Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 238
Message ID: 86
#86, RE: รักแรกยังฝังใจ รักสุดท้ายมอบให้เธอ
Posted by nut on 11-Aug-11 at 00:55 AM
In response to message #85

ตอนที่ 20 โชคชะตา

ช่วงแรกที่ก้องคบกับพี่พงษ์ก็ดูมีความสุขดี เพราะไม่ต้องคอยพะวงเรื่องวิทย์เหมือนก่อน พี่พงษ์มีบุคลิกตรงกับผู้ชายในฝันของก้องทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ โดยเฉพาะอายุที่มากกว่า ความเป็นผู้ใหญ่ของพงษ์ทำให้ก้องรู้สึกอบอุ่น แม้มีบางครั้งที่ก้องนึกถึงวิทย์บ้าง ก็ในฐานะรักครั้งแรก รักแรกที่ยังฝังใจยากจะลบเลือน รักแรกที่เคยแอบรักเขาข้างเดียวมาช้านาน รักแรกที่ใช้เวลาคบหากันหลายปี ก้องรู้ตัวดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายผิด แต่เรื่องของใจบางครั้งก็ยากจะหาอะไรมาตัดสินถูกผิดได้ นอกจากใช้ใจด้วยกันเป็นตัวตัดสิน
มีครั้งหนึ่งวิทย์โทรหาก้องที่บ้านตอนดึกหลังจากก้องเข้านอนแล้ว พูดจาลิ้นพันกันเสียงคล้ายคนเมา
“ก้อง ขอร้องเถอะนะ เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้ไหม นายไม่รักเราแล้วเหรอ เพราะพี่คนนั้นใช่ไหม นายถึงทำกับเราแบบนี้” วิทย์ร่ำไห้อ้อนวอนราวกับคนเสียสติ
“นายอย่าร้องไห้แบบนี้สิ มันทำให้เรารู้สึกผิดนะโว้ย เอาไว้ให้นายสงบสติอารมณ์ได้ซะก่อน เราค่อยคุยกัน เราอยากให้นายรู้ว่า สิ่งที่เราทำลงไปถึงมันจะไม่ถูก แต่เราก็มีเหตุผลของเรา และเราก็ยังรักนายอยู่”
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ที่ก้องได้มีโอกาสคุยกับวิทย์ และตัดสินใจเลือกคบกับพี่พงษ์ รักครั้งใหม่ที่ก้องรู้สึกดี โดยไม่คิดเผื่อเลยว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน
สองเดือนผ่านไป ก้องเริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ปกติเวลาหยุดพักจากการออกกำลังกายในฟิตเนส ก้องจะได้นั่งคุยกับพี่พงษ์เพียงสองคน แต่ช่วงหลังพี่พงษ์เริ่มมีเพื่อนใหม่ ๆ เข้ามาคุยเยอะขึ้น บางวันก้องรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของวงสนทนา เพราะแทบไม่ได้พูดอะไรเลย จนต้องขอปลีกตัวออกไป และไม่อยากให้เพื่อน ๆ พี่พงษ์มองว่าก้องมานั่งเฝ้าหึงหวงอย่างไร้สาระ แต่การทำแบบนี้กลับยิ่งเหมือนเปิดโอกาสให้พี่พงษ์ได้สนิทสนมกับเพื่อนใหม่มากขึ้น ช่วงหลัง ๆ ก้องจะได้เจอพี่พงษ์แค่ตอนอบซาวน่าหลังออกกำลังกายเสร็จเท่านั้น และได้คุยอีกทีก็ตอนเดินข้ามสะพานลอยไปด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
วันหนึ่ง ขณะที่ก้องกับพี่พงษ์ออกมานั่งพักจากการอบซาวน่า พี่พงษ์ก็ถามออกมาประโยคหนึ่ง
“ช่วงนี้ก้องคบกับใครอยู่หรือเปล่า”
ก้องสะดุดกึกกับคำถาม “ไม่มีอ่ะครับ ถามทำไมเหรอ”
“คือผมไม่อยากให้ก้องปิดกั้นตัวเองน่ะ ผมรู้ดีว่าผมมีเวลาให้ก้องได้ไม่เต็มที่ จะเจอกันได้ก็เฉพาะในฟิตเนส เผื่อก้องมีคนอื่นผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” ประโยคที่พี่พงษ์พูดออกมาทำให้ก้องรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ พูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งนิ่ง ๆ
“เอ้อ...เดี๋ยววันนี้เราคงเดินออกไปพร้อมกันไม่ได้นะก้อง เพราะน้องชายผมเขาจะมารอตรงหน้าฟิตเนส พอดีวันนี้จะไปซื้อของกันน่ะ”
ก้องพยักหน้ารับและขอตัวไปอาบน้ำ “งั้นผมกลับก่อนแล้วกันนะ ต้องรีบไปเตรียมการสอนด้วย” ขณะที่ก้องลุกออกมา เพื่อนใหม่ของพงษ์ก็เดินเข้ามาพอดีในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว
“หนีมาอบตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นชวนกันเลย ผมก็เดินหาซะทั่ว”
“พอดีวันนี้จะรีบกลับน่ะ น้องนัดไปซื้อของ แล้วพวกไอ้น็อตกับพี่ณุไปไหนแล้วล่ะ”
“อ๋อ กลับไปตั้งนานแล้วล่ะ ไม่รู้เป็นไรวันนี้มีแต่คนรีบกลับ ผมเลยต้องเล่นอยู่คนเดียว” แล้วการสนทนาก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนก้องออกมาจากห้องอาบน้ำก็ยังเห็นทั้งคู่นั่งคุยกันอยู่ ก้องทำเป็นไม่เห็น เดินเลี่ยงมาอีกทาง ตรงไปห้องล็อกเกอร์ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


@@@@@@@@@@@@@@@@@

น้องชายพงษ์มาถึงเร็วกว่าที่นัดไว้ เลยเข้าไปเลือกซื้อหนังสือฆ่าเวลาในร้านหนังสือข้างฟิตเนสซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของห้างสรรพสินค้า มีหลายเล่มที่เขาสนใจ แต่ก็ตัดสินใจซื้อเพียงสองเล่ม เล่มหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ ส่วนอีกเล่มกะเอาไว้อ่านเล่นตอนไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวในสัปดาห์หน้า ขณะที่น้องของพงษ์กำลังก้มหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์เพื่อชำระค่าหนังสือตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์โดยมีคนต่อแถวรออีกสองสามคน ก้องก็เดินสวนเข้าไปในร้านพอดี ตรงไปชั้นหนังสือที่มีป้ายเล็ก ๆ ติดไว้ด้านบนว่า “ภาษาศาสตร์” กวาดตามองหาหนังสือที่ต้องการ เมื่อหาไม่เจอ ก้องก็เดินไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ซึ่งกำลังว่างอยู่พอดี
“อ๋อ เพิ่งมีคนซื้อไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ เหลือเล่มสุดท้ายพอดี แต่ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวหนูลองเช็คสาขาอื่นให้”
ระหว่างที่พนักงานกำลังเช็คหนังสืออยู่ ก้องก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา
‘เฮ้ย...นาฬิกาไปไหนวะ’ ก้องหน้าถอดสี รีบล้วงหาในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง และหยิบกระเป๋าสะพายหลังมาเปิดดู แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ‘จริงสิ สงสัยลืมไว้ในล็อกเกอร์แน่เลย จะหายหรือเปล่าวะเนี่ย’
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานถามเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของก้อง
“พอดีลืมของไว้ที่ฟิตเนสน่ะครับ แล้วตกลงหนังสือยังมีอยู่ไหม” ก้องไม่ลืมถามถึงหนังสือ
“เหลือที่สาขาสยามกับอนุสาวรีย์ค่ะ”
ก้องกล่าวขอบคุณสั้น ๆ ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปที่ฟิตเนส


@@@@@@@@@@@@@@@@@

“ทำไมมาถึงไวนักวะ” พงษ์ทักเมื่อเห็นน้องชายมานั่งรอตรงโต๊ะรับแขกบริเวณชั้นหนึ่งของฟิตเนสก่อนถึงเวลานัด โต๊ะรับแขกเกือบสิบชุดเหล่านี้ จริง ๆ แล้วเป็นที่ให้บรรดาเซลล์ปากหวานก้นเปรี้ยวหลอกพาลูกค้าที่เดินไปมาหน้าห้างมาสมัครเป็นสมาชิกมากกว่า ส่วนพวกที่เป็นเมมเบอร์อยู่แล้วมักจะไปนั่งพักที่ชั้นสองกับชั้นสาม น้องชายพงษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มที่ถือติดมาจากในรถ โดยมีถุงใส่หนังสืออีกสองเล่มที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่ข้างกาย
ชายหนุ่มเงยหน้ามอง “พอดีผมจอดรถไว้ห้างฝั่งโน้นน่ะ ขี้เกียจขับวนไปวนมา ขากลับจะได้ออกทางโน้นไปเลย”
“เออ เดี๋ยวขอยืมตังค์หน่อยสิจะเอาไปจ่ายค่าสมาชิกรายปี ครบกำหนดพอดี ฉันลืมกดตังค์มา”
น้องชายพงษ์วางหนังสือที่โต๊ะรับแขก ล้วงกระเป๋าสตางค์หยิบเงินส่งให้พี่ชายและนั่งรออยู่ที่เดิม ในช่วงที่พงษ์กำลังไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ ชายหนุ่มก็มองไปรอบ ๆ ดูคนที่มาออกกำลังกาย เดินไปเดินมาพอเห็นคนที่กำลังวิ่งอยู่บน treadmills หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าลู่วิ่งเขาก็นึกขำในใจ เพราะท่าทางแต่ละคนดูจริงจัง ตาจ้องทีวีด้านหน้าที่เปิดเรียงกันเกือบสิบเครื่องแบบไม่มีเสียง ในขณะที่หูก็ใส่หูฟังฟังเพลงจากเครื่องเอ็มพี 3 ที่เหน็บไว้กับกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงเหมือน ๆ กัน ส่วนภายในตัวตึกก็เปิดเพลงเสียงดังลั่น
‘นี่พี่พงษ์คงไม่มาเล่นไอ้เครื่องนี่หรอกนะ ในหมู่บ้านก็มีสวนสาธารณะออกจะกว้าง มีที่ให้วิ่งตั้งเยอะแยะ ไม่รู้จะมาเสียตังค์เล่นในนี้ทำไม’ ชายหนุ่มคิดในใจ
ขณะนั้นมีผู้ใช้บริการสตรีสามคนเดินมาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย เนื่องจากเหลือเก้าอี้ว่างแค่โต๊ะนี้โต๊ะเดียวเท่านั้น พร้อมกับวางข้าวของพะรุงพะรังเต็มโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพที่เพิ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตด้านนอกเตรียมเอาไว้รับประทานหลังจากออกกำลังกายเสร็จ แต่ละคนท่าทางคงจะเหนื่อยและหิวมากเพราะพอวางของเสร็จก็รีบหยิบอาหารขึ้นมาทานกันเลย แถมยังคุยหัวเราะกันเสียงดังไม่สนใจใคร
น้องชายพงษ์รู้สึกอึดอัด เลยหันไปหยิบถุงหนังสือที่วางอยู่ข้าง ๆ ลุกเดินไปรอพี่ชายตรงประตูทางออก ก่อนจะเดินข้ามสะพานลอยไปห้างฝั่งตรงข้ามพร้อมกัน