาหลีใต้เขาไม่ปล่อยให้เป็นแบบไทย เขาพยายามกระตุ้นให้มีหลายๆบริษัทแข่งกัน ในแต่ละอุตสาหกรรม

นี่ยังไม่รวมถึงการการกระจายรายได้ ที่ไทย ไม่ได้ทำแบบเกาหลีใต้ สังคมไทยเหลื่อมล้ำสุดๆ เทียบไม่ติดกับเกาหลีใต้

แชลโบ ของเกาหลี เขาปฎิรูปจนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว รัฐบาลเขาใช้กลไกกระจายรายได้จากคนรวยออกมา จนเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีชนชั้นกลางมากที่สุดได้สำเร็จ

อีกประเทศก็คือญี่ปุ่น นี่เขาก็มีไซบัทซึ แต่ตอนนี้ถูกปฎิรูปให้เป็นแค่ เคเรตซึ

ไทยใกล้เคียงสุดคือ รัสเซีย อินเดีย โน้นจ้ะ เจ้าสัวไทย ควรเอาไปเทียบกับ พวกโอลิกาช ของรัสเซียมากกว่า ไม่ก็พวกเศรษฐีในพม่า ที่กินรวบและฮั้วกับพรรคการเมือง กองทัพ เพื่อให้ได้สัปทานยาวๆ ไรแบบนั้น

แชโบลเกาหลีใต้ทำตลาดไปทั่วโลก เอาแค่ Samsung กับรถ Hyuandai ที่ขายในทวีปอเมริกาเหนือ ก็ทำรายได้ให้เกาหลีใต้มากกว่างบประมาณประเทศไทยทั้งปีแล้วค่ะ

แชโบลเกาหลีรวยสู้ครอบครัวหนึ่งของไทยได้รึเปล่า รวยระดับ 3 หมื่นล้านเหรียญ เป็นอีลิทโลกพอๆกับบิล เกตส์

ถ้าไม่ได้ ไม่มีก็หุบปากค่ะ ถือว่ากระจอก

>แชโบลเกาหลีรวยสู้ครอบครัวหนึ่งของไทยได้รึเปล่า รวยระดับ 3
>หมื่นล้านเหรียญ เป็นอีลิทโลกพอๆกับบิล เกตส์
>
>ถ้าไม่ได้ ไม่มีก็หุบปากค่ะ ถือว่ากระจอก

ถุ๊ย 3.4 หมื่นล้านเหรียญ

บิล เกตส์ มีทรัพย์สิน 110,900,000,000

หนึ่ง"แสน"หนึ่งหมื่นเก้าร้อยล้านเหรียญ ค่ะ

พวกโลกที่สามอย่าปากพล่อยเอาความจนๆ ของพวกมึงมาเทียบกับอดีตผัวกูนะคะ

แค่ 3.4 หมื่นล้านเหรียญ หุบปากไปค่ะ ยังถือว่ากระจอก ต้องเลยหลักแสนล้านเหรียญถึงจะเรียกว่าอีลีท

อดีตมักจะสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันและอนาคต

ชาวจีนถูกราชวงศ์จีนกดขี่ เลยหนีออกนอกประเทศ พอหมดจากยุคราชวงศ์จีน ก็ต้องมาหนีการปกครองของคอมมิวนิสต์จีนอีก คลื่นอพพยชาวจีนโพ้นทะเลเลยเยอะมาก

อย่างช่วงต้นยุครัตนโกสินทร์ คือยุคที่คนจีนก็ถูกกดขี่โดยกษัติย์จีน ในอาณาจักรจีน ชาวบ้านอดยาก ไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกนางก็หนีตายมาสยาม

สยามตอนนั้น กษัตริย์ ศักดินา ก็กดขี่ประชาชนชาวสยามเอง ไม่ให้อิสระในการใช้ชีวิต และใช้ประโยชน์จากไพร่และทาสชาวสยาม เพื่อสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง แต่กษัติย์ ศักดินาไทย กลับให้อิสระกับชาวต่างชาติเต็มที่ เพราะต้องการจะค้าขาย

คนสยามเองถูกสักเลก ตีตราบนแขน ให้เป็นไพร่ เป็นทาส ทำงาน จ่ายภาษีโหดๆ ใช้แรงงานโหดๆ ป่วยตาย ก็โยนศพทิ้ง ไม่สนว่ามึงกินอิ่มไหม ได้เรียนไหม เมื่อก่อนไม่มี concept เรื่องแบบนี้ คนปฎิบัติกับคนด้วยกันโหดร้ายป่าเถื่อน ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะค้าขายทำธุรกิจ ชาวสยามเป็นได้แค่ไพร่และทาส

ในขณะที่ชาวจีนอพยพมาในสยาม มีอภิสิทธิ์และโอกาสในการค้าดีกว่าชาวสยาม คนจีนไม่ต้องถูกเกณฑ์เป็นไพร่ เป็นทาส มีเวลาทำการค้าได้ตลอด และคนจีนเสียภาษีน้อยกว่าไพร่ชาวสยามหลายเท่า

คนจีนไม่ต้องเข้าสังกัดมูลนายกรมกอง เหมือนไพร่ ทาสชาวสยาม ยิ่งทำให้มีอิสระในการเดินทาง และเปิดโอกาสให้คนจีนเริ่มเข้ามาเป็นพ่อค้าในเมือง ระหว่างเมือง และถึงระดับระหว่างประเทศ

สมัยรัชกาลที่ 2 ตลาดสินค้าไทยร้อยละ 90 นี่อยู่ในประเทศจีน ในบรรดาสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ก็เป็นสินค้าจีนมากที่สุด สะท้อนการผูกขาด ขณะที่การค้าระดับระหว่างเมืองก็เป็นคนจีนที่ทำการค้า เพราะไพร่ไทยมีไม่สิทธิ์ค้าขายเหมือนคนจีน ต้อง “เข้าเดือน” หรือทำงานให้หลวง

ผู้ปกครองสยามโปรชาวจีนขนาดนั้น เสียงขจรไกล ไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้คลื่นอพยพคนจีน ยิ่งหลั่งไหลเข้ามาในไทย เพราะคนจีนหนีการกดขี่ จากกษัตริย์จีนมาเหมือนกัน มาหาโอกาสที่ดีกว่าในไทย

อัตราการเพิ่มจำนวนของคนจีนก็เพิ่มขึ้น ปลายรัชกาลที่ 2 มีคนจีน 440,000 คน พอปลายรัชกาลที่ 3 มีคนจีน 1,100,000 คน

แม้ว่าระบบไพร่จะถูกยกเลิกในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 แต่คนจีนก็ได้เปรียบกว่าคนสยาม เพราะรากฐานฝังลึก ทั้งประสบการณ์ ทั้งคอนเนคชั่นที่สั่งสมมาเป็น 100 ปีบนแผ่นดินสยาม

เมื่อพิจารณาองค์ประกอบพื้นฐานประกอบด้านสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม ตั้งแต่อดีต ชี้ให้เห็นว่าสภาพเหล่านี้ทำให้คนจีนสามารถต่อยอดความร่ำรวยได้ดีกว่า คนสยามเองเสียอีก

คนสยามเป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศตัวเองมาโดยตลอด

ตั้งแต่อดีต คนสยามไม่ใช่ไม่อยากทำมาหากิน หรือขี้เกียจ แต่ส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะระบบแบบไทยตั้งแต่อดีตมันออกแบบมาให้พวกเขา (คนไทย) เป็นได้แค่ทาส และไพร่ เป็นแรงงาน ชาวนา ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก

เห็นด้วยที่ประเทศเรามีเจ้าสัวอยู่หลายตระกูล
ที่น้องสังเกตเห็นก็พวกที่มี surname ลงท้ายว่า
- สันเทีย ,-จันทึก, -ไธสง, -สูงเนิน, ขุนทด ฯลฯ
พบว่าเป็นเจ้าของกิจการในเกาหลีใต้หลายคนเลย
เห็นว่าต้องเดินทางไปตรวจงานที่ประเทศนี้บ่อย ๆ

เจ้าสัวรวย ประเทศไทยจนและไม่ได้เจริญ

แชลโบลรวย ประเทศเกาหลีรวยและเจริญ

เห็นความต่างเนาะ

จขกท ขายขำ หรอคะ?

คิดไปเองหรือเปล่าคะ 5555555

อ๋อ หรอคะ?

ค่ะๆ

เจริญกว่าก็เจริญกว่าค่ะ

บอกให้อ่านหนังสือบ้าง จะได้ไม่เป็นแบบกะเทยหมี่

อ๋อ ค่ะๆ

ทายาทซัมซุงเขาต้องเสียภาษีมรดก 70,000 ล้านบาท

ทายาทเจ้าสัวไทย ต้องเสียไรสักบาทป่ะ?

ทำไมจะไม่เสีย ปีๆนึงก็บริจาคองค์กรการกุศลหลายร้อยหลายพันล้านอยู่น่ะ

>ทายาทซัมซุงเขาต้องเสียภาษีมรดก 70,000 ล้านบาท
>
>ทายาทเจ้าสัวไทย ต้องเสียไรสักบาทป่ะ?