Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 273
Message ID: 220
#220, RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2
Posted by โทรจิตคุง on 06-Aug-11 at 10:17 AM
In response to message #219
“เมียมึงหีเหม็นว่ะ แม่งเหม็นคาวปลา กลิ่นติดควยกูเลย ผู้หญิงอะไรแม่งเหี้ยสัด ยังกะเอาหีกะหรี่” จ่อยพูดด้วยน้ำเสียงเชิญชวนให้ทะเลาะ เดิมทีนิสัยก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนไร้ทางสู้
.
.
.
“เอ้อ ให้เมียแดกยาคุมด้วยนะ ปล่อยให้ท้องแล้วลูกออกมาหน้าเหมือนกูจะหาว่าไม่เตือน” จอมโจรลิ่วล้อเสียดสีติดตลก และทำให้ไม้ขาดสติทันใด
.
.
.
“ไอ้!”

“เหี้ยยยยยยยยยยย!”
.
.
เนื่องจากไม้ถูกมัดแค่มือจุดเดียว จึงวิ่งพุ่งใส่ไอ้จ่อยได้เหมือนวัวกระทิงดุ แต่ไอ้จ๋อยรอนาทีนี้มานานแล้ว มันหมั่นไส้คนอย่างไม้ที่ยังคงความทรนงได้แม้อยู่ในจุดตกต่ำที่สุด การยั่วให้ลุแก่โทสะนี้เป็นฉากปูทางให้ไอ้จ่อยหาข้ออ้างสำหรับ “ฆ่า” เมื่อพ้นสายตาลูกพี่มัน ใครจะคุ้มกะลาหัวไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ คนสนิทอย่างมันมีหรือจะดูไม่ออกว่าลูกพี่เจอคนจริงเข้าจึงใจอ่อน แต่สำหรับมัน ของที่ยิ่งสูงส่งยิ่งควรฆ่าแก่การทำลายล้าง
.
.
.
“แหะ ๆ ๆ” จ่อยหัวเราะยียวนราวกับกำลังเล่นเกมเพื่อความบันเทิง มันใช้ด้ามปืนตบหัวไม้ เมื่องอตัวลงจึงเตะหลังเข่าให้ทรุดลง ตามด้วยชกลิ้นปี่อัดท้องอีกสามสี่ทีเพื่อความแน่ใจว่าไม้จะหมดพิษสง ดาวได้แต่ส่งสายตาขอร้องราวกับอยากพูดว่า “ฆ่าฉันแทนเถอะ”
.
.
.
“ยิงตายสบายเกินไป เปลืองลูกตะกั่วอีก กูอยากเห็นมึงทุรนทุรายว่ะ” ไอ้จ่อยลากไม้เข้าห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนนั้น มันเปิดฝาถังน้ำขนาดใหญ่สำหรับสำรองน้ำอาบออกมา และจับไม้กดหัวลงไป ไม้พยายามกลั้นหายใจใต้น้ำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ขีดจำกัดของมนุษย์ย่อมมีขอบเขต ไม่เกินครึ่งนาทีอากาศที่สะสมไว้ก็เริ่มหมดลง
.
.
.
“ดิ้นดิ ดิ้นให้ดูดิ๊” จ่อยหัวเราะคิกคัก ทฤษฎีของมันคือไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกที่ยังเต๊ะจุ๊ยตีหน้าพระเอกได้เมื่อขาดอากาศหายใจ และนี่คือเหตุผลที่มันไม่ใช้ลูกปืน
.
.
.
“อ๊อกกกกก” ไม้เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะและสำลักน้ำ จ่อยพอใจที่เห็นแขนขาของเหยื่อเกร็งกระตุก มันกระชากหัวขึ้นมาให้ไม้ได้หายใจอีกแล้วจับกดลงไปอีกรอบ เด็กหนุ่มดิ้นรนด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด ลำพังขันติไม่อาจต้านพิษสงความทรมานนี้ได้เลย
.
.
.
“สงสารมึงว่ะ” จ่อยกระชากหัวป้อนอากาศอีกครั้งหนึ่ง

“กูก็ขี้เกียจเล่นล่ะ รอบนี้เที่ยวสุดท้าย บายเว้ยไอ้หน้าหล่อ” ครั้งนี้มันจับกดหัวลงลึกที่สุดและออกแรงกดไว้ไม่ให้โงหัวขึ้นมาได้อีก ขีดจำกัดของไม้อ่อนลงทุกที . . . ทุกที
.
.
.
เสี้ยวนาทีก่อนขาดใจ เขามองเห็นภาพลูกหมาตกน้ำและร้องสุดเสียงเพื่อเอาตัวรอด
.
.
.
.
“นี่เป็น. . .เวรกรรม. . . งั้นหรือ. . .?” จิตสำนึกของเด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง
.
.
.
“ถ้าเป็นอย่างนั้น. . .ก็เอาเถอะ. . .ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ. . .”
.
.
.
.
.
.
.
.
ไม้ลืมตาตื่นขึ้นมากลางป่า บรรยากาศไม่ใช่บนโลกที่คุ้นเคย ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้สีหม่นเหลือใบทิ้งคาต้นเพียงเล็กน้อย ผืนดินเต็มไปด้วยเศษใบไม้ราวกับเป็นฤดูใบไม้ร่วง เพียงแต่ ต้นไม้ใบหญ้ามีสีโทนน้ำเงินแกมเทา
.
.
.
เมื่อแหงนมองฟ้า. . . ปราศจากดวงอาทิตย์ กระทั่งดวงจันทร์ ที่นี่เป็นเสมือนสถานที่อยู่ในกาลอวกาศลี้ลับ
.
.
.
.
เมื่อไม้ก้มมองสำรวจตนเอง พบว่ามีเสื้อผ้าใส่อยู่ครบ ชุดเดียวกับที่เขานุ่งก่อนถูกข่มขืน
.
.
“งี๊ด~” เสียงร้องแว่วมาจากที่แห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มเอียงหูฟังหาต้นตอ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลงแรง เจ้าของเสียงเดินเหยียบกองใบไม้แห้งเสียงดังกรอบแกรบโผล่มาเอง ราวกับมันต่างหากที่เป็นฝ่ายรอคอย
.
.
มันคือลูกสุนัขตัวที่เต๋อเคยเลี้ยงนั่นเอง ไม้ยังจำได้ดี
.
.
.
“แก. . .เองสินะ. . .” ไม้พูดกับลูกหมา
.
.
แต่มันพยักหน้าตอบสองครั้ง เหมือนกับว่ามันเข้าใจสิ่งที่ไม้พูดทุกอย่าง แต่ตอบเป็นภาษาคนไม่ได้เท่านั้น
.
.
“แก. . .โกรธฉันไหม. . .”
.
.
ลูกหมาพยักหน้า
.
.
“ขอโทษนะ. . . ที่ฉันทำให้แกตาย”
.
.
.
ลูกหมาส่ายหัวปฏิเสธ ไม้นึกขำขันแม้เข้าใจว่าตนเองตายไปแล้วก็ตาม สิ่งเดียวที่เขายังติดค้างอยู่คือจากมาโดยไม่ได้ลาบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ความประสาโลกทำให้เขาเลือกที่จะสงบนิ่งมากกว่าร้องโวยวายเยี่ยงคนขาดสติ
.
.
.
ลูกหมาหันหลังให้ไม้ มันเหลียวหลังมองราวกับต้องการให้เจ้าตัวเดินตามมา ซึ่งไม้ก็มีปฏิภาณดีพอที่จะตีความออก ทั้งคู่เดินเข้าสู่ป่าลึกโดยมีหมาน้อยนำทาง
.
.
เดินผ่านไปไม่นาน ส่วนลึกสุดของป่าแห่งนี้ก็เผยให้เห็น ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยไม้กางเขนปักพื้น ทำขึ้นอย่างง่าย ๆ โดยใช้ไม้สองท่อนไขว้กัน บางทีอาจหมายถึงหลุมศพ. . .เจ้าลูกหมาวิ่งโร่ไปยืนหน้าไม้กางเขนท่อนหนึ่ง
.
.
สัตว์ต่าง ๆ เดินมาจากทั่วสารทิศ พวกมันค่อย ๆ ปรากฏกายผ่านต้นไม้ใบหญ้า มีทั้งลูกหมา ลูกแมว หมาและแมวท่าทางอนาถา นกนานาชนิด สัตว์เลี้ยงจำพวกปลา เต่า ก็พยายามดิ้นบนบกเพื่อเดินทางมาให้ถึงกางเขน รวมถึงกระต่าย หนูแฮมสเตอร์ กระรอก กระแต แม้กระทั่งกิ้งก่าคามีเลี่ยนหรือแมงมุมทารันตูล่าก็ยังมีให้เห็น
.
.
.
ทุกตัวประจำจุด กางเขนหนึ่งต่อหนึ่งชีวิต พวกมันมองมายังไม้ โดยมีลูกหมาที่นำทางมาเป็นเจ้าของหลุมศพตรงกลางพอดี ไม้สามารถประมวลความคิดรวบยอดได้ว่าสัตว์พวกนี้มีลักษณะร่วมอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็นสัตว์เลี้ยงหรือไม่ก็สัตว์ที่พบได้ตามข้างทาง
.
.
.
“เฮ้. . . ใจเย็น. . . เท่าที่จำได้ ตอนเด็กฉันไม่เคยเลี้ยงสัตว์หรือฆ่าสัตว์เป็นภูเขาเลากาแบบนี้นะ” ไม้เอ่ยเสียงอ่อย
.
.
.
ลูกหมาตัวเดิมส่ายหัวเป็นตัวแทนตอบ
.
.
“หมายความว่าไง?” ไม้ถามต่อ “มีใครบางคนฆ่าพวกแกงั้นหรือ” ลูกหมาพยักหน้า
.
.
“เป็นคนคนเดียวกันใช่ไหม” ไม้ป้อนคำถามต่อ ลูกหมาพยักหน้าอีกครั้ง
.
.
“หมายความว่า. . . แก. . .” ไม้วิ่งเข้าไปอุ้มลูกหมาตัวที่ตอบคำถามให้ขึ้นมาเพื่อเจาะจงว่าเขาต้องการถามเฉพาะมัน “. . .วันนั้นมีคนโยนแกลงบ่อน้ำใช่ไหม?”
.
.
.
ลูกหมาพยักหน้าด้วยแววตาหม่นเศร้า
.
.
“ใครทำ! ตอบมาสิ!”
.
.
ไม้รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวเริ่มถูกกลืนกินด้วยแสงสว่างจ้า
.
.
“ตอบมา! ตอบมา!”
.
.
“ตอบเร็วสิ! เฮ้ย!!”
.
.
เสียงของไม้โดนดูดกลืนหายไป ทุกอย่างขาวโพลนและกลับสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
“อ๊ออกกก!” เขากลับมาในสภาพสำลักน้ำดังเดิม การชดใช้เวรกรรมยังไม่จบสิ้นอย่างนั้นหรือ
.
.
“ตายยากนะมึง!” จ่อยตัดสินใจจะใช้ปืนพกยิงจ่อหัวตัดปัญหา
.
.
แต่แล้วก็มีเสียงดึงความสนใจทำให้เขาต้องชะงัก เสียงข้าวของจานชามแตกอย่างบ้าคลั่งราวกับเกิดพายุพัด มันดังมาจากชั้นล่าง
.
.
“ควยเอ้ย ไรนักหนาวะ!” จ่อยใช้ปืนตบหัวไม้อีกรอบระบายความหงุดหงิด มันผลุนผลันออกจากห้องตรงไปยังห้องครัว บางทีเจ้าของบ้านอาจกลับมาพบลูกพี่ในครัวเข้าแล้วเกิดการต่อสู้ขึ้น
.
.
“พี่เกรียง เป็นไรเปล่า!” จ่อยวิ่งดิ่งลงจากบันไดโดยไม่ทันสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวว่ามีอะไรผิดหูผิดตาบ้าง มันมุ่งดิ่งยังห้องครัวทันที
.
.
“แย่แล้ว ๆ! เรื่องใหญ่แล้ว!” เกรียงร้องลั่น เข้าวิ่งเปิดตูจานชามออกมารื้อค้นแตกเกลื่อนกลาดราวกับคลั่งขาดสติ จ่อยถามน้ำเสียงตระหนก “เป็นไรพี่เกรียง!!?”
.
.
“น้ำตาล !! น้ำตาล !! หาน้ำตาลไม่เจอ . . . อ้าว ไม่ต้อง ๆ เจอแล้ว ๆ !” เกรียงใช้ปากกัดถุงน้ำตาลหกเกลื่อนและเทใส่ถ้วยชาอย่างระมัดระวัง “เร็วเข้า ๆ ท่านผู้นั้นอยากได้ชาร้อน ๆ สักถ้วย!! รีบเอาไปเสิร์ฟก่อนท่านจะพิโรธ!!” พูดไม่เป็นภาษาคนจบเกรียงก็วิ่งแจ้นออกไปจากห้องครัว จ่อยบ้าจี้วิ่งตามออกไปเพราะความสับสนงงงวย
.
.
.
“ชาร้อนได้แล้วครับท่าน” เกรียงนั่งพับเพียบอย่างสงบเสงี่ยมและส่งถ้วยชาให้เต๋อซึ่งนั่งวางมาดบนโซฟา
.
.
“อะไรเนี่ยพี่เกรียง!!?? เมารึเปล่า!!??” จ่อยถามยังไม่ได้ใจความดีก็หันไปถามอีกคน “แล้วมึงเป็นใคร เข้ามาเมื่อไหร่!?”
.
.
“สักพักแล้วล่ะ เห็นคุณวิ่งลนลานลงบันไดมา อยากเรียกให้มาช่วยนวดไหล่อีกคนแต่เรียกไม่ทัน”
.
.
.
“อย่าตลก! หันหลังเอามือพิงกำแพง” จ่อยเล็งปืนไปยังเต๋อ แต่เจ้าตัวไม่แยแสต่อคำขู่ และใช้ช้อนคนถ้วยชาเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง “คนที่คุณจับไว้ติดค้างหนี้กับผมอยู่ ยังไม่ได้เคลียร์กัน เพราะฉะนั้นคงยังให้ตายไม่ได้หรอกนะ”
.
.
.
“ปล่อยคนที่คุณจับไว้ลงมาเถอะ”
.
.
.
“มึงเป็นพ่อกูเหรอมาสั่งโน่นนี่!” จ่อยเหลืออดกับสภาพบ้า ๆ บอ ๆ นี่เต็มทน มันประเดประดังเข้ามาพร้อมกันจนเขาแทบสติแตก เขาตัดสินใจลั่นไกสังหารเต๋อทันที แต่. . .
.
.
.
นิ้วที่เหนี่ยวไกปืนค้างนิ่งอยู่กับที่
.
.
และมือข้างที่จับปืนหันเข้าหาตัว จ่อยควบคุมมือตัวเองไม่ได้ ป้อนกระบอกปืนเข้าปาก รสชาติของเหล็กขมจนรู้สึกได้ ความกลัวตายเข้าประชิดตัวจนเหงื่อแตกพลั่ก
.
.
เต๋อยกชาขึ้นจิบพร้อมยกหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายขึ้นอ่านลวก ๆ . . . “ผมไม่ใช่พ่อคุณก็จริง. . .”
.
.
.
“แต่เป็นได้ยิ่งกว่าโคตรพ่อคุณอีกนะ. . .”
.
.
.
จบตอนที่ 19 ผู้บุกรุก