>>>ขำ ความคิดเหี้ยๆ ของมึงมากเลยอีแก่สลิ่ม
>>>
>>>ผู้หญิงโดนข่มขืน แต่มึงมาโยนความผิดให้เพราะผู้หญิงแต่ตัวโป๊
>>>แล้วก็ยังบอกว่าโทษใครไม่ได้ด้วย ทั้งๆ ที่ถูกข่มขืน
>>>นี่คือความคิดที่เหี้ยบัดซบ และอัตรายกับสังคมไทยมาโดยตลอด
>>>ถ้ายังมีคนคิดแบบนี้เยอะๆ ผลิตซ้ำวาทะกรรมแบบนี้เยอะๆ
>>>ประเทศนี้คงไม่มีวันแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเพศได้แน่นอนเพราะ
>>>เพราะวิธีคิดคือการ endose สังคมอนุรักษ์นิยม ชายเป็นใหญ่
>>>และดัจริตตอแหล ซุกปัญหาไว้ใต้พรหม โฟกัสผิดจุด
>>>โฟกัสเรื่องไม่เป็นเรื่อง
>>>
>>>เขาแต่งตัวโป๊ แต่เขาไม่ได้อยากโดนข่มขืนนิคะ
>>>ต่อให้เขาไปเปิดหีต่อหน้า แต่เขาไม่อยากโดนเย็ด ไม่ให้เย็ด
>>>ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเย็ดเขาค่ะ มึงเข้าใจป่ะ
>>>
>>>เขาแต่งตัวโป๊ไม่ผิดค่ะ ผิดคือคนที่ไปละเมิดเขา เพราะฉะนั้น
>>>บอกว่าแต่งโตโป๊ ถูกข่มขืน จะบอกว่าโทษใคร ช่วยไม่ได้
>>>แต่งตัวโป๊เอง อันนี้คือเหี้ยบัดซบสุดๆ
>>>
>>>ประเด็นแทนที่จะโฟกัสคือจะจัดการกับทัศคติของพวกข่มขืนอย่างไร
>>>ไม่ให้มีการละเมิดทางเพศเกิดขึ้นกลับไม่พูด
>>>หรือว่านึกอะไรไม่ออก ก็ไม่ต้องทำอะไร เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
>>>แล้วโทษผู้หญิงว่าผิดเพราะแต่วตัวโป๊ จบปิดคดี
>>>ตัดจบง่ายๆตามสันดานกะลาแลนด์
>>
>>มึงอย่าอยู่ในโลกอุดมคติเกินไปค่ะ อย่ายึดแต่ทฤษฎี
>>มึงห้ามผู้ชายไม่ให้เงี่ยน
>>ห้ามผู้ชายไม่ให้เลิกก่อคดีข่มขืนผู้หญิงได้ไหม
>>มันมีบทลงโทษอยู่ใช่
>>พยายามมีการสร้างค่านิยมให้เกรียติผู้หญิง
>>และไม่ล่วงละเมิดผู้หญิงอยู่
>>แต่มันได้ผลเท่าไร การข่มขืน
>>หรือความรุนแรงในครอบครัวและสังคมต่อผู้หญิงก็ยังมีอยู่
>>วิธีแก้คือ มึงต้องปกป้องตัวเองได้ก่อน เป็นอันดับแรก
>>สอง ก็อยู่ที่การใช้กฎหมาย
>>แต่กฎหมายมันก็ถูกใช้โดยเพศที่มีอคติทางเพศอยู่ดี
>>มึงเห็นไหม ว่า คดีข่มขืน คนกระทำโทษน้อยถึงน้อยมาก
>>เพราะระบบชายเป็นใหญ่และการไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตร่างกายผู้หญิง
>> ปัญหาโลกแตกมานานแล้ว
>>ใช่ว่า การศึกษาเรื่องสิทธิสตรี สิทธิความเป็นคน มนุษย์
>>มันมากขึ้น แต่มันก็ยังแก้ไขปัญหา ผู้ชายก่อคดีข่มขืน
>>ล่วงละเมิด ไม่ให้หมดไปได้อยู่ดี
>>ไม่ใช่แค่เมืองไทยนะ แต่เป็นทั่วโลก แม้แต่โลกที่หนึ่ง
>>ก็ยังมีคดีความรุนแรงทางเพศ
>>ต่อผู้หญิงอยู่ ไม่ว่าจะข่มขืน
>>หรือตบตีใช้กำลังกับผู้หญิงในบ้าน
>>แล้วอย่างดี จะแก้ยังไงให้หายล่ะ
>>การแก้ไขพวกนี้ต้องใช้ความเด็ดขาด คือ กฎหมายที่คุ้มครอง
>>และยุติธรรมจากผู้ปฎิบัติ สอง คือ
>>ต้องสร้างการคุ้มครองตัวเองได้ให้เหยื่อ
>>ุ้ถ้าเหยื่อเหลืออด แล้ว ฝ่ายคุกคามไม่ยอมเลิก ก็ฆ่าไปเลยค่ะ
>>จบๆ ปัญหา เร็วกว่ากฎหมายอีกนะคะ
>
>เหมือนไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรม
>สังคมบางวัฒนธรรมแต่งงานเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง
>แล้วเรื่องการใช้ความรุนแรงมันก็มีเรื่อง bio-psyche factors
>ค่ะ ส่วนความเห็นปิดท้ายของป้าก็น่าไปพบจิตแพทย์ค่ะเทยตุ๊ด

เรียนมาเยอะเหมือนกันค่ะ สังคมที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
ผู้หญิงจะเป็นใหญ่ได้ด้วยแค่เรื่องนี้นะคะ สังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นฐานหญิงเป็นใหญ่มาก่อน แต่พอไปมาๆ ด้วยระบบสังคมชายก็ยึดอำนาจเป็นผู้นำอยู่ดี
ในชนบทไทย สังคมไทยเดิม ผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงแล้วยังไง ผู้ชายก็ยังขี้เกียจ
กินแรงงานผู้หญิงอยู่ดี ตกเย็นก็มานั่งก๊งเหล้ากับเพื่อน เมาแล้วหลายครั้งก็แสดงอำนาจความเป็นชายตบตีเมียต่อหน้าเพื่อนอีก

ระบบการสร้างอำนาจความเป็นใหญ่ของผู้ชายมันมีมาจากปัจจัยทางชีวภาพที่เป็นเพศที่แข็งแรงกว่า และกุมอำนาจทางสังคม การเมืองมาตลอดช่วงยุคประวัติศาสตร์

การจะลดทอนอำนาจชายเป็นใหญ่ ถ้าใช้วิธีค่อยไปค่อยไป มันก็ต้องใช้เวลา
แต่ถ้าอยากจะเอาแบบฉับพลันก็ต้อง Deconstruct ระบบสังคมชายเป็นใหญ่ไปเลยค่ะ
นี่คือแนว Radical feminist หรือแนวเฟมินิสสุดโต่ง

ส่วนปัญหาความรุนแรงจากผู้ชายในฐานะ ผัว ต่อ เมีย นี่เห็นเป็นปัญหาซ้ำซากๆ ต่อเนื่อง ในครอบครัว จากผู้ชายเมา และทำร้ายตลอดเวลา กูก็เห็นผู้หญิงที่เขาทนไม่ได้ เขาก็เอามีดกระซวกมันจนตายไปเลยค่ะ อันนั้นกำจัดปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ ถึงจะรุนแรงและต้องคดี แต่ก็ได้กำจัดตัวปัญหาไปอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ ไม่ได้ให้เขาเอาเป็นแบบอย่าง แต่อยากจะบอกว่า ถ้าสังคมชายเป็นใหญ่ที่มันไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงให้มันเจอแบบนี้ไว้เป็นแบบอย่างบ้างก็ดีค่ะ จะได้กลัวๆ กันบ้าง