Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 273
Message ID: 115
#115, RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2
Posted by โทรจิตคุง on 07-May-11 at 06:01 AM
In response to message #114
ตอนที่ 16 เผาแม่มด
.
.
.
คณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยที่จอยที่เรียนอยู่นั้นมีมาตรฐานค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ รายล้อมด้วยสภาพแวดล้อมอันดี เอื้อต่อการเพิ่มพูนทักษะความรู้ด้านนิเทศศาสตร์ ทั้งห้องสตูดิโอ ห้องตัดต่อภาพยนตร์ หรือแม้แต่โรงละครเวทีโอ่โถง น่าอิจฉาจริงที่จอยมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่พรั่งพร้อมเช่นนี้ เธอคงมีความสุขมาก ต่างจากผมซึ่งเก็บซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต เฝ้ารอคอยวันปรากฏตัวต่อหน้าเพื่อนเก่าทีละราย ซึ่งใครที่พบเจอผมล้วนเรียกได้ว่าชะตาถึงฆาตประหนึ่งจ้องตางูยักษ์บาซิลิกส์


เพราะเมื่อผมยอมเผยโฉมต่อผู้ใด

.
นั่นหมายความว่าบุคคลนั้นต้องชดใช้
.
.
.
บรรยากาศหน้างานคราคร่ำด้วยนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่เฝ้ารอชมละครเวทีนิเทศศาสตร์ประจำปี เสียงเพลงประกอบละครเปิดวนซ้ำไปมาเหมือนสะกดจิตผู้คน มีกระดานดำแปะรูปเบื้องหลังการฝึกซ้อม และซุ้มถ่ายรูปให้ผู้เข้าชมได้ฆ่าเวลาไปพลาง ไม่มีใครสนใจว่าผมเป็นใครมาจากไหนในวาระต่างคนก็ต่างที่มาเช่นนี้ ผมจึงเดินสำรวจยืดเส้นสายได้อย่างสบายใจ


หนุ่มสาววัยทำงาน หรือแม้แต่วัยกลางคนที่จูงลูกเด็กเล็กแดงมาดูด้วยก็มี เพราะแนวละครปีนี้กล่าวถึงความรักและการเสียสละ จึงกล่าวได้ว่าเป็นละคร “เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี” เด็กชายวัยราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งมองมาที่ผม


ผมถือวิสาสะเดินไปก้มตัวลงส่งยิ้มให้เด็กน้อย พ่อแม่ของเขาไม่มีท่าทีระแวงหรือหวงแต่อย่างใด คงคิดว่าลูกตนเองน่ารักจนคนรอบข้างอดแสดงความเอ็นดูไม่ได้ เปล่าเลย. . . .


“เข้าไปแล้วถ้าเห็นอะไรน่ากลัว หลับตาไว้นะหนู เดี๋ยวมันจะติดตาไปจนโต” ผมแอบกระซิบเตือนเขาเบา ๆ


เด็กน้อยทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจผมก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่ได้หวังว่าต้องเข้าใจหรอก
.
.
.
“เฮ้ย! ยุ่งไรนักหนาวะ” เสียงหนึ่งโผล่งขึ้น แม้จะไม่ใช่เสียงดังเท่าไหร่ แต่ใจความสื่อได้ว่าเกิดเหตุขัดแย้งขึ้น ผู้ที่คนรอบข้างจึงหันไปมองด้วยความสนใจ


ตุ๊ดผมหยิกร่างอ้วนดำคนหนึ่งตกใจมือไม้สั่น


“หนูแค่อยากถ่ายรูปกับพี่โจเอง หนูปลื้มพี่นะคะ” ตุ๊ดอ้วนกล่าว


“น่ารำคาญว่ะ ไปให้พ้น” ชายที่ชื่อโจเอ็ด ทั้งเขาและตุ๊ดอ้วนสวมชุดนักศึกษา น่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัยเดียวกันมาเข้าชมหรือช่วยจัดการแสดง


“เหี้ย! หลอนชิบหาย! กะเทยควาย!” หลังสบถแล้วโจจึงเดินแทรกตัวหายเข้าไปในฝูงชน ท่ามกลางผู้คนทีมองไล่หลังอย่างงง ๆ กระนั้นทุกคนก็หันกลับไปทำอย่างอื่นต่อ


“เหวี่ยงทั้งผัวทั้งเมียแหละ อีโก้ได้โล่” เด็กสาวคนนึงเอ่ยขึ้น


“มาดูแฟนเล่นละครแทนที่จะอารมณ์ดี ยังไม่วาย. . . .อีจอยคบกับอีโจนี่ดูเผิน ๆ เหมือนกิ่งทองใบหยกเนอะ หล่อสวยทั้งคู่ ลองลอกเนื้อในออกมาดูสิ เน่าเฟะ อีผัวทั้งหลงตัวเอง ขี้วีน ดูถูกคนอื่น อีเมียตอแหลตัวแม่ หลอกด่าเก่ง ชอบทำให้คนอื่นเป็นตัวตลก” เด็กสาวคู่สนทนาตอบรับ


“เอาเหอะมึง. . . .ด่ามันไปก็ใช่ว่าหน้าตาเราจะดีขึ้น ดีไม่ดี มีคนหาว่าองุ่นเปรี้ยว ฮะ ๆ ๆ” เด็กสาวยุติประเด็นไว้แค่นั้นและชวนเพื่อนเดินไปทางอื่น


ผมอยากพบจอยเร็ว ๆ จนใจเต้นตึ๊กตั๊ก

เธอจะสวยแค่ไหนกันนะ ต้องเป็นแม่มดที่เซ็กซี่มาก ๆ

แต่เดี๋ยวคงได้พบแน่นอน ตอนนี้ต้องดำเนินตามแผนก่อน
.
.
.

เคานเตอร์ตรวจและขายบัตรเข้าชมอยู่บริเวณประตูใหญ่พอดี ผมเดินตรงไปหาสตาฟที่ดูแลส่วนนั้น และ. . .
.
.
.
จ้องตา
.
.
กลืนกินสามัญสำนึกของทุกคนให้อยู่ใต้อาณัติอำนาจโทรจิต


ผมเหมาไข่ไก่มาหลายสิบแผงเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คงต้องรบกวนเหล่าสตาฟช่วยกันหน่อย


ช่วยเนรมิตฝันของผมให้เป็นฝันร้ายของใครบางคน
.
.
.
“อุ๊ย! อะไรคะเนี่ย” ผู้เข้าชมถามเมื่อได้รับสูจิบัตรพร้อมของติดมือสองสามอย่างหน้าทางเข้า


“ไข่ไก่ค่ะ กรุณาอย่าทำแตกนะคะ เดี๋ยวข้างในจะมีเกมให้เล่นค่ะ” นักศึกษาสตาฟขายบัตรตอบพร้อมรอยยิ้ม มือยังไม่หยุดนิ่ง จัดสูจิบัตรพร้อมของแจกไปด้วยอย่างขยันขันแข็ง


“รับไข่ไปคนละฟองนะคร้าบบบบ อย่าทำแตกนะคร้าบบบ” สตาฟคนอื่น ๆ ช่วยกันแจกไข่ไก่ให้ทั่วถึงกัน ผู้เข้าชมรับไปอย่างงุนงง แต่ก็ยอมทำตามโดยดีเพราะคิดว่าคงมีเซอร์ไพร์สเล่นกับคนดูหรือชิงรางวัลเป็นลูกเล่นให้เกิดบรรยากาศตื่นเต้นน่าสนใจ


จอยในชุดแม่มดแอบแง้มประตูด้านหลังออกมาเรียกใครสักคน


“เข้ามานี่สิ” เธอกวักมือเรียก


“ครับ? พี่จอย” สตาฟคนหนึ่งขานรับเสียงใส เดินเข้าไปหาเธอเผื่อว่านักแสดงรุ่นพี่มีอะไรไหว้วาน


“ใครให้แจกไข่? แจกทำบ้าอะไร”


“ผมไม่ทราบพี่ แต่ต้องแจกทุกคน คงเป็นเกมไว้เล่นกับคนดูน่ะครับ” สตาฟหนุ่มตอบ


“ไข่เนี่ยนะ?”


“ครับ?” สตาฟหนุ่มเกาหัว


“วุ้ย! อยากเล่นอะไรตามใจเถอะ ไม่รู้ด้วยแล้ว เออนี่ อยากดื่มอะไรเปรี้ยว ๆ ให้สดชื่นหน่อย พี่วานไปซื้อหน่อยสิ น้ำผลไม้หรืออะไรก็ได้ค่ะ” จอยส่งธนบัตรให้เด็กหนุ่ม


“น้ำกระเจี๊ยบดีไหมครับ” เขาถามหลังรับเงิน


น่าแปลก จอยรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “น้ำกระเจี๊ยบ” มันเป็นคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในอดีตที่เธอใช้โกหกสร้างเรื่องใส่ร้ายเพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่ความรู้สึกผิดหรือเศร้าสลด หากแต่เป็นความอึมครึม เหมือนมีลางบอกเหตุบางอย่าง


“ไม่! ไม่เอาน้ำกระเจี๊ยบ! น้ำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำกระเจี๊ยบ” จอยกำชับเสียงแน่นเกินความจำเป็น


“น้ำมะนาวแล้วกันนะครับ” สตาฟหนุ่มโค้งรับแล้วออกไปซื้อตามคำสั่ง


“วันนี้ทำไมรู้สึกขนลุกแปลก ๆ” จอยลูบไล้เนื้อตัวมองซ้ายขวาอย่างระแวง

.
.
.
ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังโพล่งขึ้นมาจนเธออุทาน “แม่งเย็ด!”
เมื่อหยิบมือถือออกมาดูหน้าจอ ก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน


“โธ่ อีเกรซตกใจหมด โทรมาทำไมตอนนี้” เธอบ่นกับตัวเองพลางกดรับสาย


“ว่าไงอีดอก ไหนบอกจะมาดูกูเล่น” เพื่อนสนิทท้วงขึ้นทันที


“จอย! จอยเหรอ!” เกรซผลีผลามเอ่ยขึ้นอย่างตระหนก


“เออ มึงโทรหากูก็ต้องเป็นกูสิ”


“อีดอกจอยมึงรีบถอนตัวออกมาเลย ละครเวที! มึงเป็นนางเอก! ช่วงที่มึงเป็นนางเอกละครเวทีมันหมายหัวมึงไว้แน่!!”


“ว้าย! อีนี่เมนส์ไหลย้อนขึ้นสมองรึไง พูดภาษาคนให้รู้เรื่องหน่อย”


“ไอ้เต๋อกำลังล้างแค้นพวกเราทีละคน กูโดนพร้อมแม่ตอนไปหาเสียง ยิ่งมึงกำลังเล่นละครเวทีถ้ามันรู้มันไม่ปล่อยมึงไว้แน่”


“เต๋อไหนวะ. . .” จอยถาม


“อีที่เคยโดดตึกลงมาตอนมอสามไงเล่า! นึกออกรึยังอีควาย!!” เกรซตวาดลั่น ไม่รู้เพราะหงุดหงิดที่สื่อการกันไม่รู้เรื่องหรือเพราะเป็นห่วงอยากให้เพื่อนรีบตระหนักระวัง


“อ๋อ. . . นึกออกแล้ว อีนั่นน่ะเหรอ ทำไม ๆ ? มึงเจอมันมาเหรอ”


“ไม่ใช่แค่เจอ มันยิ่งกว่านั้น! สะกดจิต! คือมึงนึกออกป่ะ. . .คือแบบ. . .!” ดูท่าเกรซจะมีปัญหาเรื่องการเรียบเรียงคำพูดเพื่อบอกเล่า วีจึงช่วยบุ้ยใบ้อยู่ข้างตัว เพราะมองออกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำความเข้าใจผ่านโทรศัพท์ได้ง่าย ๆ


“ยกตัวอย่างข่าวปรียาหรือใครก็ได้ไปสิ” วีกระซิบ


“ข่าวแม่กูก็ฝีมือมัน!” ไม่น่าเชื่อว่าจะลงทุนยกแม่ตัวเองเป็นกรณีศึกษา


“จริงสิ ว่าจะถามอยู่พอดีว่าน้าดาเป็นอะไร ป่วยรึเปล่า เล่าให้ฟังหน่อยได้มะ เดี๋ยวกูเหยียบไว้เลย” คำตอบของจอยทำให้เกรซถึงกับใช้มือลูบหน้าปาดเหงื่อ เรื่องนี้คุยกันลำบากแสนสาหัสจริง ๆ


“มึงช่วยพูดกับมันหน่อย เอาไปเร็ว ๆ ซี่!” เกรซส่งมือถือให้วีลนลานเหมือนปัดระเบิดในมือให้ไปตูมที่อื่นไกล ๆ


“หวัดดี ๆ จำเราได้เปล่า” วีถาม


“อ้าว นี่ใครอีกล่ะเนี่ย” จอยจุ๊ปากอย่างหัวเสีย ทุกคนกำลังทำให้เธอสับสนขึ้นทุกที


“วีไง ประธานรุ่นเราน่ะ มีเรื่องอยากจะบอก จอยตั้งใจฟังดี ๆ. . .” แต่ไม่ทันที่วีจะได้เล่า จอยก็แทรกสวนขึ้นมา


“อีวีเหรอ!? แล้วจู่ ๆ มึงโผล่มาได้ไงคะ!? นี่มึงสองคนพูดวกวนไม่รู้เรื่องไปกันใหญ่แล้ว พ่อใครตายแม่ใครเสียเดี๋ยวกูโทรกลับไปถามทีหลัง จะเข้าฉากแล้วอีดอก! แค่นี้ก่อนนะคะ” เธอกดวางสายและปิดเครื่องทันที


“ไม่ไหวว่ะ” เขามือถือคืนให้เกรซ


“ทำไมวะ ว่าไง” เกรซถาม


“มันไม่ฟัง วางสายไปแล้ว นึกอยู่เชียวว่าอธิบายให้ฟังทีละคนไม่ง่ายเลย ต้องหาวิธีอื่น” วีส่ายหัวถอนหายใจ “คอยดูกันไปก่อน ช่วงนี้อย่าเพิ่งเล่าให้ใครฟังสุ่มสี่สุ่มห้า แจ้งตำรวจก็เอาไม่อยู่หรอก อย่าลืมว่าอาวุธของมันคือมนุษย์ทุกคน พลาดพลั้งขึ้นมาเราสองคนจะซวยหนักกว่าเก่า”


“พวกจตุรเทพล่ะ? พอจะพึ่งพาได้ไหม” เกรซมองทอดไปนอกหน้าต่างอย่างซังกะตาย


“อยู่แล้วล่ะ” วียิ้ม
.
.
.
“เรื่องนี้พวกเราต้องจัดการกันเอง และจะขาดเหี้ยสี่ตัวนั่นไม่ได้เลย”