Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 532
Message ID: 294
#294, RE: +.+.+. ทุ่ง...กาม...+.+.+.
Posted by Andrew on 15-Apr-14 at 11:00 PM
In response to message #292
พอทวนติดธุระต้องเข้าไปซื้อของในเมือง หน้าที่รดผักสวนครัวที่แปลงผักหลังบ้านจึงตกเป็นของพี่น้องสองแฝดโดยปริยาย อันที่จริงก็ไม่ใช่งานหนักหนาอะไรนัก เพราะเป็นแปลงผักเล็กๆที่ปลูกกินกันเองภายในครอบครัว แต่นานทีปีหนโต้งกับต๋องจึงจะได้ลงมือทำงานนี้ด้วยตัวเอง ทำให้ทั้งคู่อดบ่นกระปอดกระแปดระหว่างทำงานไม่ได้

ต๋องชวนพี่ชายคุยไม่หยุดปากเพราะเขาเป็นคนช่างพูดอยู่แล้ว ส่วน โต้งนั้นเลี่ยงพยายามจะไม่พูดถึงทวน เขายกฝักบัวรดน้ำหนักอึ้งไปรดผักเงียบๆให้มันเสร็จๆไปโดยเร็วที่สุด ต๋องลอบมองพี่ชายเป็นระยะๆ รู้สึกได้ว่าโต้งไม่อยากจะปริปากคุยด้วยเท่าไหร่นัก..


“พี่ทวนเข้าเมืองแล้วต้องแวะไปหาพี่เดชแน่เลย ทุกทีไม่เห็นกลับมาช้าแบบนี้..”


ต๋องเปรยขึ้นมาลอยๆ พลางลอบสังเกตสีหน้าพี่ชาย โต้งยังคงเงียบดังเดิม ไม่ยอมปริปากพูดว่ากระไร

“มึงยังโกรธ ที่กูหลอกมึงไปให้พี่เดชเย็ดหรือไง?”


โต้งยังคงไม่พูดกับน้องชาย แต่ใบหน้าเขาหน้าตาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มก้มหน้ารดผักไปเงียบๆ ทำเหมือนต๋องไม่มีตัวตน..


“หรือมึงยังชอบพี่ทวนอยู่..” ต๋องยังตามตอแยพี่ชายไม่เลิก คราวนี้โต้งหันขวับ


“กูไม่ได้ชอบแล้ว ไม่สนใจด้วย..”


ต๋องมองตามน้ำที่กระเซ็นเป็นฝอยจากหัวฝักบัว มันกระทบยอดผักสีเขียวสดในแปลงดูแล้วสดชื่นสบายตา


“เปลี่ยนใจไปชอบพี่เดชแล้วสิ..” ต๋องกระเซ้าพี่ชาย แต่โต้งกลับไม่ขำด้วย

“กูไม่ชอบใครทั้งนั้นแหละ ต่อไปนี้กูจะไม่ยุ่งกับใครแล้วด้วย..มึงอยากทำอะไรก็เชิญ” โต้งพูดเสียงแข็ง แกว่งบัวรดผักไปมาให้น้ำไหลแรงจะได้รดผักเสร็จเร็วๆ


“จริงเร้อ.. อย่ามาทำเป็นปากแข็งหน่อยเลย ตอนถูกพี่เดชเย็ด กูก็เห็นมึงมีความสุขดีนิ”


โต้งหน้าแดง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกโกรธหรืออาย เขาเดินหนีกลับไปตักน้ำในบ่อ ต๋องยังคงตามตอแยไม่เลิก..

“เดือนหน้าพี่ทวนจะไปงานบวชที่บ้านพี่เดช..มึงจะไปด้วยไหม?”

“ไม่..” โต้งตอบอย่างไม่ไยดี

“ไปเถอะน่า..พี่เดชเขาชอบมึงนะ กูดูก็รู้..”

ได้ยินดังนั้นแล้วโต้งดูจะหมดความอดทน เขาหันขวับไปเอ็ดน้องชาย


“มึงเห็นพี่ทวนไปเอากับคนนั้นคนนี้แล้วมึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง? พี่ทวนเป็นผัวพี่แต้วนะ”


“ถ้ามึงไม่พอใจที่พี่ทวนนอกใจพี่แต้ว แล้วมึงไปเอากับพี่ทวนทำไม?” ต๋องย้อนพี่ชาย ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเจื่อนไปทันควัน


“กูไม่เคยเอากับพี่ทวน มีแต่มึงแหละให้พี่ทวนเย็ด” โต้งเถียงน้องชายข้างๆคูๆ ต๋องยิ้มเยาะ


“มึงไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่หรอกว้า..ก่อนนี้กูก็เห็นมึงจ้องแต่จะดูดควยพี่ทวนเหมือนกัน แล้วเดี๋ยวนี้เป็นอะไร ทำมาเป็นจะสั่งสอนกู”


ต๋องย้อน ทำเอาอีกฝ่ายอึ้งไป โต้งนิ่วหน้าอย่างขัดเคือง เถียงกับต๋องทีไร เป็นอันว่าเขาต้องเป็นฝ่ายแพ้ทุกที เพราะต๋องเป็นพูดจาเฉลียวฉลาดทันคนกว่าเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาตัดสินใจเดินหนีน้องชายเพราะคร้านจะเถียง แต่ต๋องยังไม่วายจะตามมาตอแย

“กูไม่เถียงกับมึงแล้ว มึงอยากทำอะไรก็ตามใจ”

“ วันนี้กูจะไปเล่นน้ำที่บึงจะไปไหม กูจะไปชวนไอ้ก้าน ไอ้ชัย ไอ้ยอด”

โต้งหรี่ตามองน้องชายอย่างไม่ไว้วางใจ เขาคิดว่าต๋องต้องมีแผนการอะไรอยู่ในใจแน่ๆเพราะแต่ละคนที่ต๋องจะชวนไปเล่นน้ำล้วนเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีกันทั้งนั้น

“นี่มึงคิดจะทำอะไรพิเรนท์ๆอีกแล้วสิ”

“เอ๊า! พูดแปลกๆ ไม่ชวนพวกนี้แล้วจะให้ชวนใคร มึงคิดว่ากูคอยจ้องแต่จะทำเรื่องอย่างว่าหรือไง กูไม่ได้เงี่ยนไม่ดูตาม้าตาเรือนะเว้ย เพื่อนกันทั้งนั้น กูไม่ทำหรอก..”


โต้งเบือนหน้าหนี เขาไม่เชื่อคำพูดน้องชาย ปรกติเด็กๆในหมู่บ้านจะไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่พักหลังๆมนี่ต๋องดูจะกีดกันเด็กเล็กเด็กโตให้ออกไปจากกลุ่ม เลือกไปไหนมาไหนเฉพาะเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาดี ดูต๋องจะชอบเข้าไปนัวเนียพัวพันเป็นพิเศษ โต้งเฝ้ามองอย่างเป็นกังวล เขากลัวว่าถ้าต๋องทำอะไรเลยเถิดแล้วความแตก เขาเองก็จะพลอยซวยไปด้วย ที่สำคัญคือถ้ารู้ถึงหูพ่อ มันจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ


“มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่ากูพูดถึงอะไร บอกไว้ก่อนนะ ว่ากูไม่เอาด้วยกับมึง”

ต๋องยิ้มเยาะพี่ชาย “มึงอยากจะรอแต่พี่ทวนก็ตามใจ แต่ถ้าอยากทำอะไรสนุกๆก็ตามมาก็ได้นะ กูไปเล่นน้ำก่อนล่ะ..”


ต๋องพูดจบแล้วเดินผละไปอย่างสบายใจเฉิบ ทิ้งให้พี่ชายมองตามหลังอย่างกังวลใจ
........................................................................

ก้านค่อยๆเทไรน้ำลงในขวดโหลปลากัด มันไล่ฮุบกินอาหารอย่างหิวโหย เด็กหนุ่มเฝ้ามองครีบหางพลิ้วอยู่ในน้ำเหลือบสีสวยงามอย่างพึงพอใจ นับตั้งแต่เขายุ่งอยู่กับการซ้อมวิ่งก็ไม่ค่อยได้ดูแลพวกมันนัก พออาหารการเกินไม่ค่อยสมบูรณ์เหมือนเดิม สีสันบางตัวก็เริ่มซีดจางลง เด็กหนุ่มทะยอยเทไรน้ำลงขวดโหลทีละขวดอย่างระมัดระวัง


ที่มุมหนึ่งของบ้าน แม่ของเขากำลังนั่งอยู่หลังจักรเย็บผ้าเก่าคร่ำคร่า เสียงสายพานกระตุกตามแรงถีบจักรลอยเข้าหูอยู่เป็นระยะ ก้านคุ้นชินกับเสียงนี้มาตั้งแต่เด็ก แม่เคยบอกว่าจักรตัวนี้มีอายุมากกว่าก้านเสียอีก เขารู้ว่าแม่รักจักรตัวนี้มากเพราะเป็นของที่พ่อทิ้งไว้ให้ ก่อนจะตายจากไป ก้านให้อาหารปลาเสร็จก็เดินไปนั่งไม่ห่างจากตรงที่แม่ทำงานอยู่ นางกาบเงยหน้าขึ้นมามองลูกชายแล้วยิ้ม


“ทำไมวันนี้เลิกเร็ว ไม่ซ้อมวิ่งหรือ..”


“วันนี้ครูพงษ์เข้าเมืองไปซื้อรองเท้าวิ่งให้ก้าน เลยได้พักวันนึง”


นางกาบเงยหน้าขึ้นมาจากจักรเย็บผ้า มองลูกชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อยากได้รองเท้าใหม่ทำไมไม่บอกแม่ ไปรบกวนครูเขาได้ยังไงกัน ..”


“ครูพงษ์เบิกเงินโรงเรียนแม่ ไม่ได้ซื้อให้ก้านเองหรอก ครูบอกว่าอยากให้ก้านใส่รองเท้าวิ่งดีๆจะได้ไม่เสียเปรียบคนอื่น”


นางกาบมองหน้าลูกชาย อดนึกเวทนาไม่ได้ เพราะก้านพยายามแบ่งเบาภาระทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ เวลาอยากได้อะไร เขาจะไปรับจ้างทำงานเก็บเงินซื้อเอง นางกาบถอนใจยาว ก่อนจะพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“คราวหน้าคราวหลังอยากได้อะไรก็บอกแม่ บ้านเราใช่จะยากจนข้นแค้นอะไรหนักหนา ถึงจะขัดสนจริงๆ ถ้ามันจำเป็น แม่ก็พอจะไปหยิบยืมมาให้เอ็งได้..” นางกาบถอนใจก่อนจะถามต่อ

“แล้วทำไมเอ็งไม่ไปกับครูเขาล่ะ ตีนเอ็งใหญ่เท่าไหร่จะได้วัดจะได้ลอง ไม่ไปด้วยเขาจะเลือกถูกหรือ”


“ไม่เป็นไรแม่ ครูรู้อยู่แล้วว่าผมใส่รองเท้าเบอร์ไหน ถ้าเข้าไปในเมืองกว่าจะกลับก็ค่ำ ครูบอกกลัวผมไม่มีรถกลับหมู่บ้าน”


ได้ฟังลูกชายชี้แจงจบ นางกาบก็ก้มหน้าทำงานต่อ กระทั่งเห็นก้านยังคงนั่งดูนางทำงานอยู่อย่างเดิมก็อดสงสัยไม่ได้..วันนี้ดูลูกชายสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเป็นพิเศษ

“แล้ววันนี้เอ็งไม่ไปเที่ยวเล่นไหนหรือ..ทุกทีไม่เคยจะเห็นเอ็งอยู่ติดบ้าน..”


ก้านยิ้มอายๆ “เดี๋ยวก็จะออกไปแล้วแม่”


นางกาบมองหน้าลูกชาย รู้สึกว่าก้านมีพิรุธอะไรแปลกๆ..

“แล้วเอ็งมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มานั่งดูแม่ทำงานอยู่ได้ “

เด็กหนุ่มหลบตา เขาดูเคอะๆเขินๆพิกล ก่อนจะเปิดปากพูด


“ทำไมแม่ไม่ค่อยพูดถึงพ่อให้ก้านฟังเลย แม่ไม่คิดถึงพ่อหรือ..”


นางกาบวางมือจากการทำงาน แปลกใจ ก้านไม่เคยถามเธอแบบนี้มาก่อน อันที่จริงเขาแทบไม่พูดถึงพ่อให้เธอได้ยินด้วยซ้ำ แต่เธอกลับไปรู้มาว่า บางทีก้านก็ถามเรื่องพ่อจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน อาจเป็นเพราะเธอดูเศร้าโศกทุกครั้งยามพูดถึงเรื่องราวในอดีต ทำให้เขาไม่กล้าถามเซ้าซี้จากเธอโดยตรง

นางกาบถอนหายใจยาว สีหน้าเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หล่อนยิ้มน้อยๆให้ลูกชายก่อนจะกลับไปง่วนอยู่กับงานเย็บผ้าต่อ เหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดถึงความหลังเท่าใดดนัก ก้านมองออกไปนอกหน้าต่าง อดเสียใจไม่ได้ที่คำถามนั้นไปสะกิดความทุกข์ของมารดา นางกาบยังคงง่วนอยู่กับการทำงานไปเรื่อยๆ แต่แล้วอยู่ๆก็เปรยขึ้นมาลอยๆ


“ก็คิดถึงทุกวันนั่นแหละ แต่คนเรานะ มีเรื่องต้องคิดต้องทำทุกวัน จะให้มานั่งรำพันหาพ่อเอ็งทุกวันคงไม่เป็นอันทำมาหากินกันพอดี”


ก้านมองหน้ามารดา เมื่อไม่เห็นริ้วรอยรำคาญใจหรือเศร้าโศกอยู่ในดวงหน้าเขาจึงกล้าพอจะถามต่อ

“แล้วแม่เจอพ่อได้ยังไง ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง..”


นางกาบยิ้มน้อยๆให้ลูกชาย กระนั้นก้านก็ยังเห็นริ้วรอยความเศร้าอยู่ในแววตา หล่อนพูดทั้งที่เท้ายังคงถีบจักรเย็บผ้าไปเรื่อยๆ..


“ก็เจอกันในหมู่บ้านนี่แหละ แม่กับพ่อเอ็งเกิดที่นี่ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเล่าให้เอ็งฟังเลยหรือ?”


ก้านส่ายหัว เท่าที่รู้มาก็เพียงแค่ พ่อเป็นคนดีมีคนนิยมชมชอบพอสมควร


“อันที่จริงเรื่องพ่อกับแม่ก็ไม่มีอะไรนักหรอก รู้จักกันมาแต่เด็ก ก็ดีกันมั่ง ทะเลาะกันมั่ง ใครจะไปนึกว่าอยู่ๆจะมารักชอบกัน เพราะแม่เองก็ไม่ใช่คนสะสวยอะไร พ่อเสียอีกมีสาวๆมาติดพันเยอะแยะ แต่ทำไมถึงได้มาลงเอยกันได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน..”


ก้านนิ่งไปพักใหญ่ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่แล้วอยู่ๆเขาก็โพล่งออกมาดื้อๆ


“แล้วตอนพ่อตายแม่เสียใจมากไหม.."


เท้าที่กำลังถีบจักรอยู่หยุดชะงักในทันที นางกาบเงยหน้าขึ้นมามองลูกชาย นึกจะโกรธก็โกรธไม่ลง ก้านคงไม่ได้ตั้งใจจะใช้คำถามทำร้ายจิตใจเธอ หากเขาเพียงแต่สงสัยในความรู้สึกของเธอเฉยๆ

..บางทีอาจะเป็นเพราะเธอไม่ค่อยพูดถึงผัวเก่าที่ตายไป หรือบางทีเขาอาจกำลังเริ่มมีรู้ความรู้สึกด้านละเอียดอ่อนตามประสาเด็กวัยรุ่น แม้ว่าภายนอกก้านอาจจะดูโตเป็นหนุ่มเกินวัย เคยคบหาเด็กสาวแก่แดดแก่ลมมาบ้างตามประสาเด็กวัยรุ่น
แต่เขาไม่เคยพูดถึงความรักเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง นอกจากความรักประสาแม่ลูกที่มีต่อเธอแล้ว ก้านก็ไม่เคยรักใคร่สนิทชิดเชื้อกับใครเป็นพิเศษ บางที อาจจะถึงวัยของเขาที่จะได้เรียนรู้ความรักแบบอื่นแล้วกระมัง

นางกาบหยิบกรรไกรมาตัดด้ายที่รุ่ยออกจากเสื้อที่เย็บแล้ว ถอนหายใจยาว ทอดตาไปไกลเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง..


“ตอนพ่อเอ็งตายน่ะเหรอ แม่พึ่งคลอดเอ็งใหม่ๆ กำลังอยู่ไฟเลย.. ตอนนั้นย่าเอ็งมาอยู่เป็นเพื่อน พ่อเอ็งก็ลงนาไปแต่เช้ามืด พอสายๆ..ลุงหวังที่อยู่นาข้างๆก็วิ่งมาบอกว่าพ่อถูกงูกัด..”


นางกาบมองลูกชายเพียงชั่วแวบแล้วเมินไปทางอื่น หล่อนทอดตาออกไปนอกหน้าต่าง จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็ผ่านไปเนิ่นนานเป็นสิบปี ทว่ารายละเอียดต่างๆกลับยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ


“ทีแรกลุงหวังก็ไม่ยอมบอกแม่หรอกว่างูอะไรกัด ชาวบ้านพากันไปอุ้มพ่อมาไว้บ้าน แล้วก็ไปยืมรถกระบะพาพ่อไปโรงพยาบาลในเมือง แต่ใจแม่ก็สังหรณ์แล้วล่ะว่าพ่อคงไม่รอด ตอนนั้นมันเหมือนโลกมันมืดไปหมด แม่จะตามไปด้วยก็ไม่มีใครให้ไป.. รถยังไม่ถึงโรงพยาบาลในตัวอำเภอด้วยซ้ำพ่อเอ็งก็สิ้นใจ..”

อยู่ๆนางกาบก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ หล่อนก้มลงทำงานต่อเงียบๆ ก้านนั่งนิ่ง เขามองดวงหน้าล้าโรยของแม่แล้วรู้สึกหดหู่ เขารับรู้มาตั้งแต่เล็กว่าแม่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แม้ก่อนตายย่าจะยกบ้านและที่นาไว้ให้ แต่มันก็เกินกำลังที่แม่จะทำไหว สุดท้ายก็ต้องปล่อยที่นาให้คนเช่า รายได้ทางอื่นก็มาจากฝีมือตัดเย็บเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆที่แม่พอจะทำได้ ก้านเคยได้ยินคนพูดเข้าหูบ่อยๆว่าถ้าแม่มีผัวใหม่เขาคงสบายกว่านี้ แต่แม่ก็ยังครองตัวเป็นหม้ายมาโดยตลอด


“ที่จริงเรื่องมันก็นานแล้วนะ แต่แม่ยังรู้สึกเหมือนเร็วๆนี้เอง”

เสียงเนิบๆของแม่ทำลายความเงียบขึ้นมา

“แม่เองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าผ่านช่วงนั้นมาได้อย่างไร รู้แต่ว่าถ้าไม่มีเอ็ง ป่านนี้แม่อาจจะตายตามพ่อไปนานแล้วก็ได้..”

นางกาบมองลูกชาย ออกจะรู้สึกผิดที่พลั้งปากระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจมาเนิ่นนาน บางทีก้านอาจจะยังประสบการณ์น้อยเกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อน บางทีก้านอาจจะยังไม่รู้จักรักใครมากพอที่จะเข้าใจในสิ่งที่หล่อนเล่า สีหน้าเรียบเฉยของลูกชายทำให้หล่อนเดาไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ หล่อนยิ้มให้ลูกชายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“เอ็งไม่ต้องคิดมากหรอก ถึงตอนนี้แม่ก็มีเอ็งเป็นหัวใจของแม่ ความรักนี่มันก็ดีนะ มันทำให้แม่มีแรงกายแรงใจอยู่ต่อไปได้ แต่บทมันจะทำให้ทุกข์ มันก็ทุกข์สาหัสเหมือนกัน”

ก้านมองหน้าแม่เหมือนจะหาคำอธิบายอื่นอีก ทว่าเมื่อมองเข้าไปในดวงตาเศร้าสร้อยเขาก็พบร่องรอยความสุขฉายอยู่ในนั้น นานแล้วเหมือนที่เขากับแม่ไม่ได้คุยอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว เขาพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่านับตั้งแต่พ่อตายไป แม่ยังคงคิดถึงพ่อทุกวัน

“ทำไมอยู่ๆอยากจะรู้เรื่องพ่อขึ้นมา มีอะไรหรือ.”


“ก็เปล่า เห็นแม่ไม่ค่อยเล่าให้ฟัง ก็เลยนึกว่าแม่ไม่คิดถึงพ่อ ก็เลยถาม”


“เอาไว้เอ็งไปรักไปชอบใคร เอ็งก็เข้าใจเองแหละ..” คนเป็นแม่พูดเสียงเนิบๆ ทว่าอยู่ดีๆก้านก็หน้าแดงขึ้นมาเสียเฉยๆ

เห็นหน้าลูกชายแล้วหล่อนก็อยากหัวเราะออกมาดังๆ ปรกติแล้ว ก้านเป็นเด็กเงียบขรึมเก็บความรู้สึก การที่เขาออกอาการได้ขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องมีอะไรในใจแน่ทีเดียว


“หรือเอ็งไปรักไปชอบใครเข้าแล้วหือ..”

ก้านยังคงไม่ตอบดังเดิม แต่หน้าแดงก่ำไปถึงหู นางกาบเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เลี้ยงลูกมาสิบหกปี ไม่เคยเห็นก้านทำอากัปกิริยาแบบนี้มาก่อน เขาดูเคอะเขินว้าวุ่น ทว่าแววตาพราวเป็นประกายเหมือนคนกำลังนึกถึงสิ่งที่รื่นรมย์ใจ


หล่อนยิ้มน้อยๆให้ลูกชาย ยิ่งพิศดูก้านก็ยิ่งเหมือนพ่อเขาเหลือเกิน โดยเฉพาะสายตากรุ้มกริ่มคู่นั้นช่างเหมือนตอนที่หล่อนกับพ่อของก้านรักกันใหม่ๆไม่มีผิด เห็นแล้วก็อดกระเซ้าลูกชายไม่ได้

“จะไปรักไปชอบใครแม่ไม่ว่าหรอก อย่าอุ้มหลานมาให้เลี้ยงก่อนเรียนจบแล้วกัน”
ก้านมองเมินไปทางอื่นอย่างว้าวุ่นใจ อยู่ๆก็ใจเต้นตึกๆตักๆขึ้นมาเฉยๆ หน้าร้อนวูบวาบเหมือนกลัวจะถูกจับพิรุธได้ นับตั้งแต่วันที่เขาแอบไปทำอะไรกับไอ้บอลที่เถียงนา เขาก็พบว่าเขาชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนความลับคับอกที่เขาอยากจะเล่าให้ใครสักคนฟัง แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็ไม่แน่ใจว่าถ้าคนอื่นรู้เข้าจะเป็นอย่างไร


“แล้ววันนี้ไม่ไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือไง ทำไมถึงอยู่ติดบ้านได้..”

“รดผักเสร็จแล้วก็จะไปเล่นน้ำแล้วแม่” ก้านตอบหงิมๆ เขาต้องรอบอลช่วยงานก๋งให้เสร็จก่อนถึงจะออกไปเที่ยวเล่นกันได้ ไอ้บอลยังไม่ว่าง เขาก็ไม่นึกอยากออกไปกับคนอื่น..


นางกาบฟังลูกชายแล้วยิ้มน้อยๆทั้งที่นึกประหลาดใจ หมู่นี้ลูกชายทำตัวสงบเสงี่ยมผิดสังเกต อาจเพราะเขาซ้อมกีฬาหนักหรือเพราะมีอะไรในใจก็สุดจะคาดเดา ยังไม่ทันที่หล่อนจะพูดอะไรต่อก็แว่วเสียงคนตะโกนเรียกก้านมาจากหน้าบ้าน

เด็กหนุ่มเดินไปชะโงกมองที่ตรงหน้าต่างก็เห็นกลุ่มเพื่อนยืนรออยู่ข้างล่าง


“เฮ้ย!ไอ้ก้าน ไปเล่นน้ำกันเถอะ..” เสียงต๋องตะโกนข้ามรั้วเข้ามา เขายืนจับจักรยานอยู่ข้างรั้ว มียอดกับชัยตามมาด้วย

ก้านกรอกตา อันที่จริงวันนี้เขาตั้งใจอยู่แล้วว่าจะพาบอลไปเล่นน้ำ แต่เขาอยากไปกันสองคนมากกว่าไปกันเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนเคย แต่ถ้าไม่ไปกับพวกนี้ก็ไม่แคล้วต้องไปเจอกันที่หนองอยู่ดี ถึงตอนนั้นเพื่อนๆก็คงสงสัยว่าทำไมเขาถึงแอบไปกับไอ้บอลสองคน เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่ ก่อนจะหันไปบอกกับแม่ว่า


“ก้านไปเล่นน้ำกับเพื่อนนะแม่”


“เออ เล่นดีๆล่ะ ระวังตกน้ำตกท่านะลูก”


เขารับคำแล้วเดินลงกระไดบ้านไป จูงจักรยานตรงไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่ริมถนน ก้านเห็นจำนวนสมาชิกแล้วออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย


“ ทำไมพวกมึงมากันแค่นี้ แล้วคนอื่นๆล่ะวะ”

ต๋องกรอกตา เขาเป็นตัวตั้งตัวตีให้ชวนมาเฉพาะเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เพราะคร้านจะเสวนากับเด็กเล็กเด็กโตคนอื่นๆ

“กูขี้เกียจชวน ไปกับเด็กๆก็ต้องคอยดู เผื่อตกน้ำตกท่าไป พวกเราจะซวยอีก..”
ก้านมองหน้าต๋องอย่างรำคาญ แต่ไหนแต่ไรเด็กในหมู่บ้านก็ไปกันเป็นโขยงใหญ่ๆ เขาเหวี่ยงขาคร่อมจักรยาน พูดเสียงเนือยๆ


“เดี๋ยวกูไปชวนไอ้บอลก่อน”


ต๋องขมวดคิ้ว รีบแย้งทันควัน “ไปชวนไอ้บอลก็ต้องรอมันช่วยงานก๋งจนเสร็จอีก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้เล่นน้ำกันพอดี”

ก้านหน้าตึงขึ้นมาทันทีอย่างคนหงุดหงิด เขาตีหน้าเฉยเพื่อซุกซ่อนความไม่ชอบใจ กระนั้นแววตาของเขาก็ยังฉายแววหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด


“งั้นพวกมึงก็ไปกันก่อน กูไปชวนไอ้บอลแล้วจะตามไปทีหลัง”


“พวกมึงจะทำตัวติดกันไปถึงไหนว้า..ไอ้บอลไม่ไปด้วยก็ไม่เห็นเป็นไรเลย จะไปเสียเวลารอมันทำไม”


ต๋องเปรยออกมาอย่างนึกรำคาญ สีหน้าของก้านยังคงเรียบเฉยดังเดิม แต่แววตาขุ่นเคืองจนเพื่อนนึกเกรง


ยอดเอามือสะกิดข้อศอกต๋องเบาๆ


“พวกเราไปกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวไอ้ก้านก็ตามไปเองแหละ..”


ต๋องยอมล่าถอยโดยดี เพราะอ่านจากสีหน้าก้านแล้วรู้ดีว่าไม่ควรไปตอแยด้วย เขาปั่นจักรยานนำเพื่อนไปก่อน ชัยกับยอดตามไปติดๆ

“แล้วนี่เราจะไปชวนใครอีกไหม?” ชัยถาม


“ไปกันสามคนนี่แหละ ไม่รู้จะชวนใครทำไมเยอะแยะ ไอ้ก้านมันอยากไปตามไอ้บอลก็ช่างมัน”