>โง่หรือป่าวที่คิดว่าเจมมันไม่เอาเงิน
>ไม่งั้นมันไม่มาขายตั๋วโรงหนังหรอก
>ถ้าไม่ได้เงินเจมมันจะเสียเงินค่า business class ไปทำไม คอน
>F4 ที่เวียดนามมันยังให้ ไบร์ทวินดิวนานิ นั่งโลคอสเลย
>
>อยากหลอกตัวเองก็หลอกไปแต่หลอกตัวเลขไม่ได้
>เดี๋ยวนี้ไปแฟชั่นวีคมันวัดค่าเป็นตัวเลขและเป็นสากลหมดแล้วทั้ง
>MIV EMV แล้วไบร์ทก็อยู่ในระดับสูง ไม่งั้นจะได้เป็น Global
>Brand Ambassador เป็นปีที่ 2 เหรอ ดาราโลกที่สามเป็น GBA
>ก็ยากมากๆๆแล้ว แล้วได้เป็นปีที่ 2 ยิ่งพิเศษไปใหญ่
>
>แค่ต้นทุนพาไบร์ทไปลอนดอนก็ ล้านกว่า 2 ล้านละ
>เจมมันต้องขายตั๋วโรงหนังกี่รอบ แล้วเงิน 2-3แสนเหรียญ
>สไหนแบรนด์ไฮเอนด์มันน้อยมาก แค่ได้ลงสื่อเป็นร้อย
>สื่อหัวใหญ่แทบทุกสื่อแทบทุกประเทศในเอเชียตะวันออก
>ลงแม้กระทั่งกระดาษหนังสือพิมพ์ในฮ่องกง แค่นี้ก็คุ้มละ
>
>แล้วลองใช้สมองคิด ถ้าส่งใครไปก็ได้
>ว่งพวกเสาหลักที่ปั้นมาใหม่ไปไม่ดีกว่าเหรอ
>ได้ทั้งโปรไฟล์ได้ทั้งคอนเนกชั่น ได้คลิปได้รูปสวยๆลงสื่ออีก
>พูดเรื่องคลาส นานิได้ถ่ายรูปกับ Armani
>นี่มันสุดขนาดไหนยังไม่รู้เรื่องเลย
>ถ้าเป็นดาราวายนะต้องปั่นเทรน3วัน3คืน

เห็นไหมล่ะว่าต้นทุนที่เกิดจากงานแฟนชั่น มันแลกมากับการออกงานของศิลปินนักแสดงคนอื่นๆ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วละนะ ว่าใครกันแน่แบกค่ายใครกันแน่เสาหลักที่แท้จริง ยอดขายตั๋วยอดขายบัตรงานต่างๆไม่จกตาใคร เงินเข้าค่ายเต็มๆ นี่แหละค่ะเสาหลัก ไม่ใช่จะเอางานแฟชั่นชั้นสูงที่หล่อนก็บอกที่มาที่ไปของรายได้ไม่ได้มีแต่มโนโอ้อวด แล้วมาบอกเป็นเสาหลัก มันก็ไม่ใช่ละค่ะ นี่ไม่ใช่พันธกิจหลักหลักของบริษัทเค้า ลองไปอ่านในรายงานประจำปีเค้าก่อนนะคะว่าเค้าเขียนว่ายังไง ก่อนจะมาพูดอะไรที่ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า