Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 273
Message ID: 207
#207, RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2
Posted by โทรจิตคุง on 04-Aug-11 at 04:11 AM
In response to message #206
หลังผ่านการทดสอบ ทั้งสองเจรจาไม่ต่างจากการตกลงทางธุรกิจ ณัฐอาสาจะใช้พลังหยั่งรู้อนาคตช่วยกรุยทางอำนวยความสะดวกให้เต๋อล่าล้างแค้นจนกว่าจะบรรลุเสร็จ ขณะเดียวกันสิ่งที่เต๋อต้องแลกเปลี่ยนคือใช้สติปัญญาหาทางทำให้ณัฐเป็นอิสระจากธนิกจอมบงการชีวิต โดยมีเงื่อนไขคือต้องไม่ให้เจ้าตัวบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต เต๋อยินดีตอบรับอย่างไม่ลังเล อันที่จริงเงื่อนไขนี้ถือว่าเต๋อเป็นฝ่ายได้กำไรด้วยซ้ำ เพราะต่อให้ณัฐไม่มาเสนอตัวเช่นนี้ เต๋อเองก็คิดจะต่อกรกับธนิกเองอยู่แล้วเนื่องจากชีวิตเขาเองก็ถูกธนิกรบกวนจนอยู่ไม่สุขเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจอย่างเขาย่อมเล็งเห็นโอกาสทำกำไรสูงสุดเสมอ. . . ณัฐเป็นเด็กหัวอ่อน โน้มน้าวไม่ยาก ฉะนั้นจะได้คืบเอาศอกอีกสักหน่อยคงไม่ยากเกิน
.
.
.
เต๋อสั่งให้สาวเสิร์ฟยกน้ำผลไม้สดมาให้บริการ เพื่อผ่อนคลายให้ณัฐเย็นใจลงและเจรจากันต่อ ส่วนชายกำยำหลังจากทานกองอ้วกและเลียพื้นจนสะอาดแล้วเต๋อก็สั่งให้เขาเต้นระบำหน้าท้องเป็นจำอวดไปเสีย
.
.
“ถ้าจะให้ผมอ่านอนาคตต้องรู้ใบหน้าของคนที่จะให้ทำนายครับ เอ่อ. . . แต่บางครั้งถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเหตุดีเหตุร้าย นิมิตก็จะผุดขึ้นมาเอง อืม . . . ส่วนเรื่องเวลากะเอาแน่นอนไม่ได้หรอกครับ เอ่อ. . . ส่วนใหญ่นิมิตที่เห็นก็จะเป็นภาพที่ถูกเลือกมาแล้วว่าสมควรเห็น”
.
.
“ณัฐว่าภาพที่เราเห็นถูกเลือกเหรอครับ แล้วคิดว่าใครเป็นผู้เลือก พระเจ้าหรือ?” เต๋อถามอย่างสงสัยแกมเล่นลิ้น
.
.
“เอ่อ. . .ไม่รู้เหมือนกันครับ โชคชะตามั้งครับ” เด็กหนุ่มตอบหน้าเจื่อน ใช่ว่าเขาจะมีความสุขกับพลังพิเศษนี้ อีกด้านหนึ่งมันทำให้เขากลายเป็นคนขี้ระแวงและวิตกจริตกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเสมอ
.
.
เพื่อมิให้ทุกนาทีล่วงไปอย่างสูญเปล่า เต๋อล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบรูปเหยื่อรายต่อไปออกมามอบหมายให้ณัฐเป็นงานแรก
.
.
“รบกวนช่วยอ่านอนาคตคนในรูปหน่อยนะครับ เป้าหมายต่อไปของพี่เอง” ณัฐรับรูปดังกล่าวมาอ่านด้วยพลังนิมิตหยั่งรู้ แม้อยากจะถามว่าเด็กหนุ่มในชุดบาสสีฟ้าในรูปคือใคร แต่จู่ ๆ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะซักไซร้และใช้พลังให้อย่างไม่รอช้า ด้วยหวังว่าจะทำให้เต๋อพอใจและไว้ใจตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป
.
.
ผ่านไปราวหนึ่งนาที ณัฐเปิดเปลือกตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือชายร่างกำยำที่ยังเต้นระบำหน้าท้องต่อไปโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ช่างทุเรศจนอยากหลับตาหนีไปอีกรอบ อย่างไรก็ตามณัฐรีบถามเข้าประเด็น “พี่จะแก้แค้นคนคนนี้. . .เหรอครับ เอ่อ. . . จะฆ่าให้ตาย. . .เลยเหรอ”
.
.
“เปล่าครับ กฎเหล็กในการแก้แค้นของพี่คือต้องไม่มีใครตายเพราะพลังโทรจิต แต่จะไปฆ่าตัวตายเองทีหลังนั่นอีกเรื่อง มันเหมือนกับมนุษย์วิปริตบางคนที่สะใจกับการกินสัตว์ที่ยังไม่ตายนั่นแหละ ความสนุกอยู่ที่พี่ได้ล้างแค้นทำร้ายโดยที่พวกมันไม่รู้สึกเจ็บปวดหรืออับอาย แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว พวกมันจะมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าใครทำหรือตัวเองทำ และแน่นอน พวกมันต้องรับผิดชอบทุก ๆ อย่างที่พวกมันทำไว้ตอนไม่มีสติ ส่วนพี่เดินตัวเบาจิบกาแฟดูหายนะอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครทำอะไรได้เลย”
.
.
ณัฐถอนหายใจยาว “เอ่อ. . . ง . . งั้นก็โล่งอกครับ ผมนึกว่าพี่จะฆ่าเขาซะอีก . . . พี่ไม่ต้องทำอะไร. . . อืม . .หรอกครับ. . . อีกไม่กี่วัน อืม. . . เขาจะตายไปเอง. . .”
.
.
“เดี๋ยวสิ ถึงตายเลยหรือ” นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มสนทนาที่เต๋อต้องเป็นฝ่ายรบเร้าณัฐ
.
.
“ไม่ผิดหรอกครับ เห็นตั้งแต่ตอนขาดใจตาย จนถึงภาพงานศพ ตัวพี่เองก็อยู่ในงานด้วยครับ” ณัฐบรรยายต่อ
.
.
“เขาเป็นอะไรตาย”
.
.
“ถูกฆ่าตายครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างปลงตก คงเคยเห็นภาพคนชะตาขาดทำนองเดียวกันนี้ในนิมิตมาแล้วนับไม่ถ้วน
.
.
“. . . . . . . .” แม้จะเป็นคำพูดที่หาหลักฐานไม่ได้ ณัฐอาจจะวางกลลวงเพื่อขัดขวางการทำงานของเขา แต่ยิ่งคิดยิ่งไม่สมเหตุสมผล เรื่องอะไรที่ณัฐต้องโกหกเพื่อปกป้องคนแปลกหน้า หนำซ้ำหากเขารู้ความจริงภายหลังคนที่จะเดือดร้อนเข้าตัวคือณัฐเอง เพราะถือว่าขัดขวางเส้นทางชีวิตเขาเหมือนธนิก แต่ดูจากอุปนิสัยณัฐแล้ว ไม่น่าใช่คนที่เอาตัวเองแบกรับความเสี่ยงขนาดนั้น
.
.
เหตุผลทั้งหลายทั้งปวงชักนำให้เต๋อเชื่อคำบอกเล่าของณัฐจนได้ และก่อตัวเป็นความกระวนกระวายใจที่บุคคลเป้าหมายจะต้องตายในอีกไม่กี่วัน . . . ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้วยอารมณ์ใดกันแน่
.
.
“ช่างมันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวไว้พี่ค่อยคิดอีกที ว่าแต่. . . มีคำถามสุดท้ายที่อยากรบกวนถามครับ”
.
.
ณัฐพยักประหลก ๆ ก้มหน้าดูดน้ำผลไม้แม้มันจะหมดไปตั้งนานแล้ว แก้เก้อที่ไม่รู้จะคุยอะไร เขาไม่อยากรู้จักคนน่ากลัวอย่างเต๋อเลย หากไม่เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตเขาได้รับอิสรภาพในภายหน้า แต่อะไรช่วยที่ช่วยได้ก็คงช่วย เพื่อให้เต๋อล้างแค้นสำเร็จโดยเร็วและหันมากำราบธนิกต่อไป
.
.
เต๋อลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด
.
.
“ช่วยตอบพี่ทีสิครับ พลังพิเศษของพี่มีนคืออะไร”
.
.
.
.
.
หนุ่มคนหนึ่งยืนหัวเสียอยู่หน้าโรงแรม อายุน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบตอนปลาย รูปร่างผอมสูง ผิวขาวซีดเหมือนคนสุขภาพไม่ดี แต่หน้าตาจัดว่าดูดีระดับพระเอกหนังฮ่องกงทีเดียว ตาฉายแววกวนประสาทนิด ๆ เขายืนสูบบุหรี่ฆ่าเวลาติดต่อกันเป็นมวนที่สามแล้ว
.
.
“รอนานไหมอ้น” มีนเดินก้าวขาฉับ ๆ ปรี่หาชายคนดังกล่าว
.
.
“ผู้จัดการจำได้ว่าฉันเป็นนักข่าว ถูกไล่ออกมายืนหัวโด่อยู่เนี่ย หมดกัน เรื่องนี้น่าสนใจซะด้วย” ชายชื่ออ้นดีดก้นบุหรี่ลงกระบะทรายแม่นราวจับวาง
.
.
“ใครฆ่ากันตายอีกล่ะ” มีนถาม
.
.
“เปล่า ๆ หนนี้ไม่มีการตาย มันน่าสนใจกว่าคนฆ่ากันอีก” อ้นพูดต่อพลางจุดบุหรี่มวนใหม่ “สายข่าวฉันเล่าว่าวันนี้มีงานแต่งลูกชายกำนันเฮง แต่คนในงานจู่ ๆ คลุ้มคลั่ง ปิดห้องโถง สวิงกิ้งเซ็กส์หมู่กันไม่อายฟ้าดิน ความแตกเอาตอนมีคนทำผ้าม่านติดไฟจนสัญญาณเตือนภัยดังทั่วโรงแรม ส่วนกำนันเฮงโรคหัวใจกำเริบ โชคดีถึงมือหมอทันเวลา โรงแรมรีบปิดข่าวใหญ่เลย แต่ไม่เล็ดรอดสายข่าวของฉันไปได้หรอกจะบอกให้”
.
.
“ข่าวอะไรของแกน่ะ เชื่อถือได้แค่ไหนกัน” มีนย้อนแย้ง แต่อีกฝ่ายเตรียมหาเหตุผลรองรับไว้แล้ว “ฉันคงไม่เชื่อหรอก ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวคนสติแตกออกมาทำเรื่องอุบาทว์กลางที่สาธารณะอยู่เนือง ๆ แม้แต่ส.ส.ดารินทร์ก็เอากะเขาด้วย บางทีอาจเป็นโรคอุปทานหมู่หรือลัทธิชักจูงคนในทางเสื่อม ๆ เหมือนบาทหลวงจิม โจนส์ไง อะไรเทือกนี้น่ะ”
.
.
คำพูดนี้ทำให้มีนนึกถึงใบหน้าเต๋อ. . .แววตาทอดเบื้องล่างดูถูกเหยื่ออย่างสังเวช พร้อมรอยยิ้มแสยะอันเป็นเอกลักษณ์ลอยขึ้นมา. . .
.
.
“เพราะงั้นถึงให้ฉันมาที่นี่ใช่ไหมล่ะ”
.
.
“คร้าบบเจ๊ ยังไงคราวนี้ก็รบกวนอีกทีนะครับ” อ้นยกมือไหว้สูงท่วมหัวขอร้องแกมล้อเล่น
.
.
“นี่ อย่าให้มันมากไปนะแก ฉันใช้พลังช่วยแกทำข่าวเพราะเห็นแก่คนตายหรอกนะ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่” มีนท้วงขึ้น
.
.
“โธ่เจ๊. . . ไม่อยากรู้ความจริงเหรอ นี่อาจเป็นการค้นพบชนิดพลิกโลกก็ได้นะ” อ้นล้อมหน้าล้อมหลังอ้อนมีน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีนอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันก็คงหนีไม่พ้นฝีมือผู้มีพลังจิตเช่นเดียวกับเธอนั่นแหละ แต่พูดออกไปคงไม่เป็นการดีเท่าไหร่ อ้นคือเพื่อนวัยเด็กเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจและล่วงรู้อำนาจวิเศษของเธอ หากเขายื่นมือเข้ามาพัวพันกับเต๋อล่ะก็ อนาคตทางสังคมอาจดับวูบเหมือนเป่าเทียนไปอีกคน
.
.
“น่า. . .นะ ฉันอยากรู้ความจริงจนจะลงแดงตายอยู่แล้วเนี่ยแก” อ้นรบเร้าจนมีนเบนหน้าหนีอย่างหน่ายระอา เธอคิดว่าจะให้รู้เฉพาะความจริงที่เกิดขึ้นในห้องโถงโรงแรมก็พอ ส่วนเรื่องเต๋อนั้นคงต้องเก็บเป็นความลับต่อไป
.
.
“ก็ได้ แต่คราวหน้าไม่ทำให้แล้วนะถ้าไม่ใช่คดีฆาตกรรม” เธอบ่น “แล้วก็ดับบุหรี่ได้แล้ว มันเหม็น” อ้นรีบทำตามคำสั่งทันทีเป็นการเอาใจ “ถ้าฉันมีพลังจิตสัมผัสแบบแก ทำเองได้คงไม่เซ้าซี้หรอกน่า”
.
.
“ช่วยเรียกว่าไซโคเมทรี่เถอะ จิตสัมผ่งจิตสัมผัสอะไรกัน ฉันไม่ใช่คนทรงแก้กรรมนะยะ” มีนตั้งจิตสงบและปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ยื่นมือเรียวขึ้นทาบกำแพงโรงแรมราวเสมือนการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสมองและวัตถุพยาน
.
.
“ขณะนี้เราอยู่กับแม่ชีมีนผู้หยั่งรู้อดีตกรรม. . .” อ้นทำท่าล้อเลียน “ถ้าจะให้ช่วยก็เงียบ ๆ หน่อย! อย่ารบกวนสมาธิ!” เธอสวนขึ้นทำเอาฝ่ายชายหน้าเจื่อนลงไป และควักบุหรี่ขึ้นมาสูบฆ่าเวลาอีกมวน
.
.
ผ่านไปสองนาทีมีนจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
.
.
“เห็นทุกอย่างแล้วล่ะ แกอยากจะดูเองหรือให้เล่าให้ฟัง. . .” มีนถาม
.
.
“ขอดูเองดีกว่า” อ้นตอบ “แหม ทีคนแทงกันตาย ให้ฉันดูภาพแต่หดหู่คนเดียว พอเรื่องแบบนี้ล่ะหูตากระดิกเชียวนะ” มีนค้อนใส่
.
.
“เอาเลยเจ๊” อ้นก้มหัวยื่นให้ มีนทาบฝ่ามือลงเบา ๆ กลางกระหม่อม
.
.
ภาพในอดีตถูกฉายเข้าสมองชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเหมือนมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นฉิวผ่านศีรษะคันแล้วคันเล่านับไม่ถ้วน ภาพเหตุการณ์ในอดีตคมชัดเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นาน
.
.
ย้อนเวลากลับไปราวสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ งานวิวาห์ของลูกชายกำนันเฮงเละเทะไม่เหลือเค้าโครงพิธีกรรมมงคล ราวกับเป็นสถานที่แปดเปื้อนกลิ่นคาวโลกีย์ทั่วทั้งงาน เจ้าบ่าวถูกเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนร่วมงานเพื่อนเก่าสมัยเรียน เรียงคิวอัดตูดโชว์บนเวที เด็กเสิร์ฟใช้ควยแข็งโด่เด่ตัดเค้ก แล้วเสียบคาไว้เดินให้แขกในงานกินจนกว่าจะถึงแก่นควยเสร็จแล้วอมต่อจนน้ำแตก นอกจากนั้นยังมีคนถลกกระโปรง ปลดซิปงัดควยขึ้นมาเย็ดกันกลางโต๊ะจนข้าวของจานชามหล่นแตกระเนระนาด บ้างก็เอาครีมเค้กทารูตูดแล้วให้คนเลีย เจ้าสาวถูกเรียงคิวหน้ากระดานเย็ดสดแตกใน จนน้ำว่าวของผู้ชายเกือบยี่สิบคนไหลเอ่อทะลักทลายล้นออกจากปากถ้ำเจิ่งนอง
.
.
เด็ก ๆ ผลักภาพแต่งงานขนาดใหญ่เลี่ยมกรอบทองที่ตั้งโชว์หน้างานจนหล่นแตก จากนั้นจึงช่วยกันเยี่ยวรดภาพของทั้งสอง แถมยังเติมหนวด เขียนคิ้ว ใส่เขี้ยวเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมทั้งเขียนข้อความลงในภาพ เช่น “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” “ไอ้ชาติหมา” “หัวควยไอ้ส้นตีน” “ลูกอีดอกทอง” เป็นต้น แขกเหรือในงานต่างสูญสิ้นจิตสำนึกของมนุษย์ ส่วนพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งนิ่งตัวเกร็ง โดยมีชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งนั่งคั่นกึ่งกลางบุพการีทั้บสองฝ่าย นั่นคือเต๋อซึ่งนั่งคุมเชิงบีบบังคับร่างกายให้พ่อแม่ของทั้งฝ่ายดูความจัญไรหายนะของลูกหลานตัวเองโทษฐานที่เลี้ยงดูให้โตมาอย่างขาดการอบรม
.
.
เจ้าบ่าวไล่แหวกแก้มก้มลงลิ้นเลียรูตูดแขกผู้ชายในงานขณะที่เจ้าสาวช่วยอมควยให้จากหน้าด้านแทนคำขอบคุณที่ร่วมมาเป็นสักขีพยาน ส่วนแขกสุภาพสตรีบางส่วนที่ไม่ได้ร่วมวงคาวสวาท ก็ไม่น้อยหน้า แก้ผ้าเต้นเอาร่องหีร่องดากรูดตามเสาร่วมสร้างบรรยากาศ เสียงเพลงคลาสสิคถูกเปลี่ยนเป็นเพลงเดดเมทัลจังหวะกระหึ่ม ใครอยากจะเย็ดหีเจ้าสาว หรืออัดตูดเจ้าบ่าวก็ไม่มีการเกี่ยงงอนใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งรูตูดเจ้าบ่าวบวมแดงมีเลือดไหลซึม และร่องหีเจ้าสาวนั้นเฉอะแฉะเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำเชื้อจากชายนับไม่ถ้วน ทั้งคู่มีสภาพไม่ต่างจากกะหรี่ราคาถูก ๆ เมื่อบริการทางเพศจนแขกเหรืออิ่มหนำใจแล้ว ทั้งสองเดินเข้าไปหาพ่อแม่ที่นั่งอยู่ และผลัดกันนั่งคร่อมหน้าเบ่งรีดน้ำว่าวที่ขังในหีและรูตูดออกมาแลกกันกินต่อหน้าบุพการีที่ได้แต่นั่งน้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด
.
.
ขณะเดียวกัน แขกในงานยังคงร่วมเพศและดิ้นกันสุดสวิงริงโก้อีโต้เหวี่ยง มีการนำเหล้าดีกรีแรงมาพ่นไฟโชว์ คราวซวย. . .เปลวไฟลุกพรึ่บติดม่านขนาดมหึมาและลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนก็ยังสนุกลืมโลก ไม่รู้ร้อนหนาวแม้จะเกิดเปลวแสงโชติช่วงสว่างจ้าก็ตาม
.
.
“พอแค่นี้ก่อน” เต๋อดีดนิ้วคืนสติให้ทุกชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่ระบบสัญญาณเตือนภัยตรวจจับความผิดปกติได้ เสียงกริ่งดังลั่นและหัวฉีดบนเพดานปล่อยน้ำออกมาดับเปลวไฟ เต๋อแหงนหน้ายิ้มราวกับสนุกทีรู้ทันได้แม้กระทั่งเหตุการณ์เฉพาะหน้า เขาหยิบร่มขึ้นกางอย่างใจเย็นท่ามกลางฝนเทียม นับว่าเขาเลือกร่มได้ถูกต้องถามคำบอกใบ้จากณัฐ
.
.
ผู้คนเริ่มคืนสติและกรีดร้องเมื่อพบว่าสภาพร่างกลายเปลือยเปล่า บ้างก็เจ็บปวดเครื่องเพศเพราะใช้เย็ดอย่างโชกโชน กำนันเฮงพ่อของเจ้าบ่าวช็อคจนอาการโรคหัวใจกำเริบกะทันหัน ลูกชายรีบเข้าไปประคองทันทีโดยไม่สนใจว่าสถานการณ์รอบตัวเลวร้ายแค่ไหน
.
.
ท่ามกลางความอลหม่านและคำถามที่ตามมานับร้อยพัน เต๋ออาศัยจังหวะนี้เดินกางร่มออกจากห้องโถงเงียบ ๆ
.
.
.
.
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ ไอ้คนหล่อ ๆ ถือร่มนั่นใครน่ะ ไม่เปียกอยู่คนเดียว แถมไม่ตกใจอะไรเลย เหมือนมันคุมสถานการณ์ไว้ทุกอย่าง” อ้นโพล่งขึ้นมา และทำให้มีนเพิ่งฉุกคิดได้ว่าเขาเห็นในสิ่งที่ไม่สมควรเข้าซะแล้ว เธอรีบดึงมือออกจากกระหม่อมเขาเพื่อตัดขาดการส่งต่อภาพที่ได้บันทึกไว้จากการใช้พลังจิตสัมผัส
.
.
.
“มีน! ขอดูอีกรอบหน่อยนะ ผู้ชายคนนั้นน่าสงสัย!”
.
.
“พอเถอะ ฉันเหนื่อยแล้วนะ” เธอแสร้งพูดเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนชายรู้ลึกไปกว่านี้ ที่จริงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าไม่น่าให้เห็นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
.
.
“เฮ้ย! ซีเรียสนะ! บางทีมันอาจเป็นเจ้าลัทธินอกรีต เผยแผ่คำสอนอัปปรีย์ ๆ สู่ผู้คนก็เป็นไปได้ ถ้าเรื่องจริงล่ะก็เรื่องใหญ่เลยนะ แกไม่สังเกตเหรอว่าช่วงปีที่ผ่านมามีข่าวแบบนี้บ่อยจนไม่น่าจะเป็นไปได้เลย” อ้นทำท่าราวกับโลกกำลังจะแตก ส่วนมีนได้แต่กุมขมับคลายความอึดอัด เธอรู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องปรามไม่ให้อ้นเพ่งเล็งตัวอันตรายอย่างเต๋อ
.
.
“มีน! ขอฉันดูอีกรอบนะ! อีกรอบเดียวจริง ๆ! ซีเรียสนะเว้ย! ถ้าแกให้ดูฉันยอมลดบุหรี่เหลือวันละครึ่งซองเลยเอ้า!”
.
.
.
มีนเสยผมขึ้น พยายามกดเก็บอารมณ์ไม่ให้หลุดโพล่งสิ่งใดที่อาจเป็นการชี้นำ เธอขยับสายสะพายกระเป๋าเข้าไหล่ก่อนขอถอนตัวออกมา แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เธอให้ความร่วมมือไม่ได้
.
.
“อ้น. . . เฉพาะเรื่องนี้. . .ฉันยอมให้แกสูบวันละสองซองยังดีกว่าฉายอีกรอบเลย ลืม ๆ ไปซะเถอะ ขอร้องล่ะ”