Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 273
Message ID: 98
#98, RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2
Posted by โทรจิตคุง on 28-Apr-11 at 10:00 PM
In response to message #97
ตอนที่ 15 รู้เขารู้เรา
.
.
.
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะกล้ารุกรานพื้นที่ส่วนตัวของผมถึงขนาดมาเคาะประตูบ้าน


“ใครกันนะ แต่งตัวเปรี้ยวจัง” ผมได้ยินเสียงความคิดของแม่บ้านบัวซึ่งกำลังแอบมองมีนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยัยน้าคนนี้ขี้นินทาเสียด้วย ปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นจะไม่ได้การ


ผมตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับอย่างเสียมิได้ ไม่ใช่เพราะกลัวพลังพิเศษของมีน มันเทียบไม่ได้เลยกับพลังเม้าธ์แตกแปดทิศของน้าบัว ขืนปล่อยให้ยัยเจ๊มีนยืนป่าวร้องอยู่หน้าบ้านนานกว่านี้ ยิ่งมีแต่จะทำให้ถูกแม่บ้านจอมสอดตีความไปต่าง ๆ นานา เป็นต้นว่าผมอาจถูกสินเชื่อเงินผ่อนตามทวงถึงที่ หรือมีผู้หญิงเสียตัวให้ผมแล้วมาทวงถามความรับผิดชอบ


“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาก่อนสิครับ”


มีนรับไหว้มือแข็ง เธอนิยมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเสริมบุคลิกกระฉับกระเฉง คล้ายหญิงสาวสมัยใหม่ที่ทำงานวงการโฆษณา


ทันทีที่ปิดประตู ความเงียบอึมครึมก็แผ่ซ่านเข้าปกคลุมบรรยากาศทั่วบ้าน ทั้งผมและเธอต่างรู้ดีว่าต่างฝ่าย“ไม่ใช่ธรรมดา” ผมไม่รู้ว่าเธอทำอะไรได้ ส่วนถึงเธอจะรู้ว่าผมทำอะไรได้บ้างแต่ก็คงตระหนักว่าความสามารถของผมไม่ใช่กระจอก ซึ่งหากใครผลีผลามเปิดเกมขึ้นมาก่อน อาจเสียท่ากลายเป็นช่องโหว่ให้อีกฝ่ายโต้กลับได้


“รับชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ดีครับ” ผมยิ้มและเชิญเธอให้นั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลไหม้


“ขอบใจ แต่ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไม่ได้มาเพราะอยากนั่งจิบน้ำชากับเธอหรอกนะ” เธอคลี่ม้วนหนังสือพิมพ์กางออกวางบนโต๊ะให้เห็นหน้าหนึ่งชัด ๆ


“เธอทำกับคนดี ๆ อย่างคุณดาได้ยังไง”


“ยังไงเหรอครับ? ก็ทำเหมือนเหยื่อทุกรายที่ผ่านมา ส่งกระแสจิตเข้ายึดความคิด แล้วสั่งการผ่านโทรจิต ไม่มีเคล็บลับแปลกใหม่เลยครับ”


“อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่นะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” มีนเอ็ด


“แต่ที่แน่ ๆ ผมรู้จักโลก รู้จักสันดานคนมากกว่าพี่มีนแน่นอนครับ” ผมต่อล้อต่อเถียง พร้อมเคาะขมับด้วยนิ้วชี้เบา ๆ เป็นนัยว่าอำนาจโทรจิตเท่านั้นคือคำตอบของสัจจะทุกอย่างในโลกของผม


“ส.ส. ดารินทร์เป็นแม่ของอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่ง เธอมีอำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งผมและแม่ให้อยู่ในโรงเรียนไม่เป็นสุข ทั้งสองมีความผิดที่ร่วมกันชดใช้ ลูกสาวเธอลามปามแม่ผมและทำให้อับอาย ผมจึงจัดการให้แม่เธอทำอุจาด เธอจะได้รับรู้รสชาติของความอับอายที่แม่บังเกิดเกล้าถูกสังคมสาปแช่ง ป่านนี้อาจจะหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ได้นะครับ” ผมอธิบาย


“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่แก้แค้นลูกสาวเธอคนเดียว” มีนถาม


“แม่เธอก็มีหนี้ค้างกับผมอยู่แล้วครับ ดารินทร์กดดันไม่ให้แม่ผมขายของในโรงเรียน ผมจึงตอบแทนโดยการตัดอนาคตด้านหน้าที่การงานของเธอ ส่วนคำพิพากษาลูกสาวเธอที่ผมเห็นควรที่สุดก็คือการทำให้อายที่มีแม่เป็นผู้หญิงคลั่งกาม เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่เสียงซุบซิบว่า “คนนี้ไงลูก สส.ดารินทร์ที่โรคจิต ๆ น่ะ” สมเหตุสมผลดีออก ฮะ ๆ”


“แต่พี่ว่าเธอต่างหากที่โรคจิตยิ่งกว่า” มีน


“การฆ่าคนมีสองประเภท. . .” ผมไม่สนใจและพูดต่อในสิ่งที่ผมอยากจะพูด


“ประเภทแรกคือการฆ่าให้สิ้นชีวิต แม้ตัวบุคคลตายไปก็อาจจะมีคนติฉินนินทาผู้ตาย แต่ไม่นาน กาลเวลาจะชะล้างให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ตายไปเอง ผมว่าธนิกเป็นเพชฌฆาตที่ถนัดงานประหารแนวนี้ . . .”


“และอีกประเภทหนึ่งคือการฆ่าทั้งเป็น ฆ่าให้ตัวตนทางสังคมถูกทำลาย. . . แล้วปล่อยให้บุคคลใช้ชีวิตโดยแบกรับคำตีตราอยู่ตลอดชั่วลมหายใจ ต้องเร้นกายหลบซ่อนคำถามคำให้ร้ายจากผู้คน ที่สำคัญ สังคมไทยมีวัฒนธรรมเสพติดการลงโทษ พี่คงเคยเห็นสังคมก่นประณามคนเรียนหนังสือไม่จบ คนท้องก่อนแต่ง คนติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่มองว่ามนุษย์ล้วนมีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น เงื่อนไขและจังหวะในชีวิตคนเราต่างกัน แต่วัฒนธรรมเสพติดการลงโทษทำให้เรามักเลือกตัดสินคนในแง่ลบ ไม่หยิบยื่นโอกาสให้แก้ตัว กลับซ้ำเติม ถากถางด้วยการแสดงทั้งระดับกาย วาจา ความคิด เอกลักษณ์แบบไทย ๆ ประการนี้ทำให้ผมชอบและสนุกกับการประหารคนด้วยวิธีนี้มากกว่าครับ” ผมยกน้ำขึ้นจิบหลังกล่าวจบ


มีนปั้นหน้าประดุจเห็นอสูรกายนั่งอยู่เบื้องหน้า เธอแทบไม่เชื่อว่านี่คือความคิดของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ แม้การเรียบเรียงความคิดถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดจะเฉียบแหลม แต่ฐานคติกลับแฝงได้ด้วยความมืดมน ความน่ากลัว และอันตรายจนไม่อยากเข้าใกล้


“นี่เธอ. . .เห็นชีวิตคนทั้งคนเป็นอะไรกัน” มีนกลืนน้ำลาย


“ในยุคโพสท์โมเดิร์นไม่มีคำตอบใดเป็นสัจจะตายตัว ขึ้นอยู่กับมุมมองและการตีความ ในกรณีนี้ผมขอตอบว่า ผมเห็นค่าของชีวิตใครคนหนึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองเดียวกับที่เขาคิดกับผมนั่นแหละครับ พูดให้ง่าย ๆ ก็คือใครดีมาผมดีด้วย ใครร้ายมาผมร้ายกลับก็เท่านั้นเองครับ”


“. . .แน่นอน รวมถึงผู้มีพลังพิเศษด้วย อย่านึกว่าเป็นพวกเดียวกันด้วยเหตุผลทางชีวะแล้วผมจะยอมสวามิภักดิ์ ถ้าใครขวางทางปืนล่ะก็. . .ผมรับรองว่าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน อยู่ดีไม่ว่าดี ดันสร้างศัตรูเป็นผู้มีพลังโทรจิต” ไหน ๆ เธอก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้ว ถือโอกาสบอกความในใจไปเลยแล้วกัน


“ถ้าเธอหมายถึงพวกเราล่ะก็ พี่ก็อยากเป็นฝ่ายพูดบ้าง”


ผมนิ่งเงียบ


“พี่ชื่นชม ส.ส. ดารินทร์มาก แต่หากเธอยืนยันว่ามีความแค้นเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้ง พี่ก็จะพยายามเข้าใจ เพราะถ้าพี่ถูกกระทำอย่างเธอมาก่อนแล้วมีอำนาจที่จะแก้แค้นอย่างง่ายดาย พี่ก็อาจจะทำเช่นเธอ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราจะจบกันแค่นี้ และพี่จะไม่พูดถึงให้ขุ่นข้องใจกันอีก”


มีนพับหนังสือพิมพ์เก็บลงกระเป๋าสะพาย. . .


“ทีนี้พี่อยากให้เธอปรับทัศนคติใหม่เกี่ยวกับพวกเราบ้าง พวกเราไม่ได้มีเจตนาคุกคามชีวิตเธอเลยนะ” น้ำเสียงและท่าทีของมีนเปลี่ยนไปโดยทันใด


“นี่เหรอครับที่เรียกว่าไม่คุกคาม? คนหนึ่งเกือบทำผมถึงตาย ส่วนพี่มีนเองก็บุกเข้ามาถึงบ้านผม”


“ช่วงที่นิกตามสืบว่าเธอเป็นผู้มีพลังพิเศษ เขาเคยแกะรอยมาถึงบ้านเธอและตอนนั้นพี่ก็อยู่กับเขาด้วยเลยจำทางบ้านเธอได้ พี่ขอโทษที่วู่ว่ามไป อย่านึกถึงแต่เรื่องไม่ดีสิ ทีเรื่องของณัฐล่ะ เขาเพ่งนิมิตดูอนาคตที่เธอประสบอุบัติเหตุเป็นชั่วโมงเลยนะกว่าจะทราบตำแหน่งและวันเวลาได้แม่นยำขนาดนั้น”


“ผมไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร ฝากบอกณัฐด้วยว่าถ้าอยากให้ผมสะกดจิตใครเพื่อเป็นประโยชน์กับเขาก็บอกมา ผมยินดีจัดการให้ตามคำขอสามครั้ง แค่นี้คงแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ”


“ณัฐมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว เธอไม่ต้องห่วงเขาหรอก” มีนกระแอมอมยิ้มเหมือนเห็นผมเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา


“ราคาทองคำ ตลาดหุ้น ลอตเตอรี่ การซื้อ-ขายเพื่อเก็งกำไรเกือบทุกชนิด เด็กคนนี้อ่านออกหมดจด” มีนพูดจบลงแค่นั้น เธอคงคิดว่าบอกสรรพคุณไปแค่นี้ผมน่าจะคิดต่อเองได้


ผมหันเหความสนใจจนถึงกับสะอึกเล็กน้อย การใช้พลังโทรจิตของผมใช้สร้างฐานะก็นับว่าเหลือเชื่อแล้ว ไม่คิดว่าจะมีผู้มีพลังรูปแบบอื่น ๆ สามารถใช้อำนาจพิเศษยกระดับความเป็นอยู่เหนือชั้นกว่าผมได้อย่างง่ายดาย


“ตอนนี้พวกเราอยู่ได้ก็เพราะณัฐ พูดไปก็น่าอาย พี่ทำฟรีแลนซ์และเรียนต่อโท ลำพังรายได้แค่นั้นไม่พอใช้หรอก ส่วนนิกก็. . . จำได้ไหมว่าเจอกันครั้งแรกเขาใส่ชุดหนุ่มออฟฟิศ วันนั้นแหละที่เขาตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อสานฝันให้ตระกูลและแสดงตนกับเธอ เห็นไหมว่าเขาให้ความสำคัญกับพี่น้องด้วยกันแค่ไหน”


“. . . . . .” ผมหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี


“เปิดใจมองคนอื่นในแง่ดีบ้างสิ” เธอย้ำจนดูเหมือนพนักงานขายจอมตื้อ


“เอาอย่างนี้ พี่จะไถ่โทษที่บุกมารบกวนเธอด้วยการบอกเรื่องที่เธอน่าจะอยากรู้ให้สักสองสามเรื่องก็แล้วกัน”


“เรื่องแรกนะ พวกเราไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน ทุกคนมีคนละพ่อคนละแม่ แต่อาจเรียกได้ว่าเป็นญาติกัน เพราะถ้าคนเป็นพ่อหรือแม่ขาดคุณสมบัติของผู้มีพลังพิเศษแล้ว ลูกที่เกิดมาไม่มีทางเป็นผู้มีพลังพิเศษได้หรอก ดังนั้นเรามาจากต้นตระกูลเดียวกันแต่จะต้องนับญาติขึ้นไปกี่รุ่นก็สุดแล้วแต่ สิ่งที่พี่อยากจะบอกจริง ๆ ก็คือ ในกรณีครอบครัวฝั่งเธอ ผู้มีพลังพิเศษคือแม่เธอนั่นเอง”


“ว่ายังไงนะครับ. . .” ผมโพล่งขึ้นมาด้วยความที่เก็บอาการไม่อยู่


“ชักน่าสนใจขึ้นมาใช่ไหมล่ะ” มีนอ่านสีหน้าผมได้ทะลุปุโปร่ง แน่ละ ผมอ่านใจเธอไม่ได้และคงต้องเป็นฝ่ายพึ่งพาข้อมูลที่เธอยอมเปิดเผย


“แต่ถ้าแม่ผมเป็นผู้มีพลังพิเศษ แล้วมีความสามารถอะไรครับ ทำไมต้องเป็นแม่ค้าซ่อมซ่อ” ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้ผมมีท่าทีไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือมีนจริง ๆ อย่างกับเด็กน้อยที่อ้อนขอให้ผู้ใหญ่เล่านิทานต่อ


“เป็นคำถามที่ดี เพราะนี่คือเรื่องต่อไปที่พี่จะบอก. . .”


“เรื่องที่สอง ถึงจะเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษ แต่นิยามของมันมีแต่พลังจิตประเภทต่าง ๆ ที่เกิดจากกระแสจิตอันแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ดังนั้นอำนาจต่าง ๆ ที่พวกเราครอบครองล้วนแต่มีฐานจาก “พลังจิต” ทั้งสิ้น จะไม่มีคนยิงแสงเลเซอร์ออกจากดวงตา ปล่อยไฟฟ้าช็อต หรือกางปีกบินได้ทำนองนี้หรอก เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแค่พลังจิตละก็ ความสามารถบางอย่างก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ได้ไม่มากเท่าไหร่ หรืออาจไม่ค่อยมีประโยชน์ด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับโชคชะตามากกว่าว่าเกิดมาจะได้พลังอะไรติดตัวมา และทำอะไรได้บ้าง”


“ ซึ่งพลังจิตโดยทั่วไปมีสองประเภท แบบแรกคือเป็นพลังจิตสายนามธรรม คนตระกูลเรามีพลังจิตประเภทนี้เกือบทั้งหมด เรียกว่าเกินเก้าสิบเปอร์เซนต์ทีเดียว พลังสายนี้จะเกี่ยวข้องกับการรับรู้ที่เหนือมนุษย์ต่าง ๆ หรือควบคุมกลไกทางจิต แต่ไม่มีอำนาจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับกายภาพใด ๆ ที่ฉันเคยได้ยินมาก็เช่น ฉายภาพหลอนประสาทคน อ่านใจ ควบคุมความทรงจำ ตาทิพย์หรือแคลซ์วอยแอนซ์ แต่เท่าที่ประเมินแล้วรู้สึกว่าเธอจะเป็นผู้มีโทรจิตที่มีพลังแรงกล้ากว่าคนอื่น สั่งการครอบงำคนน่าจะเป็นพลังหลัก ๆ แต่นอกนั้นทำได้อย่างละนิดละหน่อยหลายอย่างเหมือนเป็ด ที่ว่ายน้ำได้แต่ไม่ดีเท่าปลา เดินบนบกได้แต่ไม่ดีเท่าไก่ บินได้แต่ไม่ดีเท่านก พี่ว่าเธอลบความจำคนได้แน่ ๆ เพราะไม่เคยมีผู้เสียหายคนไหนพูดเกี่ยวกับเธอเลย รู้ไหมว่าคนก่อน ๆ เขามีกันแค่อย่างละประเภทเดียวเท่านั้นแต่ใช้งานได้เต็มรูปแบบ เช่น พวกที่อ่านใจคนสามารถทำได้ระดับโยงจิตให้คนธรรมดาคุยต่อกันผ่านจิตได้เหมือนใช้มือถือประชุมสาย พวกใช้ตาทิพย์เก่ง ๆ สามารถอ่านหนังสือจากห้องสมุดต่างประเทศได้ด้วยซ้ำ ปิดเล่มอยู่ก็อ่านได้เพราะมองมะลุไล่ทีละหน้า ส่วนพวกควบคุมความจำนี่ถึงขั้นปลูกฝังความทรงจำเทียมให้คนอื่นได้ด้วย”


“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ แค่อ่านใจก็เท่านั้นเอง ตาทิพย์ก็มีแต่เห็นได้ไม่ไกลและลึกมากนัก ส่วนความจำก็แค่ลบทิ้ง ปลอมแปลงใหม่ไม่ได้” ผมเสริมให้เธอทราบว่าผมกำลังให้ความสนใจเรื่องที่คุยกันอยู่


“ถึงได้บอกไงว่าเหมือนเป็ด เพราะใช้พลังได้ค่อนข้างหลากหลายแต่ก็มีข้อจำกัด แต่ช่างเถอะนะ แค่ควบคุมจิตใจคนได้เป็นหลักก็ถือว่าเก่งและหายากมากแล้ว” ดูเหมือนเธอจะมีกำลังใจเล่าต่อเมื่อเห็นผมสนอกสนใจ แน่ละ มันล้วนแต่เป็นเรื่องที่รู้แล้วผมมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งนั้น


“ ณัฐเองก็จัดอยู่ในสายเดียวกับเธอเช่นกัน พลังของณัฐอาจเปรียบกับพระอริยะรูปที่มีญาณแรงกล้า สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ รวมถึงญาณวิเศษด้านอื่น ๆ ก็ช่นเดียวกัน ต่างกันที่ท่านเหล่านั้นมักได้ความสามารถเกิดพร้อมการบรรลุทาง “ปัญญา” ส่วนพวกเราได้มาจาก “การผ่าเหล่า” เพียงอย่างเดียว จะเอาไปใช้ผิดถูกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง”


“น่าสนุกดีครับ แล้วพลังจิตอีกประเภทหนึ่งล่ะ” ผมเร้าให้เธอเล่าต่อเนื่องอย่างใจจดจ่อ


“แน่นอนสิ มีพลังจิตสายนามธรรมแล้ว สายอีกฝ่ายก็ต้องเป็นรูปธรรมซึ่งหายากมาก นานทีปีหนจะได้พบสายนี้ รูปแบบพลังก็ตรงตามชื่อ คือสามารถแปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพ จนเห็นเป็นปาฎิหารย์ได้ด้วยตาเปล่า บางคนสามารถใช้พลังงานจิตเคลื่อนไหวร่างกายแทนที่จะใช้พลังงานจากร่างกาย ทำให้ไวกว่าและข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ ในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ห่างกันคนละชั้นเพราะใช้แค่ความคิดพาร่างเดินทางเท่านั้น พวกนี้เรียกว่าเทเลพอร์ทเทชั่น หรือไม่ก็ใช้จิตถ่ายทอดภาพความคิดลงอัดแผ่นฟิล์ม ภาพถ่าย หรือเผาไหม้กระดาษเป็นรูปภาพข้อความต่าง ๆ จำพวกนี้เรียกว่าธอตโตกราฟฟี่ ส่วนไซโคไคเนซิสหรือพลังจิตเหนือวัตถุอย่างนิกก็ถือว่าหายากเช่นกัน นิกเกิดจากการแต่งงานแบบการเมือง ของพ่อกับแม่ที่มีพลังจิตสายรูปธรรม เพื่อที่จะได้บุตรที่มีพลังจิตแน่นอน และต้องเป็นสายนี้เท่านั้น”


ผมพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วยเป็นระยะ ๆ เป็นการตอบสนองว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นผมตั้งใจฟังอย่างละเอียดทุกคำพูดแม้จะแสดงออกด้วยความเงียบไปบ้าง


“ทีนี้เข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเธอถึงใช้โทรจิตสะกดพวกเดียวกันไม่ได้ เพราะทุกคนต่างมีพื้นฐานกระแสจิตเข้มแข็งพอ ๆ กัน ถ้าเปรียบจิตเป็นกล้ามแขน กับคนธรรมดาก็เหมือนเธอมีกล้ามใหญ่กว่าแล้วไปงัดข้อกับคนผอมแห้งแขนลีบก็ย่อมต้องชนะขาดลอย แต่กับพวกเราก็เหมือนเอาคนมีกล้ามแข็งไล่เลี่ยกันมางัดข้อจึงล้มไม่ลง ยกเว้นการใช้พลังจิตอย่างเป็นกลาง เช่นการที่ณัฐอ่านอนาคตให้เธอก็ไม่ได้ถือว่ารุกล้ำเพราะเขาหยั่งรู้ได้เอง หรือจะถ่ายถอดภาพที่เห็นส่งกันผ่านโทรจิตก็ย่อมทำได้เพราะไม่ใช่การใช่กำลังจิตเข้าข่มหรือหักหาญกัน และข้อยกเว้นอีกอย่างก็คือสายแบบนิกที่แปลงพลังจิตเป็นพลังงานกายภาพได้ เขาไม่ได้รุกล้ำจิตเธอ แต่เล่นงานที่ร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆ สารพัดรูปแบบที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บทางกายภาพ ดังนั้นเธอถึงได้เสียเปรียบนิก แต่จะอย่างไรก็ตามพวกเราล้วนมีพื้นฐานจาก “กระแสพลังจิตเหนือมนุษย์” ทั้งนั้น ก็คือว่าหากพูดถึงผู้มีพลังจิต คนเรามักนึกถึงคนที่งอช้อนกับทายใจได้เท่านั้น ผู้ใหญ่รุ่นหลัง ๆ จึงนิยมเรียกว่าผู้มีพลังพิเศษเพราะฟังดูกว้างขวางกว่า แต่ชื่อเรียกไม่ใช่สาระสำคัญ ให้เธอรู้ว่าต้นกำเนิดความสามารถพวกเรามาจากไหนก็พอ”