>
>>ศาสนาพุทธไม่เคยมีข้อกีดกันใดๆเรื่องความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว
>
>อันนี้จริงเหรอคะ? เห็นว่าเป็นเกย์ก็ห้ามบวช
>ผู้หญิงก็ห้ามบวช เป็นเพศที่สามก็ว่าเป็นกรรมทำผิดศีลข้อ3

เข้าใจผิดนะคะ อันนี้เข้าใจผิดกันเยอะมาก ก็ขอพูดไว้ตรงนี้ละกัน แล้วอย่าเข้าใจผิดกันอีกนะคะ บางคนเอาไปพูดผิดๆจนคนตั้งใจจะบวชเปลี่ยนใจ มันบาปนะคะ

1. เกย์ห้ามบวช อันนี้ไม่จริงนะคะ ในศาสนาพุทธมีบัญญัติห้ามบัณเฑาะก์บวช แต่ในอรรถกถาบรรยายบัณเฑาะก์ไว้5ประเภท ที่ห้ามบวชจริงๆมี2ประเภทคือบัณเฑาะก์ที่ถูกตอน และบัณเฑาะก์ที่อวัยวะเพศกำกวมไม่แน่ชัดว่าชายหรือหญิง

ที่ต้องบัญญัติแบบนี้เพราะบัณเฑาะก์2ประเภทนี้ดูไม่ออกว่า เป็นชายหรือหญิง ไม่รู้ว่าจะให้บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นชายรักชายหรือไม่

เป็นเกย์หรือกะเทย(ที่ยังไม่ตัด) ถ้าแต่งตัวเป็นผู้ชายรักษากิริยาให้เรียบร้อยแล้วไปขอบวช อุปัชฌาย์อาจารย์ท่านก๋บวชให้ค่ะ

2. ผู้หญิงห้ามบวช อันนี้ก็ไม่จริง เพียงแต่ตอนนี้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีไม่ได้แล้ว เพราะภิกษุณีหมดไปแล้ว ไม่มีภิกษุณีมาทำการบวชให้ ภิกษุก็ไม่สามารถบวชให้ภิกษุณีได้ ตามพระธรรมวินัยแล้วจึงจะมีการบวชภิกษุณีไม่ได้อีก

3. เพศที่สามเป็นกรรมทำผิดศีลข้อ3 อันนี้ไม่ใช่ท่านตรัสเพราะรังเกียจเดียดฉันท์ แต่ท่านตรัสถึงผลของการผิดศีลในข้อต่างๆ เช่น ผิดศีลข้อ1ปาณาติบาท ก็ทำให้เป็นผู้มีโรคมาก ผิดศีลข้อ2 อทินนาทาน ก็ทำให้เป็นผู้ขาดทรัพย์ .....

ซึ่งท่านก็ตรัสสอนด้วยว่าถ้ารักษาศีลได้ดี ก็มีกรรมเหมือนกันแต่เป็นกรรมฝ่ายกุศล เช่น รักษาศีลข้อ1ได้ดี ทำบุญกับสัตว์ ก็จะเป็นผู้สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรค หรือศีลข้อ2 ถ้ารักษาได้ดีและมีการทำทานก็จะเป็นผู้มีทรัพย์มาก

ศาสนาพุทธไม่เคยมีข้อรังเกียจรังงอนใดๆในผู้หลากหลายทางเพศทั้งนั้นนะคะ ชายกับชายแต่งงานกัน ไปนิมนต์พระมาฉันเพลท่านก็ยังมา ไม่มีปฏิเสธอ้างว่าผิดหลักศาสนาแต่อย่างใดนะคะ