Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 273
Message ID: 1
#1, RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2
Posted by โทรจิตคุง on 16-Mar-11 at 08:17 PM
In response to message #0
ตอนที่ 13 แม่ใครกันแน่?
.
.
.
วันนี้ภายในสำนักงานมูลนิธิพิทักษ์สตรีและเด็กดูเงียบวังเวงผิดปกติ


ดารินทร์ทอดสายตาพิจารณาข้อมูลกรณีร้องเรียนภายในห้องทำงานส่วนตัว ด้านตรงกันข้ามกับเธอคือผู้ช่วยระหว่างทดลองงานซึ่งกำลังรอฟังผลใจจดจ่อ


“เคสนี้ธรรมดาไปหน่อย สื่อคงไม่สนใจ รับเรื่องเก็บไว้ก่อนแล้วกัน” ผู้เป็นนายประกบแฟ้มดังปุ ผู้ช่วยสาวหางคิ้วตกเมื่อได้ยิน


“แต่คุณดาคะ. . .เด็กคนนี้เธอน่าสงสารจริง ๆ นะคะ คุณดากรุณาพิจารณาอีกสักครั้งเถอะค่ะ” เธอวิงวอน


“กรแก้วจ๊ะ เราช่วยทุกคนบนโลกนี้ไม่ได้หมดหรอกจ้ะ หนุ่มสาวไฟแรงอย่างเธอน่ะฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว ไว้วันหนึ่งเมื่อเธอเจนโลกอย่างฉันแล้วเธอจะเข้าใจเอง” นักการเมืองหญิงสูงสง่ายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ


“เพียงเพราะขายข่าวไม่ได้เหรอคะ”


“ใช่ ยุคนี้ทุกอย่างคือการตลาดและทุนนะจ๊ะกรแก้ว ช่วยคนแล้วไม่มีใครเห็นใครรู้ เขาก็ไม่เลือกเราหรอก ต้องเลือกเคสที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ถึงจะคุ้มกับเวลาและแรงกายที่ลงไป ฉันไม่อยากเหนื่อยฟรี เธอเองก็คงไม่อยากเหนื่อยฟรี ทำงานให้ฉันโดยไม่มีเงินเดือนให้ใช่ไหมล่ะ คนเราต่างต้องการผลตอบแทน ไม่ว่าฉัน เธอ หรือใคร ๆ”


“ดิฉันเข้าใจมาตลอดว่าสโลแกนของคุณดาคือรักลูกทุกคนเหมือนลูกตัวเอง ถึงได้เลือกทำที่นี่” เธอตัดพ้อ


ดารินทร์รู้สึกว่ากาแฟหนืดข้นจนกลืนลงคอลำบากกว่าเคย


“กรแก้วจ๊ะ. . .”


“เลือกตั้งสมัยหน้าฉันมีเรื่องให้ตระเตรียมอีกเยอะ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือผู้ร่วมงานที่เข้าขากัน รู้ใจฉันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก”


“หากฉันต้องเสียเวลาปรับความเข้าใจกับใครคนใดคนหนึ่งนานเกินไป สู้หาคนที่พร้อมกว่าเข้ามาแทนไม่ดีกว่าหรือ?”


ผู้ช่วยสาวนั่งหลบตา รู้ดีว่ากำลังทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจ


“ฉันรักลูกลูกหลานคนทั่วประเทศเหมือนลูกตัวเองได้ไม่หมดหรอกนะ เด็กบางคนก็เหลือขอเกินเยียวยา” ดารินทร์วางถ้วยกาแฟลงประกอบคำกล่าวสรุป
.
.
.
.
“เช่นลูกแม่ค้าขายน้ำรึเปล่าครับ?”


ทั้งเจ้านายและผู้ช่วยต่างหันไปหาต้นเสียงพร้อมกัน ประตูห้องทำงานส่วนตัวของดารินทร์เปิดอ้าโดยมีชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋าพิงกรอบประตู คงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากเต๋อ ผู้ทวงหนี้แค้น


“เธอเป็นใคร!? ผ่านเลขาหน้าห้องเข้ามาได้ยังไง!!? ” ดารินทร์เอ็ดลั่น
.
.
.
ผมถอดหมวกแก๊ปเปิดเผยใบหน้า วันนี้เลือกสวมเสื้อคลุมสีเข้มคล้ายพนักงานส่งเอกสารเพื่ออำพรางตัว


“ถามยังไม่ตอบอีก!?” เธอขมวดคิ้ว


“แมสเซนเจอร์สินะคะ รบกวนออกไปนั่งรอหน้าห้องก่อนเถอะค่ะน้อง” ผู้ช่วยกุลีกุจอออกรับแทนทันที


.
“ตอนนี้ในออฟฟิศไม่มีใครสั่งใครได้แล้วครับ นอกจากผมซึ่งเป็นผู้คุมกติกาความเป็นไปของทุกชีวิต”


“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!?”


“กรแก้ว! เธอไปเรียกรปภ.มาซิ!.” ดารินทร์สั่งผู้ช่วยโดยไม่ได้มองเลยว่าใช้โทรศัพท์บนโต๊ะตัวเองโทรเรียกยังจะเร็วเสียกว่า


แต่ผู้ช่วยไร้การตอบสนอง


“ฉันบอกให้เรียกรปภ.ไงเล่า!” เธอย้ำอีกครั้ง


“คุณดาคะ. . .” ผู้ช่วยสาวใช้น้ำเสียงชวนแคลงใจ ดารินทร์จ้องรอประโยคต่อไปจากลูกน้องราวกับลุ้นคำตอบจากพิธีกรเกมโชว์
.
.
.
“วันนี้หนูขอกลับก่อนค่ะ แบร่~” เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้านาย


“เป็นบ้าอะไร!?” ดารินทร์ตกใจตวาด หากทุกคนพร้อมใจกันเตี้ยมอำบ้า ๆ อย่างนี้ก็ไม่น่าจะเอามาใช้กับผู้ใหญ่อย่างเธอเหมือนเพื่อนเล่นสมัยเรียน


แต่ผู้ช่วยสาวไม่ยี่หระ เธอลุกขึ้นยืนชูมือเหนือศีรษะแล้วเขย่งปลายเท้าค่อย ๆ หมุนตัวออกจากห้องเหมือนนักบัลเล่ต์ ทิ้งให้ดารินทร์ยืนคิดเอาเองว่าลูกน้องเธอเพี้ยนขึ้นมาได้อย่างไร


“ไปหาตำปูปลาร้านัว ๆ แซ่บ ๆ แดกดีกว่า ลั้ลลา~” เธอฮัมเพลงขึ้นมามั่ว ๆ แต่ก็ฟังดูชวนอารมณ์ดี
.
.
.
“พยายามทำให้คุณตลกน่ะครับ แต่ดูเหมือนว่าจะแป้ก” ผมยักไหล่พลางมองผู้ช่วยสาวที่เต้นบัลเล่ต์ฮัมเพลงออกจากห้องอย่างเริงร่า ดารินทร์จับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่คือเรื่องอะไรกันแน่


ขณะนี้ในห้องเหลือเพียง . . . ผมกับดารินทร์


เมื่อผมขยับเข้ามาในห้อง ดารินทร์ถอยห่างอัตโนมัติ ราวกับเกิดจากแรงต้านแม่เหล็กขั้วเดียวกัน


ดารินทร์มองผ่านเต๋อไปยังด้านหลังที่เปิดประตูอ้าทิ้งไว้ จึงเห็นว่าพนักงานที่อยู่นอกห้องฟุบนิ่งคาโต๊ะหมดทุกคน เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีใครลุกขึ้นรับสาย


อาจเป็นเรื่องตลกไม่ออกเท่าไหร่นักถ้าจะบอกว่า เธอคิดเลยเถิดถึงขั้นลูกน้องถูกวางยายกออฟฟิศ


“ใครส่งแกมา?” หญิงสาวแข้งขาสั่นระริก คงเพราะเธอทำงานการเมืองจึงนึกเหตุผลอัปมงคลนี้ขึ้นเป็นอันดับแรก


“ทางนั้นจ้างมาเท่าไหร่ ฉันให้สองเท่าเลย!!” ข้อเสนอบวกด้วยน้ำเสียงช่างเร้าใจไม่ต่างจากรายการขายเครื่องออกกำลังกายที่แพร่ภาพตอนดึก ๆ
.
.
ผมอยากจะหัวเราะเสียจริง


“ใช้เงินแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะครับคุณดารินทร์”
.
.
.
“โดยเฉพาะปัญหาที่คุณสร้างขึ้นเอง”
.
.
“ฉ . . . ฉัน. . .” ดารินทร์เหลือบมองในกระเป๋าสะพายซึ่งเปิดอ้าทิ้งไว้พอดี ไล่สายตาหาสิ่งที่เก็บซ่อนไว้


“ฉันไม่ยอมตายเด็ดขาด!!” เธอล้วงหยิบขวดสเปรย์พริกไทยขึ้นมาโดยฉับพลัน
.
.
.
แต่นั่นยิ่งทำให้เข้าทางอีกฝ่ายมากขึ้น
มือของเธอหันวกกลับเข้าหาตัวเองแล้วกดฉีดเต็มแรง
.
.
.
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!”

นักการเมืองหญิงผู้สูงสง่าล้มดิ้นพล่านปวดแสบปวดร้อน น้ำหูน้ำตาไหลแฉะ เธออยู่ในภาวะตาบอดชั่วคราว หากใครไม่รู้คงคิดว่าโดนสาดด้วยน้ำกรด

“หลายปีก่อนผมก็เคยทรุดลงกองกับพื้นต่อหน้าคุณไม่ต่างกันเลย” ผมแหงนมองเพดานนึกภาพอดีตด้วยแววตาเลื่อนลอย น่าขำที่โจทก์กับจำเลยในอดีตขณะนี้ถูกวางตำแหน่งสลับกัน อำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่สามารถช่วยดารินทร์ได้อีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเหนือมนุษย์ที่ผมถือครอง
.
.
.
ผมส่งยิ้มให้เหยื่อที่ชักดิ้นชักงอตรงหน้าอย่างเยือกเย็น
.

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับคุณดารินทร์ ผมไม่เคยทำใครถึงตาย”.
.
.
.
“เว้นแต่ว่าหลังจากนั้นคุณจะอยากตายไปเอง”