Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 1143
#0, เดือนมหาลัย หัวใจเพื่อเธอ ตอนที่ 1
Posted by nuttsoy on 24-Aug-21 at 09:19 PM
ตอนที่ 1 งานประกวดเดือน


จากเด็กนักเรียน ม ปลายโควต้านักกีฬาต่างจังหวัด สู่นักเรียนมหาลัยชื่อดังในกรุงเทพ สำหรับผมถือว่าเป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มีแต่คนเก่ง ๆ ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเป็นหนึ่งในนั้น แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการจะเป็นที่หนึ่ง แต่ขอแค่ห้อมล้อมไปด้วยคนเก่ง ๆ ก็คงเพียงพอแล้ว ผมได้แต่คิดไปยิ้มไปพร้อมยืดอก วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยคนเก่ง ๆ เพราะเป็นงานประกวดดาวเดือนมหาลัย หากไม่ได้ดูการแสดงของผู้เข้าประกวดดาวเดือนของมหาลัยที่ปรากฏอยู่หน้าเวทีคงเสียดายแย่ ผมได้แต่ตะลึงในความสวยหล่อของเพื่อนๆ พี่ๆ พร้อมกับความสามารถที่นอกเหนือจากวิชาการพวกพี่ ๆ หน้าตาดีบนเวทีเก่งจริงๆ และยิ่งนานก็ยิ่งเข้มข้น ผมลุ้นไม่รู้จะลุ้นยังไง แต่ละคนมีความสามารถกันจนเลือกไม่ถูกเลยจริง ๆ คนที่อยู่ข้างล่างก็เช่นกัน คนนั้นก็สวยคนนั้นก็หล่อจนผมตาลายไปหมด ยิ่งนานคนยิ่งเยอะ จากผมยืนตรงด้านหน้าเวทีจนต้องถอยมาด้านหลังเพราะต้องหลบให้พวกพี่ๆที่มาให้กำลังใจ ผมไหว้รุ่นพี่ทักรุ่นน้อง พยายามที่จะทำตัวผ่อนคลายสบายๆ ทั้งที่ในใจตื่นเต้นอย่างกับประกวดเอง คนเยอะมากจนผมก้าวถอยหลังจนไปชนอาจารย์ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังผม

“อุ้ย ขอโทษครับ อาจารย์” ผมยกมือไหว้ขอโทษแก

“ไงเรา ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ อาจารย์สังเกตเห็นตั้งนานแล้วเนี่ย เค้าสวยมากใช่มั้ยหละ” อาจารย์แกยิ้มเล่นเอาผมอาย ไม่ใช่อายที่คนที่ประกวดเค้าสวยนะ แต่ผมอายรอยยิ้มหวาน ๆ ของแกต่างหาก

“เปล่าครับผม เปล่า” ผมรีบบอกไป ส่วนอาจารย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม พลางส่ายหน้ายิ้ม ส่วนผมนี่โคตรเกร็งเลยครับ ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว แต่คราวนี้ผมอยากดูต่อ แต่ละคน สวยหล่อกันทั้งนั้น คนกรุงเทพนี่หน้าตาดีจริง ๆ แฮะ อยากรู้จังเลยว่าใครเป็นผู้ชนะ ผมยืนรอจนกระทั่งบอกตำแหน่งเดือนมหาลัย คนคนนั้นเดินออกมารับตำแหน่ง โห แม่งโคตรหล่อเลย


ผมไม่อยากจะมโนเลยว่าคนที่อยู่บนเวทีคือตัวผมเอง แต่ก็ความหล่อของผมยังไม่ถึงขั้น และพี่คนที่เป็นเดือนปีที่แล้วก็นำสายสะพายมาให้ ผมต้องร้องดังดังในใจว่า โคตรหล่อ เผลอ ๆ จะหล่อกว่าปีนี้อีก พี่เค้าหล่อน่ารัก เพอร์เฟคมากเลยครับ ผมได้แต่ตะลึง นี่ขนาดผมผู้ชายนะ มองแล้วยังเคลิ้มเลย


ผมปรบมือดีใจไปกับเค้าจนลืมอาการเกร็ง สุดท้ายผมก็เผลอไปเหยียบเท้าอาจารย์ที่อยู่ข้างหลังผมจนได้

“เธอนี่ นอกจากจะตะลึงในความสวยแล้ว ยังตะลึงในความหล่ออีกหรอเนี่ย ร้ายจริง ๆ นะเธอ”อาจารย์พูดแกมยิ้ม แซวผมซะจนทำตัวไม่ถูกเลย

“ขอโทษครับ ที่เหยียบเท้า” ผมหันไปยิ้มฝืน ๆ อาจารย์ส่ายหน้าพร้อมยิ้มอีกครั้ง ผมมองไปมองมา อาจารย์คนที่อยู่ข้างหลังผมก็หล่อไม่เบาเหมือนกันแฮะ ถึงจะไม่ถึงขั้นเพอร์เฟค แต่ก็มองแล้วเพลินตาดี ทีนี้พอประกาศของฝ่ายหญิง ผมก็ดีใจด้วยเช่นกัน แต่ไม่กล้าแสดงออกมาเยอะ เดี๋ยวอาจารย์จะแซวผมอีก พองานเสร็จเรียบร้อย พิธีกรก็ล่ำลา ทุกคนแยกย้าย ผมเองก็เช่นกัน ผมหันไปชนอาจารย์โดยบังเอิญเนื่องจากคนมันเยอะมากจริง ๆ ครับ ผมใกล้กับอาจารย์จนได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ของแก ต้องบอกในใจอีกแล้วครับท่าน ว่าโคตรหอม ทำไมอาจารย์ตัวหอมจังนะ เนี่ยแหละนะ คนรวย กลิ่นน้ำหอมของอาจารย์ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ ผมได้แต่หลับตาพริ้ม

“เธอ เดินสิ ทำไมไม่เดิน ซบไหล่อาจารย์อยู่นั่นแหละ และหลับตาทำไมเนี่ย” เฮ้ย วันนี้เราเป็นอะไรวะ ทำไมแสดงอาการเปิ่น ๆ แบบนี้ออกมานะ

“ขอโทษครับ อาจารย์” ผมรู้สึกผิด ทั้งเศร้าทั้งอาย ก็นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมขอโทษอาจารย์

“พอแล้ว ขอโทษสามครั้งแล้ว” ผมยิ้มอย่างอาย ๆ และเบี่ยงตัวออกไปอีกทางหนึ่ง

“อ่อ แล้วอย่าเผลอไปซบไหล่ใครเค้าอีกหละ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าโรคจิต” อาจารย์พูดและเล่นเอาผมโคตรอายเลยครับ ตัวงี้ร้อนทั้งที่แอร์มันเย็น ผมค่อย ๆ เดินลงมาข้างล่าง และเดินไปที่โรงอาหาร ที่นี่ก็คนเยอะมากเหมือนกัน วันนี้วันงาน และแถมยังเป็นช่วงเวลาพักกลางวันอีกต่างหาก มันก็ยิ่งเป็นทวีคูณ ที่นั่งแทบไม่มีเลยครับ ผมไม่รู้จะนั่งที่ไหน อีกทั้งเพื่อนสนิทผมก็ยังไม่ค่อยมี เนื่องจากผมเพิ่งอยู่ปีหนึ่ง ผมได้เดินถือจานข้าวเดินไปเดินมาหลายรอบครับ

“นั่งที่นี่ก็ได้นะ” เอ๊ะ เสียงคุ้น ๆ ผมมองลงไปคืออาจารย์นั่นเอง ทำไมอาจารย์มานั่งตรงนี้ แต่แล้วก็ถึงบางอ้อว่าห้องพักทานข้าวของอาจารย์เต็มครับ อาจารย์เลยต้องออกมานั่งกินข้างนอก

“อ่อครับ อาจารย์ ขอบคุณครับ” นี่ขนาดห้องทานข้าวอาจารย์ยังเต็มเลยคิดดู ผมนั่งกินไข่เจียวไก่สับ ผมจิ้มซอสกินอย่างอร่อย ร้านอาหารร้านนี้อร่อยจังแฮะ หรือว่าผมหิวไม่รู้ อาจารย์ก็นั่งกินไปยิ้มมุมปากไป ผมก็งงอาจารย์ยิ้มอะไร อยากถาม แต่ก็ไม่ถามดีกว่า

“เก็บไว้กินพรุ่งนี้หรอ ซอสนะ เปื้อนปากเต็มไปหมดแล้ว” ไม่หน้าละ อาจารย์ถึงได้ยิ้ม ผมเอามือขึ้นมาเช็ดปาก ทิชชู่ก็ไม่เห็นจะมี

“นี่ ตรงนี้ต่างหาก” อาจารย์เอาทิชชู่มาเช็ดปากให้ผมและก็ยิ้ม ผมถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน อาจารย์ที่ไหนเค้าทำให้นักเรียนขนาดนี้ จนผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆสะกิดให้อีกคนหนึ่งดู ผมเลยเอาทิชชู่จากมืออาจารย์มาเช็ดปากตัวเอง

“เธอนี่ ก่งก๊งจังเนอะ อยู่คณะอะไรเนี่ย” อาจารย์พูดไปยิ้มไป

“คณะบริหารธุรกิจครับ”

“อ้าวหรอ แบบนี้เราก็เจอกันนะสิ” อาจารย์ยิ้มดูดีใจครับ ผมคิด ทำไมต้องทำหน้าดีใจด้วยวะ หรือว่าอาจารย์แกเป็นคนแบบนี้ ลักษณะดูอบอุ่นดีเนอะ นี่ผมถามตัวเองทำไม


“อ่อ ครับ” ผมตอบสั้น ๆ แต่ก็ยิ้มอายก้มหน้า ผมคิดอีก และอาจารย์จะสอนวิชาอะไรนะ และเวลาสอนจะดุมั้ยวะ เอ๊ะแต่ทำไมเราต้องอายด้วยวะ

“และนี่เธอชื่ออะไรหละ”

“ผมชื่อ ชวัลวิทย์ เรียกผมว่า บีเอ็มก็ได้ครับ” ผมเห็นอาจารย์ดูเป็นกันเอง เลยกล้าบอกชื่อเล่น

“ชื่อเพราะดีนี่ ครูไม่ค่อยเห็นมีใครใช้ชื่อนี้ และที่ชื่อบีเอ็มนะ ขอขับได้ปะ” ผมก็ได้แต่ยิ้ม นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงหลงเสน่ห์อาจารย์คนนี้สะแล้วสิ หรือว่าตอนนี้ผมกำลังหลงเสน่ห์แกอยู่นะ อิอิ ผมอยากจะถามต่อ แล้วอาจารย์หละ ชื่ออะไร แต่ก็ไม่กล้าถาม และอีกอย่าง เดี๋ยวอาจารย์เค้าก็มาสอนเรา ตอนนั้นเราก็คงจะรู้ชื่ออาจารย์เค้าเอง ผมว่ามันดูไม่ดีนักที่จะถามชื่ออาจารย์ เราควรที่จะสังเกตุเองมากกว่า

“อาจารย์ชื่อ ณัฏฐวุฒิ เรียกอาจารย์แอ็คก็ได้นะ” เฮ้ย รู้ใจเราได้ไงวะ ว่าเราอยากถามชื่อ ผมชักถูกใจอาจารย์คนนี้ซะแล้วสิ แถมมีการบอกชื่อเล่นด้วย เป็นกันเองแบบนี้ ผมจะตั้งใจเรียนวิชาของอาจารย์แอ๊คสุด ๆ และจะทำให้ได้เกรดสี่เลย ว่าแต่วิชาที่แกสอนจะยากมั้ยนะ ผมได้แต่ค้างคำถามนี้ไว้ในใจเดี๋ยวเจอก็น่าจะรู้เอง ว่าแล้วผมก็ลาอาจารย์แอ็คและเดินไปห้องอินเตอร์เน็ตแล้วว่าจะไปฟิตเนสต่อ นักกีฬาบาสอย่างผมต้องทำตัวให้แข็งแรงเข้าไว้ ไหนๆ ทางมหาลัยเค้ามีไว้บริการให้แล้วก็ต้องไปซักหน่อย
……………………………....……………………………………………………………..............................................