กุเป็นเกย์สมัย90 อายุแก่กว่าพิธานิดหน่อย ยุคเรา คนก็มองว่าเกย์ต้องเดียวดาย ไม่มั่นคง
จากการสังเกตเพื่อนโรงเรียนชายล้วนในห้องกุ 15 คนทุกวันนี้ เมื่ออายุเรา40กว่า พบว่า

มี 4 คนแต่งงานตอนอายุ30 ที่โรงแรมหรูและอยู่กันไม่ถึง10 ปีก็เลิกกัน ไม่มีลูก
มี 3 คนแต่งงานเล็ก ๆ แบบจีน ๆ อยู่ด้วยกัน มีลูก 1-2 คน
มี 2 คนอยู่ไปเรื่อย ๆ กับแฟน ไม่แต่งงาน (มันบอกสังคมไม่น่าอยู่ เด็กเดี๋ยวนี้ไม่น่ารัก)
มี 2 คนอยู่แบบเป็นโสด ไปเที่ยว เตะบอล กลับบ้าน ดู BNK ดูกีฬา
มี 1 คนที่เป็นตุ๊ดก็อยู่คนเดียว ซื้อกิน บินรอบโลก ไม่มีลูก มีแต่หลาน (รวมกุด้วยก็ 2 คน)
มี 2 คนป่วย-ตายหายไปแล้ว

กุก็เคยสงสัยว่า ความเชื่อเรื่องลูกเมียคือความมั่นคงมันหายไหน ส่วนใหญ่รวย ๆ กันด้วย
บางทียังคิดเลย ถ้าเกย์มีสมรสเท่าเทียม ใบทะเบียนสมรสมันจะช่วยให้ยั่งยืนไหมวะ ชายหญิงยังไม่รอด ที่สำคัญ ที่สำคัญเกย์มันก็ไม่ได้อดทนเท่าผู้หญิง ลูกเต้าก็ไม่มีด้วย...

เพื่อนฉัน ผัวนางจบนาฎศิลป์ เพื่อนเปย์อย่างดี มาเกือบยี่สิบกว่าปี ผัวนางบอกว่าถ้าเลิกจะฆ่านางทิ้ง แหงสิเป็นแมงดาเกาะแดก กลัวเลิกไม่ได้เงิน

สมัยเด็ก ๆ สาว ๆ เที่ยวไล่แอบชอบผู้ชายไปเรื่อยเปื่อย รักฝังใจอยู่คนนึง ทุกวันนี้ก็ยังรัก

ณ วันนี้ไม่ได้รักใครแล้ว มีแต่ชอบ ๆ แต่ไม่คิดจีบ ไม่คิดจะเริ่มรักใคร

เพื่อนนี่ อายุเท่า ๆ กัน ครองรักกับผัวเกย์มาเป็น 10 ปี ตอนนี้ก็เป็นคู่ชีวิตกัน ทำมาหากิน ร่ำรวย ๆ

ชีวิตนี่ไม่มีอะไรมาก ทำงาน เรียน พักผ่อน เที่ยวกับเพื่อน หาอะไรกิน ไปตามเรื่องตามราว

>สมัยเด็ก ๆ สาว ๆ เที่ยวไล่แอบชอบผู้ชายไปเรื่อยเปื่อย
>รักฝังใจอยู่คนนึง ทุกวันนี้ก็ยังรัก
>
>ณ วันนี้ไม่ได้รักใครแล้ว มีแต่ชอบ ๆ แต่ไม่คิดจีบ
>ไม่คิดจะเริ่มรักใคร
>
>เพื่อนนี่ อายุเท่า ๆ กัน ครองรักกับผัวเกย์มาเป็น 10 ปี
>ตอนนี้ก็เป็นคู่ชีวิตกัน ทำมาหากิน ร่ำรวย ๆ
>
>ชีวิตนี่ไม่มีอะไรมาก ทำงาน เรียน พักผ่อน เที่ยวกับเพื่อน
>หาอะไรกิน ไปตามเรื่องตามราว

รู้สึกชีวิตโล่ง ๆ เหมือนกันนะ จะแต่งก็ไม่รู้จะแต่งไปทำไม
เหมือนสมัยก่อน แต่งเพราะปิดบังชาวบ้าน แต่งเพราะอยากมีลูก อยากมีความมั่นคง
เดี๋ยวนี้ค่านิยมมันเปลี่ยน ชายหญิงยังไม่แต่งเลย ขนาดแต่งยังไม่จดทะเบียน-เปลี่ยนนามสกุล
แต่พอแก่แล้วเริ่มมีทุกอย่างก็เริ่มกลับมาคิดอีก มันเหมือนชีวิตเรานิ่ง ๆ ไงไม่รู้
ถามว่าเคยมีผัวไหม ก็มีนะ ทุกวันนี้ ผัวก็มีเมีย ก็อยู่ ๆ กัน ไม่ได้มีลูก ชีวิตมันก็ลอย ๆ
เหมือนกัน ตกลงว่า มันก็ลอย ๆ เราก็ลอย ๆ...

มีใครสักคนเป็นคู่ชีวิตมันก็อาจจะดีนะ แต่พออยู่คนเดียวนานๆเข้า ถ้าเกิดมีแฟนขึ้นมาจริงๆ คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

ส่วนตัวไม่ได้ต้องการรักสนุกแบบไม่จริงจังด้วย ให้ซื้อกินก็อย่าดีกว่า สรุปหีร้างต่อไปค่ะ

อยากมีเหมือนกันค่ะ อยากโดนควยกระซวกวันละ สามสี่รอบบ้าง
อิจฉาคนมีคู่จังค่ะ

มีทำไมคะ ต่อให้แก่ยังไง ไป outdoor ที่มืดๆ หรือห้องน้ำมีรูสอด ก็ได้ตลอดนะคะ

คู่แบบต่างคนต่างไถแอพนัดเยดหาคนที่สามมาทรีซั่มเหรอคับ

มันไม่ใช่ความเชื่อเรื่องลูกเมียซะทีเดียวหรอกค่ะ มันคือความเชื่อในศีลธรรม คนสมัยก่อนมีศีลธรรมในใจอยู่มาก มีความละอายและเกรงกลังต่อบาปกรรมชั่ว เขาจึงสร้างวัฒนธรรมประเพณีมาว่าให้มีผัวเดียวเมียเดียว ไม่มักมากในกาม ไม่เจ้าชู้สำส่อน จะได้ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม สังคมมันก็ร่มเย็นเป็นสุข (โดยส่วนใหญ่) ไม่มีเรื่องเยอะ มาสมัยนี้ศีลธรรมใจในคนตกต่ำลงพร้อมกับทุนนิยมที่แพร่กระจายหนักมาก มันก็ทำให้สังคมเละเทะ คนไม่สนใจแล้ว ฉันจะมีเซกซ์กับใครที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ฉันจะทำทุกอย่างตามใจฉันเพราะเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง สมัยก่อนไม่มีนะคะ เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง ความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างพ่อแม่พี่น้องญาติในครอบครัว การไว้เนื้อเชื่อใจสนิทสนมกันระหว่างคนบ้านใกล้เรือนเคียง การช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่หวังผลตอบแทน บ้านนั้นมีงานแต่งลูก บ้านนี้มีงานบวชลูก แต่ละคนในหมู่บ้านก็พร้อมใจกันไปช่วยงานโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องได้อะไรตอบแทน

>มันไม่ใช่ความเชื่อเรื่องลูกเมียซะทีเดียวหรอกค่ะ
>มันคือความเชื่อในศีลธรรม คนสมัยก่อนมีศีลธรรมในใจอยู่มาก
>มีความละอายและเกรงกลังต่อบาปกรรมชั่ว
>เขาจึงสร้างวัฒนธรรมประเพณีมาว่าให้มีผัวเดียวเมียเดียว
>ไม่มักมากในกาม ไม่เจ้าชู้สำส่อน จะได้ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม
>สังคมมันก็ร่มเย็นเป็นสุข (โดยส่วนใหญ่) ไม่มีเรื่องเยอะ
>มาสมัยนี้ศีลธรรมใจในคนตกต่ำลงพร้อมกับทุนนิยมที่แพร่กระจายหนักมาก
>มันก็ทำให้สังคมเละเทะ คนไม่สนใจแล้ว
>ฉันจะมีเซกซ์กับใครที่ไหนเมื่อไรก็ได้
>ฉันจะทำทุกอย่างตามใจฉันเพราะเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง
>สมัยก่อนไม่มีนะคะ เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง
>ความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างพ่อแม่พี่น้องญาติในครอบครัว
>การไว้เนื้อเชื่อใจสนิทสนมกันระหว่างคนบ้านใกล้เรือนเคียง
>การช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่หวังผลตอบแทน
>บ้านนั้นมีงานแต่งลูก บ้านนี้มีงานบวชลูก
>แต่ละคนในหมู่บ้านก็พร้อมใจกันไปช่วยงานโดยไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องได้อะไรตอบแทน

จริงมากค่ะ บางทีไปต่างจังหวัดที่ไม่เจริญ เห็นคนรักกัน ช่วยงานบุญ หรืองานจีน ๆ อะไร
แบบนี้แล้วกุมีความสุขมาก ชาวบ้านเขาก็ไม่ได้รวยอะไรกันนะ

เรานี่สิ เคยคิดว่า อยู่คนเดียวได้ มันก็ได้นะ ตังก็มี ซาวน่า ซื้อกินอะไรก็ได้หมด แต่พออายุ35
แม่งอิ่มตัวมาก จากที่เคยมองคนหล่อ ๆ กุรู้สึกว่า มีเซ็กส์ก็แค่นั้น

ยุคสมัยนี้มันก็เปลี่ยนไปนะ ผู้ชายผู้หญิงมันก็ไม่ได้อะไรกันเท่าไหร่ ไม่แต่ง รัก ๆ เลิก ๆ ลูก
ก็ไม่มี (ทั้งที่มีเงิน มีความพร้อม) ตอนแรกกุก็คิดว่า แก่ ๆ คนคงมองกุแปลก ตอนนี้มองไป
รอบตัว แต่งกันไม่กี่คนเอง ร้อยละ 35 ได้มั้ง แล้วมีลูกกันร้อยละ 20 เอง ที่เหลืออีก 35 ก็
อยู่กันเฉย ๆ ที่แปลกคือร้อยละ 30 เลือกอยู่คนเดียว หน้าตา-ฐานะ-การศึกษาดีหมดด้วย
เป็นผู้ชายธรรมดา ๆ ก็เยอะ สมัยก่อนมีแต่ผู้หญิงขึ้นคาน เดี๋ยวนี้ ผู้ชายขึ้นคานเยอะมาก เยอะ
จนกุงง บางบ้านผู้ชาย3 คน แต่งคนเดียวเอง แถมเมียก็ไม่ค่อยอยากมีลูก ขอมีลูก1คน...

ไม่อยากมีเหมือนกัน เพราะเห็นอะไรที่มันไม่เทียง ไม่แน่นอนหลายอย่าง มีลมหายใจเพื่อสร้างสมบุญกุศลเพื่อพ้นทุกข์ไม่อยากเกิดอีก

สมัยก่อน คนที่ไปช่วยงานคนอื่น ในใจก็หวังให้เขาช่วยกลับกันทั้งนั้น ลองไม่ช่วยกลับสิ จะโดนสังคมประนาม แล้วจะอยู่ไม่ได้
ระบบสมัยก่อนใช้การนินทาว่าร้าย การบอยคอต เป็นเครื่องมือกำกับการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ใช่ศีลธรรมอันดีงาม
ฟังก์ชั่นหนึ่งของศีลธรรมอันดีงามคือเป็นจุดอ้างอิงที่ให้ความชอบธรรมแก่คนนินทาว่าร้าย ประณาม บอยคอตคนที่ทำตัวกระด้าง
กระเดื่องต่อบรรทัดฐานของสังคมนั้นๆ

เห็นพูดถึงเรื่องผัวเดียวเมียเดียว เลยอยากจะเสริมว่า มันเกิดจากสยามต้องการศิวิไลซ์แบบตะวันตก
ก็เลยปฏิรูปประเทศในสมัย ร5 มีการตรากฎหมายแบบตะวันตก โดยไปลอกกฎหมายเยอรมันมาเป็นส่วนใหญ่
รวมถึงกฎหมายว่าด้วยครอบครัว กฎหมายเยอรมันอยู่บนฐานคิดแบบคริสเตียนที่เชื่อเรื่องผัวเดียวเมียเดียว
สยามจึงรับแนวคิดนี้มาโดยปริยาย แต่กว่าจะกลายเป็นวัฒนธรรมและบรรทัดฐานของสังคมได้ ก็ล่วงเลย
มาถึงยุคมาลานำไทยของ จอมพล ป. ที่พยายามทำให้สยามเป็นชาติที่ศิวิไลซ์อีกครั้ง ด้วยมาตรการต่างๆ
รวมถึงมาตรการส่งเสริมการแต่งงานและการมีลูกเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรและเพิ่ม productivity ของประเทศ
และการส่งเสริมการสร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งแบบตะวันตก ซึ่งก็คือครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียว

การมีครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียวในสังคมไทย เกิดขึ้นและวิวัฒน์มาแบบนี้ ไม่ได้เกิดจาการตระหนักรู้ทางศีลธรรม
ของคนไทยกันเอง ทว่าผ่านการตรากฏหมายและการจัดการจากรัฐผ่านกลไกต่างๆ ของระบบราชการ จนเกิดเป็นบรรทัดฐาน
และวัฒนธรรมที่เราคุ้นเคยกันอยู่ทุกวันนนี้

แหม รู้ดีจังนะอีดอก เหมือนมึงเกิดทันสมัยนั้น คำพูดที่ยกมาดิบดีว่า

"...กฎหมายเยอรมันอยู่บนฐานคิดแบบคริสเตียนที่เชื่อเรื่องผัวเดียวเมียเดียว..."

อ้าว ก็คริสเตียนก็คือความเชื่อของศาสนาไง เชื่อในศีลธรรมความดีงาม

ศาสนาเขาก็สอนให้คนรักเดียวใจเดียวไง อย่าโง่

อ่านที่ตัวเองเขียนมาอีกที อ่านดีๆ ค่อยๆอ่าน

ไม่ว่าจะคริสต์หรือจะพุทธ ศาสนาก็สอนให้คนรักเดียวใจเดียวไม่เจ้าชู้ ไม่นอกใจ ไม่สำส่อน

ไม่ทำสันดานแบบที่มึงทำอยู่อ่ะ คือร่านไปทั่ว เข้าใจ๊

สรุป การที่สังคมให้ความสำคัญกับผัวเดียวเมียเดียวก็เพราะคนสมัยนั้นมีศีลธรรมในใจมาก

>แหม รู้ดีจังนะอีดอก เหมือนมึงเกิดทันสมัยนั้น
>คำพูดที่ยกมาดิบดีว่า
>
>"...กฎหมายเยอรมันอยู่บนฐานคิดแบบคริสเตียนที่เชื่อเรื่องผัวเดียวเมียเดียว..."
>
>อ้าว ก็คริสเตียนก็คือความเชื่อของศาสนาไง
>เชื่อในศีลธรรมความดีงาม
>
>ศาสนาเขาก็สอนให้คนรักเดียวใจเดียวไง อย่าโง่
>
>อ่านที่ตัวเองเขียนมาอีกที อ่านดีๆ ค่อยๆอ่าน
>
>ไม่ว่าจะคริสต์หรือจะพุทธ
>ศาสนาก็สอนให้คนรักเดียวใจเดียวไม่เจ้าชู้ ไม่นอกใจ ไม่สำส่อน
>
>ไม่ทำสันดานแบบที่มึงทำอยู่อ่ะ คือร่านไปทั่ว เข้าใจ๊
>
>สรุป
>การที่สังคมให้ความสำคัญกับผัวเดียวเมียเดียวก็เพราะคนสมัยนั้นมีศีลธรรมในใจมาก

เหมือนตบหน้าอี 1234 ฉาดใหญ่

สมัยก่อนมองเรื่องแต่งงาน การใช้ชีวิตคู่เป็นสิ่งเติมเต็มให้ชีวิตสมบูรณ์ พออายุมากขึ้นเลยเห็นว่าพวกนี้เป็นสิ่งสมมติ ไม่อยากเป็นเจ้าของครอบครองชีวิตใคร และก็ไม่อยากให้คนอื่นมามาควบคุมชีวิตเหมือนกันค่ะ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันยาวนานกว่าคนรัก แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรเลยค่ะ ถ้าอายุเข้า midlife crisis ก็อาจจะมีมุมมองอีกแบบ

ไม่มีผัว ไม่แย่เหี้ยเท่าไม่มี"เงิน" เงินเท่านั้นค่ะ

เกย์คู่กับขี้
คุณค่าที่ตุ๊ดคู่ควร

ผัวมีเอาไว้เวลาดูแลเจ็บป่วย เก็บไว้ที่บ้านค่ะ แต่เวลาปกติออกไปหาควยใหม่ๆทุกคืนค่ะ

ถ้าเป็นแนวคิดสมัยก่อน แก่ตัวไปมีที่ฝากผีฝากไข้

แต่คนสมัยนี้ตายก่อนแก่ค่ะ

คงจะยากเพราะเกย์ส่วนมากจะดึงดูดกันด้วยหน้าตา...เหมือนดังเช่น one night stand ของ จขกท. ก็เช่นกัน คบกันเพื่อ...อย่างว่า มันเป็นเรื่องฉาบฉวย
เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเองและคู่รักล้วนๆ ว่าทั้งสองพร้อมที่จะหยุดหรือยัง..? หรือจะหาไปเรื่อยๆจนแก่

เคยทุกข์กับการที่ไม่สมหวังในความรักสักที
ได้เจอกับคนที่เหมือนฟ้าส่งมาให้ การเกิดขึ้นของรักเหมือนนิยายเหมือนละคร
แต่สุดท้ายมันก็ตามอีหรอบความรักนั่นล่ะ
คนนิสัยดีในสายตาคนอื่นใช้ว่าจะเป็นคนรักที่ดีในความสัมพันธ์
ถ้าช่างแม่งได้สักนิดก็คงจะคบกันไปเรื่อยๆ แบบคู่กรรมก็ได้นะ
แต่คิดไตร่ตรองดูแล้วให้มันเจ็บและจบเพียงเท่านี้ดีกว่า
หลังจากเลิกไปก็ไม่มีใครเข้ามาอีกเลย ทั้งที่ตอนเลิกก็คิดอยู่
ว่าเดี๋ยวก็คงมีใครสักคนเข้ามาเองนั่นล่ะ
ก็ทุกข์ใจข้องใจตามประสาคนต้องการความรักที่ดี
จนพ้น 30 กว่าขึ้นมาก็เริ่มปลงได้ว่าชีวิตเราในชาตินี้ก็คงมีเท่านี้
แฟนเก่าคนนั้นทุกวันนี้ก็ไม่มีใคร เป็นข้าราชการซีสูงที่ใครก็งงก็เมาท์ว่าไม่มีเมียสักที
เขาก็เหมือนเราอ่ะ ตอนเลิกก็คิดว่าเดี๋ยวไปจริงจังกับกิ๊กหรือหาได้ใหม่
สุดท้ายก็ไม่มีใคร ใครเข้ามาก็ไม่เหมือนตอนคบเรา
อันนี้คือที่ได้มาคุยกับแบบผู้ใหญ่หลังจากที่เลิกไปเป็นสิบปีแล้วนะ
คือเขาไม่ได้ยังรักเราอยู่นะ แค่หมายถึงว่าคนที่คบกันแล้วมีความเข้าใจกันมันยากเหลือเกิน เดี๋ยวจะโดนแซะว่าสวยจนผู้ลืมไม่ลง 555
เขาก็ถามนะว่าลองคบกันใหม่ได้ไหม แต่แก้วมันร้าวไปแล้วมันก็ยากที่จะย้อนไปเริ่มใหม่
อีกอย่างคือมันก็รู้สึกได้ว่านิสัยด้านแย่ของเขาน่าจะมีอยู่ หมายถึงความงี่เง่าในความเป็นแฟนไรงี้
จะให้ไปทะเลาะกันเรื่องเดิมก็ไม่ไหวอ่ะ ขนาดเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนไลน์ก็ไม่ได้บอกและติดต่อไปหาเขาอีกเลย จบ

ท่องไว้ค่ะๆ *** เงิน เงิน เงิน *** เท่านั้น !✓