Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: ThE LoveR
Topic ID: 252154
Message ID: 3
#3, RE: ปรึกษาปัญหาความสัมพันธ์กับพี่ชายในออฟฟิศครับ (จริงจัง)
Posted by เลโอน่า on 29-Sep-23 at 10:22 PM
In response to message #0
>ผมเป็นเด็กใหม่ เข้ามาทำงานได้ปีกว่า
>ได้รับการต้อนรับที่ดีจากพี่ๆ ในออฟฟิศ บรรยากาศดี
>มีทั้งรุ่นใกล้กัน รุ่นกลาง และรุ่นใหญ่
>มีพี่แผนกอาคารคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าสนิทกับพี่เขามาก (แบบพี่ชาย
>น้องชาย)
>
>ผมจบการเงินมา ก็มีความรู้เรื่องการออม กองทุน
>พี่เขาก็มาปรึกษาผม ซื้อยังไง ออมยังไง
>เพราะเขาอายุ 50 แล้ว ยังไม่มีเงินเก็บ อยากเก็บเงินให้ได้
>ก็สนิทกันไปไหนมาไหนด้วยกันกับกลุ่มพี่เขา ประมาณ 3-4 คน
>
>ผมไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เวลาเขาไปกินข้าวข้างนอก
>เขาก็เรียกผมไปด้วย
>เวลาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในกองผมเสีย เขาก็มาซ่อมตามหน้าที่
>(พี่เขาจบวิศวกรรม)
>
>ความสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดี เวลาแม่ผมทำกับข้าว
>แม่ผมก็ทำมาเผื่อ เพราะผมเล่าให้ฟังว่ามีพี่ชายที่ออฟฟิศ
>
>เวลาพี่เขาอยากได้อะไร แล้วเงินสดไม่พอ
>เขาจะขอยืมบัตรเครดิตผมไปผ่อนชำระ
>ไม่เคยมีปัญหา เขาจัดการเรื่องเงินผ่อนได้ดี แต่ถ้าให้จ่ายสด
>เขาจะมีไม่พอ เพราะเก็บเงินไม่เป็น
>บางทีเงินสดไม่พอ หลักร้อย หรือซื้อของกินริิมทาง
>เขาก็ขอให้ผมช่วยจ่ายก่อน สิ้นเดือนเขาก็จ่ายคืน
>บางทีก็ยืมค่าน้ำมันรถ 2,000 บ้าง 4,000 บ้าง
>ซึ่งเขาก็จ่ายคืนทุกงวด
>เขาบอกว่าพี่เป็นคนใช้เงินไม่เป็น มีเท่าไหร่ใช้หมด
>ต้องรบกวนเราบ่อยๆ
>ผมก็ดีใจที่เขาเห็นเราสำคัญ ผมก็เต็มใจให้ยืม
>สิ้นเดือนพี่เขาก็โอนคืนทุกบาททุกสตังค์ ไม่เคยช้า
>
>เวลามีงานเอกสารที่ต้องแปลภาษาอังกฤษ ผมก็ไปช่วย
>หรือทำเอกสารประเมินตนเองผมก็ช่วย
>เขาบอกว่า เรื่องใช้แรง พี่ทำให้ แต่เรื่องใช้สมอง เราทำให้พี่
>ความสัมพันธ์ดำเนินมาด้วยดีตลอด ผมก็รักเขาเหมือนพี่ชาย
>เราสองคนชอบวิ่งเหมือนกัน เลิกงานก็ไปวิ่งด้วยกันสองคน
>ต่างคนต่างวิ่ง สองทุ่มก็มาเจอกันที่รถ
>
>หลังๆ มา ผมเห็นเขาไปกินข้าว แล้วไม่ค่อยชวนผม
>ผมก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่ชวนทุกคนในกลุ่มไปปกติ
>บางทีผมมีธุระที่ต้องไปติดต่อกองคลัง ขอรถออฟฟิศแล้วไม่ว่าง
>จะให้พี่เขาไปส่ง
>เมื่อก่อน เขาไม่เคยถามเลย แค่บอกว่า มารอที่รถเลย เดี๋ยวไปส่ง
>
>ตอนนี้จะถามก่อนว่าจะให้พี่ไปส่งเหรอ ถามรถของออฟฟิศหรือยัง
>ว่างไหม
>ผมบอกว่าไม่มีว่างเลยครับ แต่ถ้าพี่ไม่ว่าง
>เดี๋ยวผมนั่งแกร็บไปครับ
>
>ช่วงแรก ผมไม่เอะใจเลย คิดว่าเขายุ่ง
>เหตุการณ์หนึึ่งที่ผมเริ่มคิดได้คือ หลังๆ เขาไม่ชวนไปกินข้าว
>และไม่ได้ชวนไปวิ่ง
>ผมคิดว่าเขายุ่ง วันนึง ผมเครียดเรื่องาน
>เลยเรียกแกร็บไปส่งที่สนามกีฬา
>
>เจอเขามากับน้องคนนึงที่ออฟฟิศ (เป็นผู้ชายอีกแผนก
>เป็นช่างเหมือนกัน)
>เขาก็ทำหน้ายุ่งยากใจที่เจอผม ผมก็มีคำถามในใจ
>ทำไมมาวิ่งไม่ชวนเรา
>
>ล่าสุด งานเลี้ยงเกษียณพี่ในออฟฟิศ จัดที่โรงแรมนอกเมือง
>ผมก็โทรไปถามพี่เขาว่า พี่ครับ วันนี้พี่ไปงานเลี้ยงไหม ถ้าไป
>ผมขอติดรถไปด้วยนะครับ
>พี่เขาก็นิ่งไปซักพัก แล้วก็ถามว่า จะไปกับพี่เหรอ
>เดี๋ยวพี่โทรเรียกนะ
>
>แล้วเราก็ไปด้วยกัน
>
>ผมเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
>แต่ด้วยความที่สนิทกันกับพี่เกษียณ
>เลยไปนั่งกินข้าวในงานแล้วเอาของขวัญไปให้
>พี่ชายคนนี้ เขาก็สนุกกับงาน ร้องคาราโอเกะ
>เวลาผ่านไปประมาณสี่ทุ่ม ผมอยากกลับบ้านมาก
>ปวดหัวเพราะผมไม่ชอบงานเลี้ยงเสียงดัง
>จะกลับก่อนก็กลัวเสียมารยาท เลยโทรหาพี่เขา
>
>พี่เขาบอกว่า พี่ออกมาแล้ว ตั้งแต่สองทุ่ม
>เรายังไม่กลับเหรอ ?
>
>ผมตอบว่า ผมจะกลับก่อนก็กลัวเสียมารยาท เลยรอกลับพร้อมพี่
>พี่กลับก่อนก็ไม่บอกผม ผมจะได้หาทางกลับเอง
>นี่ผมรอพี่จนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้เลยว่าพี่กลับแล้ว
>
>ผมก็เรียกแกร็บกลับเอง ในใจก็คิด เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
>ทำไมเป็นแบบนี้
>
>สองสามวันมานี้ก็เจอหน้ากันก็มองหน้ากัน ไม่ได้คุยกัน
>ไลน์ก็ค้างไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ไม่เคยคุยกันอีกเลย
>
>................
>
>ผมสาบานได้ว่าไม่ใช่เรื่องแต่ง เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
>ไม่ใช่เรื่องความรักแบบ ช-ช
>พี่เขามีเมียแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
>แล้วผมก็เคารพเขาเหมืิอนพี่ชายแท้ๆ
>
>ตอนนี้ความสัมพันธ์เลยไม่เหมือนเดิม เจอกันในลิฟต์
>เขาก็ยิ้มให้ ผมก็ยิ้มไม่ออก
>เพราะเสียใจเรื่องถูกทิ้งมาก บวกกับเหมือนเป็นส่วนเกินของเขา
>เลยเฟดตัวออกมาก่อน
>
>ปัญหาคือ ผมจะจัดการความสัมพันธ์ยังไง
>จะกลับไปเหมือนเดิมก็ทำใจลำบาก
>จะมึนตึงผมก็ไม่ใช่คนแบบนั้น
>ทุกวันนี้เจอกันก็ก้มหัวทักทายนิดนึง ไม่ได้คุยอะไรต่อ
>
>ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำแบบต้องห่างกัน
>ทำไมทำกับผมไม่เหมือนเดิม
>ผมปรึกษาแม่ แม่บอกว่า ไม่ต้องถามหรอก
>การที่เขาไม่ชวนเราไปกินข้าว ไม่ชวนเราไปวิ่ง
>ก็หมายถึงเขาไม่สะดวกใจให้เราไปด้วย
>เราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
>ไม่ต้องไปถามเขาหรอกว่า
>ทำไมไม่ชวนผมไปด้วยแต่ชวนคนอื่นในแก๊งไปหมด
>เพราะการไม่ชวนมันก็คือคำตอบที่ชัดเจนแล้ว
>
>เขาไม่ชวนก็เพราะเขาไม่อยากให้ไปด้วย
>จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
>เราอยากไปก็ไปเอง เดี๋ยวแม่ออกรถให้ จะได้ไปทำงานสะดวก
>จะไปวิ่งก็ไปเอง
>
>ส่วนเรื่องเงิน เรื่องบัตรเครดิต ก็มีงวดผ่อนชำระอีก 8 งวด
>อันนี้ไม่ได้บอกแม่
>ก็คงให้เขาผ่อนไปแบบเดิม
>
>แต่ก่อนหน้านั้น พี่เขาบอกว่า ผ่อนตัวนี้หมดแล้ว
>จะขอยืมผ่อนโน้ตบุ๊ก ผ่อนรองเท้าวิ่ง
>ผมควรจะให้ยืมผ่อน หรือปฏิเสธดี
>หรือบางทีเขาอาจจะไม่กล้ามายืมแล้วก็ได้ เพราะกลังจากงานเกษียณ
>เขาก็ดูเกรงใจ เข้าหน้าผมไม่ติด
>
>เรื่องเอกสาร ตอนนี้พี่เขาก็ให้คนในกองอื่นช่วยแปล
>ก็ช้าบ้างตามงานราชการ
>เพราะคนอื่นเขาก็ยุ่งงานเขา ก็รู้ว่าเขาน่าจะทำงานยากอยู่
>แต่ของผม เมื่อก่อนผมจะเอางานพี่เขามาทำให้ก่อนงานตัวเอง
>มันเลยเร็ว
>
>แม่ผมรู้ก็ดุผมว่า เอางานตัวเองให้รอด ก่อนทำงานคนอื่น
>
>
>ยาวหน่อยนะครับ ขอบคุณที่รับฟัง
>เพราะไม่รู้จะคุยกับใครในออฟฟิศ เพราะปรึกษาแล้วก็คงรู้กันหมด
>รู้ไปถึงพี่เขาด้วย แล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก
>(แต่มันติดในใจ ทำเอาผมนอนไม่กลับ)
>
>ที่ติดในใจคือเสียดายวันเวลาดีๆ
>เราก็คิดว่าเขารักเราเหมือนน้อง
>เลยเฟลนิดๆ แต่งานก็เยอะ ผิดปีงบประมาณ
>เลยทำให้พอไม่คิดเรื่องนี้ไปซักพัก
>ตอนนี้ กลับมาเสียใจ ว่าเราควรจะไปคุยกับเขาดีๆ หรือพอแค่นี้
>ไม่คิดอะไรแต่รักษาระยะห่าง
>
>แม่บอกผมไม่ให้ไปช่วยอะไรเขาแล้ว ให้รู้หน้าที่ตัวเอง
>เรื่องกินข้าว ก็ให้สั่งมากิน
>ไปวิ่งก็รอรถใหม่เดือน ตค แล้วก็ให้ไปเอง
>(เรื่องเงิน เรื่องบัตรเครดิตแม่ไม่รู้)

ขยันแต่งเรื่องตอแหลจังนะอีแก่

แต่งเรื่องตอแหลไปก็ไม่ทำให้มึงหายจากการเป็นกะเทยเฒ่าหีร้างรูตันไปได้หรอกค่ะ คริคริ


https://i.ytimg.com/vi/qSxyffSB7wA/hqdefault.jpg%20