Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 450
Message ID: 2
#2, RE: Hatyai Story : นักรักหน้าหยก 2
Posted by เจ้าบอสน้อย on 03-Jul-12 at 10:45 AM
In response to message #1
ผมเลยโทรหาเธอแต่โทรไม่ติด ผมเลยโทรหาเพื่อนเธอ เผื่อเธอไม่อยากอยู่หอคนเดียวอาจเลยไปนั่งเล่นหอเพื่อนอย่างที่เคยทำ ผมนึก สักพักเพื่อนเธอรับสาย ปลายสายนั้นผมจำได้ว่านั้นคือเพื่อนสนิทเธอ แต่ในน้ำเสียงนั้นมันสั่นๆเครือๆ พูดจาวกไปวนมา แต่พอจะจับความได้ว่า ให้ผมรีบมาโรงพยาบาลด่วนๆ เพราะเคสไม่สบายหนัก แล้วเธอคนนั้นก็วางสาย ผมนี้งงมาก ก็เมื่อกี้ยังสบายดีอยู่นี่นา แล้วไงมาไม่สบายอ่ะ หรืออาจปวดประจำเดือนอย่างเคย ผมเลือกที่จะคิดไปในทางที่ดี และคิดตามโอกาสที่จะเกิดกับเธอ ( น่าเบื่อชิบเป๋ง ) แต่ใจหนึ่งก็ห่วงเธอ
ผมเลยรีบไปโรงพยาบาล ที่ห้องฉุกเฉิน ผมเห็นเพื่อน ๆ สนิทเธอร้องไห้อยู่หน้าห้องช่วยฟื้นคืนชีพ ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินโดยไม่สนว่าใครจะบอกว่าห้ามเข้า แล้วสิ่งที่ผมเห็นคือ ในห้องช่วยฟื้นคืนชีพนั้นมีหมอและพยาบาลกำลังสาละวน ช่วยเหลือผู้หญิงผิวขาว ๆ ร่างบาง ๆ ที่คุ้นตา ผมเริ่มใจไม่ดี และเริ่มที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมหันไปสบตาเพื่อนสนิทของเคส เพื่อขอความมั่นใจว่านั้นมันไม่ใช่เธอ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะสบตาผมสักคน ผมเลยเปิดประตูห้องนั้นแล้วเข้าไปในห้องนั้นทันที แต่ขณะนั้นก็มีผู้ช่วยพยาบาลมาบอกว่าห้ามเข้าไปในห้องช่วยฟื้นคืนชีพ เพราะตอนนี้ หมอและพยาบาลกำลังช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่ เกรงว่าจะเข้าไปกีดขวางการทำงาน ผมไม่สนใจผู้ช่วยคนนั้นและตวาดเค้าไปด้วยกิริยาที่ไร้มารยาทเพราะกำลังเครียดถึงขีดสุดอยู่ว่า นั้นแฟนผม ผมมีสิทธิ์รับรู้การรักษาทุกอย่าง อีกอย่างรู้ม่ะผมลูกใคร(ผมชักสีหน้าบ้าใส่) ผู้ช่วยพยาบาลหลีกทางให้ผม เพราะเห็นว่าตอนนี้ผมกำลังเครียด ขืนพูดไปก็คงไม่ได้ผล
สายตาแววสุดท้ายที่สื่อความให้ผมคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ได้ มองลอดผ่านมาระหว่างหมอกับเครื่องช่วยหายใจ ใบหน้าดวงงามนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลแล้วไหลอีก ร่างของเธอเคลื่อนไปตามแรงกดหน้าอกของหมอที่พยายามช่วยเหลือชีวิตเธอ เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจส่งเสียงเป็นจังหวะ หยดน้ำเกลือและยาทั้ง 3สาย กำลังไหลแทรกเนื้อเธอเข้าไปในเส้นเลือดอย่างเร็ว ผมได้แต่ยืนมอง ตัวนั้นสั่นเทา รู้สึกเหมือนโลกนี้มันโคลงเคลง และจะหมุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม ทุกทีๆ
แล้วดวงตาเธอก็ปิดสนิทลง เสียงหมอพูดว่า เลือดได้มาหรือยัง พยาบาลอีกคนตอบว่าได้แล้วค่ะ กำลังหาเส้นเลือดให้อยู่ หมออีกคนพูดขึ้นว่า เตรีมตัวช็อกก่อนดีกว่า เพราะตอนนี้ EKG ขึ้น AF ทุกอย่างในห้องนั้นดูวุ่นวาย ผมยืนนิ่ง แล้วมีมือ ๆ หนึ่งจูงผมออกจากห้องนั้น ที่หน้าห้องช่วยฟื้นคืนชีพ ผมนั่งลงบนเก้าอี้ยาวใกล้ๆเพื่อนเธอ ตอนนั้นในหัวผมไม่รับรู้อะไรอีก มันรู้สึกหนักอึ้งไปหมด แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ของเพื่อนเธอ อยู่ใกล้ ๆ 30 นาทีกว่าๆ ที่ผมรอคอยอยู่หน้าห้อง
แล้วผู้ช่วยพยาบาลก็เข็นร่างๆหนึ่งที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มโรงพยาบาลออกมาจากห้องนั้น เพื่อนเธอที่นั่งใกล้ผม ร้องไห้ดังขึ้นสุดเสียง แล้วซบลงบนตัวผม สายตาผมจ้องไปที่เปลเข็นคันนั้นเพื่อมองหาใครสักคนที่จะบอกผมว่านั้นมันคืออะไร และมันเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ผมรัก สักครู่หนึ่งก็มีหมอคนหนึ่งก็เข้ามาคุยกับผม ให้ข้อมูลต่างๆตลอดจนสาเหตุการตาย หมอบอกว่าเธอเสียเพราะช็อคจากการเสียเลือด แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้ เพราะความต้องการที่แท้จริงนั้นคือ ผมต้องการเธอกลับมาเท่านั้น ฟังหมอเสร็จ ผมเลือกที่จะลุกขึ้นและฝืนความรู้สึกเดินไปหาร่างนั้น ผมไม่มีความรู้สึกกลัวร่างเธอเลย แต่กลับรู้สึกว่าอยากกอดและบอกรักเธอ ให้สมกับที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเสีย
ผมจับมือเธอและสัมผัสได้ถึงมือที่เย็นเยียบ เพื่อนๆเธอร้องไห้โฮ้ ขึ้นอีกครั้ง แต่สำหรับผมนั้นไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมา เพราะผมเจ็บปวดเกินที่การร้องไห้จะเพียงพอ ผมคิดอะไรบ้า ๆ ขึ้นว่านี่คือเกมตลกของเธอที่จะเซอร์ไพรส์ผม ผมจึงเขย่าร่างเธอ และเรียกเธอแต่ความจริงที่มันแท้จริงมันก็แสดงความจริงให้ผมเห็นคือเธอไม่ตอบผมเลย และเธอไม่มีวันที่จะได้ยินคำว่ารักที่ผมเตรียมจะมาบอกเธอด้วยตัวผมเองไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์ มีใครคนหนึ่งเดินมาให้ข้อมูลผมอีกครั้งและบอกผมว่า ร่างกายเธอมีแผลหลายที่ และมีเลือดไหลออกจากบาดแผลใหญ่ที่ต้นขา เลือดที่รอบริจาคนั้นห้องผ่าตัดจองหมดและที่ห้องผ่าตัดก็กำลังใช้ ส่วนเลือดที่นำมาให้เธอจึงไม่เพียงพอกับที่เธอเสียไป บวกกับอาการเธอแย่มากก่อนจะมาถึงโรงพยาบาล เธอเลยช็อคจากการเสียเลือดมากและเสียชีวิตในที่สุด
คืนนั้น ผมเลือกที่อยู่ห้องคนเดียว ซึ่งหลายๆคนที่ทราบข่าวนั้นต่างแนะนำให้ผมกลับไปนอนที่บ้านทั้งนั้น แต่นั่นมันเป็นคำแนะนำที่ทำให้ผมกลัวมากที่สุด เพราะถ้าเคสกลับมาแล้วไม่เห็นผม เธออาจเสียใจก็ได้ (ในใจผมเธอยังคงมีชีวิตอยู่ตลอด) ค่ำคืนที่ยาวนานและบ้าบอที่สุดนั้นมันทรมานผมได้สุดหัวใจ ผมไม่เคยคิดว่าตัวผมเองจะต้องมาพบเจอกับเรื่องราวของการสูญเสียเช่นนี้ มันอาจเป็นเรื่องเล็กสำหรับใครๆที่เจอเรื่องร้ายบ่อยๆ แต่สำหรับผมนั้นมันใหญ่หลวงมาก เพราะผมเจอแต่คำว่าสมปรารถนามาตลอด เมื่อมาเจออย่างนี้เล่นเอาแทบบ้าได้เหมือนกัน ก่อนนอนคืนนั้นผมเลือกที่จะจัดที่นอนใหม่และวางหมอนของเธอและผ้าห่มผืนใหม่ไว้ตรงตำแหน่งที่เธอเคยนอนเผื่อเธอกลับมาจะได้พักผ่อนด้วยกัน
ความอ่อนเพลียอย่างหนักหน่วงทำให้ผมหลับไปทั้งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว เสียงรถมอเตอร์ไซค์บิดคันเร่งขึ้นที่หน้าหอ ทำให้ผมตกใจตื่นขึ้นมา ตอนนั้นเวลาประมาณตี3 กว่าๆ ผมรู้สึกหนาวมากๆ จึงเอียงตัวไปอย่างที่เคยทำเพื่อกอดใครสักคนที่รักผม แล้วความจริงที่มันยังคงจริงตลอดไปนั้นมันทำให้ผมต้องร้องไห้ตอนดึกแบบนี้อีกครั้ง เมื่อผมคว้ามือไปแล้วไม่เจอเธอ......... เคส
เรื่องราวการเสียชีวิตของเคสกระเทือนต่อความรู้สึกผมมาก ผมแทบบ้าในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ที่เธอเสียผมไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ครับเพราะผมจะคิดมากและอาจคิดอะไรบ้า ๆ ได้ เพื่อนที่คณะเลยมาอยู่เป็นเพื่อน ตอนนั้นผมนอนไม่หลับครับ ผอมลงไปหลายกิโล บางวันที่เรียนเลิกเร็วก็จะกลับบ้าน กลับไปก็เจอครอบครัวที่อบอุ่น แต่นั้นมันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่มีกับสิ่งขาดไปนั้นมันชดเชยกันไม่ได้
วันงานศพผมไปกับตัวแทนคณะของเธอ ที่นั่นพ่อแม่เธอจัดงานที่บ้าน (ที่เชียงใหม่) งานศพก็เรียบง่ายตามธรรมเนียมชาวเหนือ วันเผาศพเป็นวันที่ความสูญเสียสุด ๆ มันถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกผมตอนนั้นรับรู้ได้เพียงว่าจากวันนี้ไปจะไม่มีเธอ จะไม่มีแม้แต่ศพเธอ เธอจะจากเราไปจริง ๆ (ถึงแม้เธอจะเสียแล้วแต่ก็ยังมีศพที่ทำให้ผมรับรู้ว่าเธอมีอยู่ แต่เมื่อเผาไปแล้วนั้นผมเอง หรือโลกใบนี้จะไม่มีเธออีก)
สายตาผมเหม่อลอยตามปล่องยาวที่มีควันสีขาวจาง ๆ ลอยขึ้น ทิ้งเบื้องล่างให้มีแต่เสียงระคนของการคร่ำครวญปริเวทนาอยู่เบื้องล่าง น้ำตาไม่มีวันรู้จบของผมไหลรินนองหน้า ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่ใต้ต้นลั่นทมหน้าเมรุจนแดดส่องมาผมก็ยังคงไม่ลุกขึ้น ผ้าเช็ดหน้าสีขาวจากมือแม่ของเคสยื่นมาให้ผมซับน้ำตา ผมไม่ทราบว่าแม่เธอรู้หรือไม่ว่าผมเป็นอะไรกับเธอ แต่ดู ๆไปเหมือนแม่เธอจะรู้ อาจเพราะเธอเคยเล่าให้แม่เธอฟังก็ได้
หลังจากงานศพเธอสัก 3-4 วัน ผมจึงพร้อมที่จะรับทราบเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสีย และได้คำตอบว่า เพราะเธอขับรถกลับมาจากซื้อข้าว (เพื่อนเธอบอกกล่องข้าว สองกล่องยังเกลื่อนบนถนนเลย ) แล้วรถกระบะคนหนึ่งขับเฉี่ยวเธอ รถเธอเสียหลักล้มลงและรถเก๋งคันหลังขึ้นคร่อม เพื่อนเธอซึ่งขับตามหลังมา เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ด้วยความตกใจสุดขีดจึงลืมดูรถคันที่ชนเธอ รถคันนั้นก็ขับหนีไป ตอนนั้นเคสไม่ได้สียทันที ขณะที่เพื่อนเธอลงไปช่วยนั้นเธอสลบอยู่ แต่เมื่อยกตัวเธอขึ้นรถโรงพยาบาลนั้นเธอฟื้นขึ้นมาและนอนน้ำตาไหลมาตลอดที่ส่งมาโรงพยาบาล เธอบอกเพื่อนเธอว่าขอพบผมหน่อย ไปบอกให้ผมมาหาเธอหน่อย เธออยากเจอผม เมื่อฟังเพื่อนเธอเล่าจบผม หัวใจผมมันเหมือนโดนบีบอีกครั้ง มันรู้สึกจุกอยู่ที่คอ (เรื่องนี้ผมเล่ากี่ครั้งก็อดร้องไห้ไม่ได้สักครั้ง)