Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 454
Message ID: 2
#2, RE: hatyai Story : นักรักหน้าหยก 4
Posted by เจ้าบอสน้อย on 10-Jul-12 at 11:57 PM
In response to message #1
ผมถูกรุกมานาน ผมเลย ยกหน้าไอ้วิวขึ้น แล้ว ยกมันอยู่ในท่านั่งคุกเข่าเตี้ย ส่วนผมนั้นนั่งคุกเข่าสูงกว่า แล้วผมก็จับหน้ามันแหงนขึ้นแล้วตะบันริมฝีปากผมลงบนรอยร่องปากแดงๆดังปากเด็กน้อย แล้วผมก็ผลักมันนอนหงายลงผมเลียหัวนมแดงเรื่อๆสีเนื้อของไอ้วิว แล้วผมก็เริ่มต่อด้วยท่า69 โดยที่ผมคร่อมอยู่บนมัน เสียงไอ้วิวดูดอาจู๋ผมดังจ๊วบจ๊าบ ผมเสียวสุดตัวรู้สึกได้ว่าน้ำหล่อลื่นไหลออก ในขณะนั้นผมนั้นเลียร่องก้นอันขาวเนียนของไอ้วิว เมื่อผมใช้ลิ้นดุนๆร่องก้น หนักเข้าไอ้วิวถึงกับหยุดดูดให้ผม กลับมาครางอยากเด็กน้อย ผมเห็นไอ้วิวได้ที่ ผมเลยทำสิ่งที่ยากที่สุดคือ การตกลงกันว่าใครจะเป็นเมียใครจะเป็นผัว ตามแผนครับ เพราะผมเป็นคนเริ่มภารกิจสามีก่อน ไอ้วิวเลยเสร็จผมครับ ผมให้ไอ้วิวนอนหงาย แล้วเอาเข่าพาดบ่าผมทั้งสองข้าง ขนหน้าแข็งอ่อนๆถูกับไหล่ผมได้อารมณ์ไปอีกแบบ แล้วผมก็จัดการยัดไอ้ตัวโตลงในร่องอัดอึดอัดของไอ้วิว ตอนแรกดูมันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ผมได้ยินเสียงไอ้วิวร้อง อ่าๆ เบาๆ ผมเลยค่อยๆยัดเข้าไปโดยไม่ใส่ถุง ปรากฎว่าไม่เข้าด้วยความที่ของผมหัวมันบานมาก เลยต้องพึ่ง K-Y ที่ไอ้วิวเอามาจาก รพ. จึงเข้า เมื่อมันเข้าไปเกือบมิดด้าม 7 นิ้วแล้ว ไอ้วิวถึงกับร้องเจ็บออกมา ผมบรรจงจูบแก้มมันเบาๆลามไปซอกหูมัน และดูดปากมัน แต่ไอ้นี่ไม่ตอบสนอง ผมเลยค่อยๆโยกเอว และยกตัวไอ้วิวมาโอบไว้ในอก สักพักร่องแห่งสวรรค์ของไอ้วิวเริ่มคลายตัวบ้าง ผมเลยวางมันบนที่นอน แล้วจัดท่าไอ้วิวเท้าชี้ฟ้า แล้วผมฉีกขามันออก แล้วคร่อมบนอีกที แล้วผมก็โยกอย่างไม่ปรานีปราศรัย ผมเห็นไอ้วิวร้องครางดังขึ้นเรื่อยๆตามกำลังที่โยก เตียงสปริงเหมือนเป็นใจ โยกกลับตามแนวแรง กิริยา และปฏิกิริยา สักพักเมื่อยเอว ผมเลยให้ไอ้วิวนั่งเทียนหันหน้ามาทางผม ผมไม่คิดเลยว่าท่านี้เล่นเอาผมน้ำแตกไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าที่มันเซ็กส์ และสีหน้าแห่งความเจ็บปวดของไอ้วิวทำเอาผมสะใจจนน้ำกระจายคารูตูดไอ้วิวและหยดลงเปื้อนหว่างขาผม เปื้อนที่นอน เราสองคนยังคงคาท่านี้ไว้ ไม่เอาออก และนอนกกกันจนหลับไป ตื่นมาอีกที อาจู๋ไอ้วิวมาจ่อหน้าผมแล้ว ผมเหลือบไปดูนาฬิกา ตีสี่แล้ว
เกมต่อไปไอ้วิวเป็นคนดำเนินการเอง มันจัดการยัดน้องน้อยสี่นิ้วกว่าของมันเข้าปากผม ผมอมให้มันอย่างขาดเสียไม่ได้ สักพักมันคงไม่เสียวพอ มันเลยเอาหว่างขามันมาอุดจมูกผม กลิ่นอับหว่างขามันทำเอาอารมณ์ผมกระเจิงอีกครั้ง มันพยายามเอาอาจู๋มันมาเด้าหน้าผม แล้วมันก็เอาอาจู๋ผมมากินอยากหิวโหย ผมเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง เมื่ออารมณ์ผมได้ที่ ไอ้วิวใช้นิ้วกลางอันเรียวยาวของมันสอดใส่ไปในร่องก้นผมและลึกลงข้างใน จนผมสะดุ้งโหยง และมันไม่รอช้า จัดการใส่น้องมันลงไป ผมตัวลอยเลยครับ มันรู้สึกอึดอัดเหมือนเคย เจ็บเหมือนกันนะ ขนาดของมันเล็กแค่นั้น
มันจัดการรุกไปอย่างอ่อนโยน ใช้กำลังแต่พอรู้ว่าอบอุ่น ผมสัมผัสได้ถึงไอรัก และกลิ่นทุ่งหญ้าแห่งสวนอีเด็น บนสรวงสวรรค์ ไอ้วิวเด้าถี่ขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และร้องออกมาอย่างเด็กน้อย ปากบางเรียวสวยนั้นอ้าออก ดวงตากลมโตปิดพริ้ม ขนตางอนตัดกับผิวหน้า แม้มองได้ไม่ชัดจากแสงไฟที่น้อยนิด แต่ก็รู้ว่าคนที่กำลังขึ้นสวรรค์อยู่นั้นน่ารักน่าถนอมแค่ไหน ไม่นานน้ำเหนียวๆเหนอะ ก็แฉะที่ร่องก้นผม ไอ้วิวเอาออกทันที แล้วดึงผมไปห้องน้ำเพื่อล้างตัว กว่าจะเสร็จก็ตีห้ากว่าๆแล้ว
ช่วงปีใหม่ผ่านผันไปตามกาลสมัย ช่วงเวลานี้ใครต่อใครมักพูดไว้ว่าให้สิ่งเลวร้ายนั้นผ่านพ้นไปกับปีเก่าแล้วมาเริ่มต้นสิ่งใหม่ในปีใหม่ แท้จริงแล้วเหล่านั้นคือความขี้ขลาดของคนจอมขี้แพ้ เพราะวันเวลาไม่มีขอบเขต มันไม่ใช่ชิงช้าสวรรค์ที่มีรอบขึ้นสุดและต่ำสุดที่จะผ่านมาและเริ่มนับใหม่กันอีกเมื่อมาถึงจุดเริ่มต้น แต่เวลาคือสายน้ำที่จะมีแต่ไหลไป ไหลไปตลอดกาล วันที่31/12/50 มันไม่มีความต่างจากวันที่1/1/51 เพราะนั้นคือเวลา ไม่ใช่ปฏิทิน
สิ่งเลวร้ายที่ทำให้ผมคิดเช่นนี้เพราะ สิ่งเลวที่ผมเคยทำไว้ในปีก่อนมันกลับมาหลอนในปีใหม่ ปลายเดือนมกราคม 2551 ผมได้มีโอกาสรับโทรศัพท์เบอร์แปลกอีกครั้ง ตอนนั้นไอ้วิวเรียนหนักมากเราเลยไม่มีโอกาสมาเจอหรือปรึกษาอะไรกัน ตอนนั้นมันมีแต่ผมคนเดียว ซึ่งคนที่โทรมาหาผมนั้นก็คือ พี่เกด วันนั้นเป็นวันศุกร์ ตอนเย็น พี่เกด ถามผมว่าผมจำพี่เค้าได้หรือไม่ ผมพูดไปว่าจำได้(ใครจะไปลืมลง ทั้งอายทั้งโกรธ) พี่เค้าบอกว่ามีไรจะบอก ผมพูดมาว่า บอกว่าเลยมีไรพูดมา ผมไม่มีเวลาจะมาคุยกันคนอย่างคุณนานหรอก แล้วสิ่งที่พี่เกดพูดมันทำให้รู้สึกว่าเหมือนโลกหยุดหมุนเมื่อ เธอพูดว่า พี่ท้องกับบอส เล่นเอาผมหน้าชา ผมกลัวมากตอนนั้นว่า อนาคตของผมทั้งหมดจะต้องมาหยุดกับผู้หญิงกร้านโลกคนนึงหรอ แล้วพ่อแม่ผู้ที่หวังดีและซื่อสัตย์กับผมตลอดกาลนั้นจะรู้สึกอย่างไร แล้วไอ้วิวจะว่าไง พี่เกดพูดว่าพี่คงต้องพึ่งบอสอย่างเดียวเพราะพี่เองก็มีแต่เพียงตัวคนเดียว ไม่มีพี่น้องที่ไหน เพราะพี่เป็นคนเหนือ หนีครอบครัวมาอยู่นี่ (ผมนึกในใจว่าทำไมคนเหนือดำจังว่ะ อีกอย่างท้องกับเราจริงหรอ วันนั้นเราก็ไม่แตกนี่นา ) แต่พี่แกเล่นหว่านล้อมทุกทางเล่นเอาผมผู้ด้อยประสบการณ์ถึงต้องยอม
ผมออกไปหาพี่เกดอีกครั้งมาคราวนี้เธอดูโทรมๆมาก เธอร้องไห้เมื่อเห็นผม ผมได้แค่ทำสีหน้าเฉยเมย และยืนรับฟังข้อเสนอต่างๆ มีอยู่คำหนึ่งที่สะดุดใจผมคือ
เราต้องแต่งงานกันให้เร็วที่สุด เธอพูดท่าทางจริงจัง
ผมถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ผมปฎิเสธทันทีว่า ไม่มีวัน พี่แน่ใจได้ไงว่าท้อง และอีกอย่างพี่ท้องกับผมแน่หรอ
เธอพาผมกลับบ้านเธออีกครั้ง แล้วเธอจัดการ test โดยใช้ pregnancy test ปรากฏว่า positive ผมเหงื่อตกเลยครับ คิดได้อย่างเดียวคือ ไม่มีวันที่ผมจะยอมเอาอนาคตมาทิ้งกับความมักง่ายครั้งนั้น เย็นวันนั้นผมนั่งอยู่บ้านพี่เกดจนค่ำ ไอ้วิวโทรมาผมก็ไม่มีอารมณ์รับสายมัน
ระบบประสาทผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาในครั้งนี้ แล้วความคิดดีๆก็แล่นมาในหัวผม ผมเลยนึกออกว่า สุดสายถนน กิมหยงมีที่ทำแท้งอยู่ที่หนึ่ง ผมเลยเสนอต่อเธอว่า พี่ต้องทำแท้งให้เร็วที่สุด หลังจากผมพูดจบ สีหน้าพี่เกดมันฟ้องว่าไม่เห็นด้วยเลย
( ผมคิดผิดไปถนัดว่าตอนแรกพี่แกจะยอมทำง่ายๆ แต่พี่แกดูเสียใจมากเมื่อผมเสนอให้ทำแท้ง) ผมใช้เวลาเกลี้ยกล่อมจนพี่เกดยอมทำทั้งน้ำตา แต่ในใจผมเองก็ไม่อยากเชื่อหรอกว่าเธอร้องไห้ด้วยความจริงจัง
วันรุ่งขึ้นตอนบ่ายผมพาพี่เกดไปทำแท้งตามที่วางแผนไว้ (ตอนนั้นผมไม่รู้สึกว่าบาปเลยแม้แต่น้อย) เมื่อไปถึงที่ทำแท้งก็มีเจ้าหน้าที่ มาสอบถาม LMP โรคประจำตัวอะไรต่างๆ มากมาย ผมนั่งฟังอยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปข้างในนั้นหรอก ได้แต่เมียงๆมองๆ อยู่ข้างนอก สักชั่วโมงน่าจะได้ พี่เกดออกมา สีหน้าเหมือนเดิม แต่ท่าเดินผิดปกติไป (อาจไม่มีภาวะแทรกซ้อนไรมากเพราะ ท้องยังอ่อนๆ) ผมเลยถามว่าเสร็จแล้วใช่มั๊ย ตอนนั้นดีใจสุดๆ แต่พี่เกดได้แต่ร้องไห้ ค่าทำแท้งทั้งหมดก็ 3500บาท ผมเลยจ่ายให้พี่เกดซื้ออาหารบำรุงร่างกายอีก1500บาท แล้วผมก็มาส่งเธอที่บ้านพี่สมชาย ก่อนกลับผมพูดว่า เราไม่มีไรติดค้างกันแล้วนะ เรามันก็แค่ชั่วข้ามคืน อย่าหวังอะไรจากผมเลย พี่เกดยังคงร้องไห้ต่อ แต่ใครจะสนเพราะตอนนั้นผมยังคงคิดว่าเธอเสแสร้งอยู่ดีอีกอย่างเด็กนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกใครกันแน่
ผมกลับมาที่หอพัก ความรู้สึกโล่งอกมันเกิดขึ้นอย่างประหลาดแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ประมาณสัปดาห์หนึ่ง ผมมีโอกาสได้ไปเดินแถวๆอ่างน้ำ ในมหาลัย มีเด็กชายคนนึงอายุราว 1 ปี หน้าตาตี๋คล้ายผมเลย วิ่งมากอดขาผมแล้วพูดว่า ป๊ะๆ ผมเห็นแล้วเกิดความเอ็นดูขึ้นมาจับใจ จึงอุ้มขึ้นมาหอมแก้ม สักพักแม่เค้าก็มารับไป แม้แม่เขาจะพาเขาไปไกลแล้วแต่เด็กน้อยก็ยังคงหันมาหาผม ภาพนั้นมันเป็นภาพพิมพ์ใจผมเลยทีเดียว
กลับมาที่ห้อง คืนนั้นอากาศร้อนมาก ผมอ่านหนังสืออยู่ผมไม่เปิดแอร์เพราะกลัวเปลืองไฟ จึงเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ แล้วเผลอหลับไป จนเที่ยงคืน ผมต้องสะดุ้งตื่นเมื่อฝันว่ามีเด็กมาร้องกวนให้ผมอุ้ม แต่เมื่อตื่นขึ้นมาผมก็คิดว่า เด็กเมื่อตอนเย็นแน่เลย เอามาฝันได้นะเรา แต่มันไม่หยุดแค่นั้นคืนถัดๆมา ผมฝันเห็นเด็กทุกคืน มันเป็นเด็กผู้ชาย บางคืนก็คลานมาหาผม บางคืนก็มาอยู่ในตักผม ซ้ำร้ายบางคืน เด็กคนนั้นหน้าเละๆ มานอนซุกในผ้าห่มผม เล่นฝันร้ายแบบนี้ทุกคืนผมเองเริ่มกลัว ไม่เป็นอันได้นอนกันเต็มที่สักคืน ตอนนั้นผมโทรมมาก เพื่อนๆและอาจารย์ที่คณะยังทักว่าไปทำไรมา ดูเหนื่อยๆจัง ผมก็ตอบไปว่าอ่านหนังสือดึกครับ