Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 540
Message ID: 189
#189, RE: นิยายที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง
Posted by someone on 24-Apr-13 at 01:26 PM
In response to message #188
บอกตามตรงครับว่าผมรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยขณะเรียนคาบสุดท้าย เพราะอีกไม่นานผมก็ต้องไปซ้อมร้องเพลงที่ห้องชมรมการแสดงเป็นครั้งแรก ผมแอบกลัวว่าผมจะเต้นกับน้องๆ แดนเซอร์ไม่ได้ เพราะเรื่องร้องเพลงผมไม่ห่วงอะไร

ไอ้นัย sms มาบอกว่าจะมาดูผมซ้อมด้วย ผมเลยโทรไปบอกให้มันขึ้นมาที่ห้องซ้อมได้เลย เพราะมันเคยมาแล้ว แถมไอ้โป้งกับไอ้เก็ตก็พลอยตื่นเต้น บอกจะตามมาดูผมซ้อมด้วยเหมือนกัน

ผมกับพวกมันเลยรีบเดินออกจากห้องเรียนไปยังห้องชมรมการแสดง พอไปถึงก็เจอ อ.สุชาติ น้องแองจี้ และทีมแดนเซอร์ครบทีม

“อ้าว มาแล้วพระเอกของเรา” อ.ทักผม ทำเอาผมยิ้มแก้มปริ……ชื่อเอกเฉยๆ ครับจารย์ ใส่ “พระ” ไปข้างหน้าผมก็ตัวลอยดิ อิอิ

“ไงวันนี้ครูเชิญเพื่อนรุ่นน้องมาช่วยดูเรื่องร้องเพลงให้เธอนะเอกพัฒน์” อ.สุชาติบอก “เค้ารียนด้าน voice มา เป็น อ.อยู่โรงเรียน……..และเป็นครูสอนร้องเพลงด้วย น่าจะแนะนำอะไรเธอได้บ้าง”

“ขนาดนั้นเลยเหรอครับจารย์” ผมอดคิดไม่ได้ว่าแค่ร้องเล่นๆ กันในโรงเรียน ถึงขั้นต้องให้ครูสอนร้องเพลงมาติวให้ผมเลยเหรอวะ

“อ๋อ…….เค้ามาดูให้วันนี้วันเดียวเอง” อ.สุชาติบอกต่อ “พอดีครูโทรคุยกับแก แกว่างเลยอยากมาช่วย เธอจะได้ร้องให้ถูกวิธีไง เอกพัฒน์……….อ้าวกร….มาพอดีเลยมานี่ๆ”

อ.สุชาติเรียกชื่อใครบางคน ทำให้เราทั้งหมดต้องกันกลับไปมองที่ประตูห้อง ก็เห็นผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวดี เดินเข้ามา

“เฮ้ย! พี่กร” ผมร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ก็คนที่จะมาติวให้ผม เป็นพี่ที่ผมเจอที่หน้าผับเมือคืนนี้นี่เอง……..อะไรกันวะนี่ โลกกลมอย่างที่เค้าว่าจริงๆ

“อ้าว น้องเอก” พี่กรจำชื่อผมได้ด้วย แกยิ้มท่าทางดีใจ รีบเดินเข้ามาหาเราสองคน

“รู้จักกันแล้วเหรอเนี่ย” อ.สุชาติทำหน้างงๆ ผมเลยยกมือไหว้พี่กร พี่กรรับไหว้แล้วมาจับไหล่ผม

“นี่แหละนายเอกพัฒน์ นักร้องที่พี่จะให้กรช่วยเทรน” อ.สุชาติพูดต่อ

“ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ” พี่กรยิ้มกว้างฟันเรียงสวย บีบไหล่ผมแรงขึ้นอีก

จากนั้นพี่กรเลยให้ผมร้องเพลงให้แกฟัง ทั้งร้องกับดนตรีและร้องสดๆ โดยไม่มีดนตรี พวกน้องๆแดนเซอร์เลยออกไปซ้อมกันอีกห้อง เพราะช่วงแรกๆ เราคงต้องแยกกันซ้อมก่อน เดี๋ยวเสียงเพลงจะตีกัน

ผมตื่นเต้นไม่น้อยครับ แม้จะมั่นใจว่าร้องดี แต่ผมก็ไม่เคยเรียนร้องเพลงเลย อาศัยแค่พรสวรรค์ที่ติดตัวมาแค่นั้น แต่คราวนี้ต้องมาร้องเพลงให้คนที่ร้องเพลงเป็นฟังเนี่ย เลยออกจะประหม่านิดๆ

“เสียงดีนะ เนื้อเสียงดีทีเดียว” พี่กรเอ่ยปากชมเมื่อผมร้องเพลงจบ “แต่วิธีการออกเสียง และเทคนิคการร้องคงต้องฝึกอีกหน่อย”

ช่วงนั้นไอ้นัยก็มาพอดีครับ มันมายืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าประตูห้อง ผมเลยเรียกให้มันเข้ามาด้านใน พอมันเห็นพี่กรมันก็ทำตาโต คงจำมันได้เหมือนกันครับ เพราะเพิ่งเจอกันมาเมื่อคืนนี้เอง

“อ้าว มาเชียร์เพื่อนเหรอครับ น้องนัย” พี่กรจำชื่อพวกเราแม่นมาก ท่าทางความจำดีแฮะ ไอ้นัยยกมือไหว้ทั้งพี่กรและ อ.สุชาติ “แล้วน้องตาลล่ะ ไม่มาเหรอครับ” พี่กรถามต่อ

“ไอ้ตาลมันไปหาแฟนมันครับ” ไอ้นัยตอบแล้วเดินดุ่มๆ ไปนั่งรวมกับไอ้โป้งและไอ้เก็ต ผมเลยหันไปพยักเพยิดกับไอ้สองตัวนั่นเป็นเชิงว่าฝากไอ้นัยด้วย ไอ้สองคนก็รับมุขพยักหน้ารับ

จากนั้นพี่กรก็แนะนำเรื่องการร้องเพลงให้ผมครับ ทั้งการเก็บลม การปล่อยลม การเอื้อน การแบ่งวรรคตอน และเทคนิคอื่นๆอีก……โห……..เยอะมาก มิน่าล่ะ เค้าถึงได้มีการเรียนร้องเพลงทั้งในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนสอนของเอกชน

“ไม่ง่ายเลยนะครับพี่กร” ผมแอบบ่นเพราะเพิ่งรู้ครับว่ามันยุ่งยากไม่น้อย

“จริงๆ น้องเอกก็ร้องดีอยู่แล้วล่ะครับ ถ้าได้ฝึกเทคนิคอีกก็จะดีกว่านี้เยอะ” พี่กรพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ให้กำลังใจดีมาก “ถ้าอยากเรียนเพิ่ม ปรึกษาพี่ได้นะ”

“โห…..ไม่ไหวหรอกครับ ผมคงไม่มีตังค์ไปเรียนหรอกพี่” ผมบอกไปตามจริง

“สำหรับน้องเอก พี่สอนให้ฟรีนะครับ พี่พูดจริงๆ” พี่กรบอกพลางยิ้มออกมาอย่างจริงใจจนผมเองรู้สึกว่าพี่เค้าอยากสอนผมจริงๆ แต่ก็แอบกลัวอยู่นิด เมื่อนึกถึงคำพูดไอ้ตาลกับไอ้นัยเมื่อคืนนี้

“เกรงใจครับ” ผมบอกไปกึ่งปฏิเสธกึ่งเกรงใจ

“ลองไปคิดดูก่อนก็ได้ครับ” พี่กรยิ้มบอกผม “เสียงน้องเอกน่ะเป็นนักร้องได้แน่ ถ้าได้เรียนการร้องเพลงให้ถูกวิธี ในอนาคต อาจร้องเพลงเป็นอาชีพก็ได้นะครับ สมัยนี้นักร้องรวยๆทั้งนั้น”

พี่กรพูดทำเอาผมต้องคิดหนัก ผมแอบเหลือบมองไอ้นัย มันนั่งหน้าเรียบเฉยอีกแล้ว ท่าทางมันคงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจเหมือนกัน

พี่กรสอนผมอยู่นานเลยครับ บางครั้งก็ร้องเป็นตัวอย่างให้ผมร้องตามเป็นช่วงๆ…….โห……..เสียงพี่กรเพราะมาก เสียงนุ่มหวานบาดใจ เหมือนเป็นมืออาชีพยังไงยังงั้น จนผมอยากบอกให้พี่กรร้องแทนผมในงานโรงเรียนเลยครับ

อ.สุชาติเลยเดินมาบอกว่าน่าจะกลับกันได้แล้ว เพราะด้านนอกเริ่มโพล้เพล้ ผมยังรู้สึกว่าผมยังเรียนได้ไม่เท่าไหร่ รู้สึกเสียดายเหมือนกันครับ

“ยังไงเธอก็เอาวิธีที่พี่กรสอน ไปซ้อมเยอะๆนะ เอกพัฒน์” อ.สุชาติบอกผม

“ครับจารย์” ผมตอบไป

ผมไหว้ลาพี่กร กับ อ.สุชาติ แล้วไปนั่งคุยกับไอ้สามตัวนั่น เราเลยตกลงจะไปกินข้าวแถวหน้าโรงเรียนก่อน เพราะหิวกันแล้ว

พอเราเดินลงมาด้านล่าง ก็เห็นรถเก๋งจอดเปิดไฟอยู่คันนึงครับ ใจผมตะหงิดๆว่าคงเป็นรถพี่กร แล้วก็ใช่จริงๆครับ

“จะไปไหนกันต่อครับน้องๆ” พี่กรนั่นเอง ตะโกนถามพวกผม

“ไปกินข้าวหน้าโรงเรียนครับพี่” ผมตอบออกไป

“พี่ไปกินด้วยสิครับ กำลังหิวพอดี มาเหอะเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” พี่กรบอกแบบนั้นเราเลยหันมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า “มา……มาขึ้นรถกันก่อน” พี่กรตะโกนเรียก

ครับ จากนั้นเราก็มานั่งกินข้าวแล้วคุยกันต่ออีก เลยได้รู้อะไรมากขึ้น ว่าพี่กรแกจะสอนร้องเพลงเฉพาะเสาร์อาทิตย์ที่โรงเรียนดนตรีแห่งนึง บางทีก็รับสอนที่บ้านเป็นเคสๆ ไป เพราะแกมีสตูดิโอเล็กๆ ส่วนตัวด้วย

“ว่างๆไปเที่ยวบ้านพี่ได้นะ ไปลองอัดเสียงดูแล้วฟังเสียงตัวเอง” พี่กรเอ่ยชวนผม “น้องนัย น้องโป้งน้องเก็ต ก็ไปได้นะครับ พี่อยู่บ้านคนเดียว”

“จิงดิพี่” ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ “แล้วอัดลงแผ่นด้วยได้ป่าวคับ”

“ได้สิครับ จะได้รู้ด้วยไงว่าเราต้องปรับปรุงตรงไหน” พี่กรบอกต่อ ผมชักเริ่มสนใจมากขึ้นแล้วครับ เพราะเกิดมายังไม่เคยอัดเสียงตัวเองฟังเลย ผมนึกถึงแผ่นซีดี ที่ผมร้องเองทั้งอัลบั้ม มันน่าภูมิใจไม่ใช่เล่น

“งั้นเอาเบอร์มาแลกกันนะ มีอะไรพี่จะได้แนะนำได้” พี่กรพูดขึ้น ผมเองก็ขัดไม่ได้ครับ จะว่าเกรงใจก็ใช่ แต่อีกใจก็อยากให้แกสอนร้องเพลงอย่างถูกวิธี แถมได้ไปอัดเสียงที่บ้านแกอีก
…………………………………….

“เป็นไรวะ หน้าเครียดๆ” ผมอดถามไอ้นัยไม่ได้ ตอนเรานั่งรถเมล์กลับบ้านกัน

“ถ้ามึงจะไปบ้านพี่กร มึงห้ามไปคนเดียวนะ” ไอ้นัยบอกเสียงแข็ง “ต้องให้กูไปด้วยทุกครั้ง ถ้ากูไม่ว่างห้ามไป” ไอ้นัยออกคำสั่ง

“โห……ไรวะเนี่ย” ผมแกล้งพูดกวนตีนมัน แต่จริงๆผมแอบดีใจนะครับที่มันห่วงผม เอ…..หรือหวงก็ไม่รู้ “เป็นไรกับกูเนี่ย มาสั่งนู่นสั่งนี่” ผมพูดไปอมยิ้มไป

“กูเป็นให้มึงได้ทุกอย่างแหละ” ไอ้นัยบอกทำหน้าซีเรียส “แล้วแต่มึงจะให้กูเป็นอะไร”

ผมอึ้งไปเลยครับ อยากยิ้มให้แก้มปริที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น จะว่าเขินก็เขินอยู่ไม่น้อย เลยต้องทำหน้าทะเล้นกลบเกลื่อน

“เออๆ ก็ได้ๆ ถ้าจะไปกูจะบอกมึงทุกครั้ง พอใจยัง” ผมพูดแล้วแลบลิ้นใส่มันครับ เพราะหมั่นไส้นิดๆ ไอ้นัยเลยยิ้มแล้วเอาแขนมาล็อคคอผม กดลงไป

ผมก็เลยดิ้นสู้กับมันครับ เราสู้กันไปมาเหมือนเด็กๆเล่นกัน จนสุดท้ายก็เลยป้ายที่จะลงจนได้

“เวรแระ เลยป้าย” ผมบ่นออกมาขำๆ

“เดินย้อนกลับไปเหอะแค่นี้เอง เดินกันไปคุยกันไป เดี๋ยวก็ถึง” ไอ้นัยบอกแล้วโอบไหล่ผมพาเดินบนฟุตบาทเพื่อจะกลับหอพักกัน

เราค่อยๆเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้สึกเมื่อยเลยครับ แถมไม่อยากให้ถึงหอเร็วๆ อีกด้วย เพราะกลับถึงหอก็ต้องไปเจอไอ้ตาล……..ไอ้ก้างชิ้นโต!