ตอนเที่ยงวันศุกร์ ไอ้นัยโทรหาผมตามปรกติ
..คือ
ที่ต้องบอกว่าปรกติ เพราะมันจะโทรหาผมทุกวันเวลาประมาณนี้ มันกลายเป็นกิจวัตรของผมและของมันไปซะแล้วไอ้ตาลมันบอกกูว่า มันจะกลับไปนอนอพาร์ทเมนท์มันพรุ่งนี้แล้วว่ะ เพราะรอยช้ำที่หน้าหายแระ ไอ้นัยพูดกรอกมาตามสาย อิอิ สวรรค์เป็นของเราแล้ว
เรอะ กูก็ว่าจะไปนอนบ้านลุงซักอาทิตย์ ผมแกล้งหยอกมันเล่นครับ ไอ้นี่มันเซ็กส์ขึ้นสมองแล้วมั้ง
โด่
..ไรวะ ไอ้นัยบ่นอุบ จะได้นอนกอดตัวเองทั้งทีก็จะไปนอนที่อื่นอีก
เชี่ย
..กูขนลุกซู่แล้วมึง มึงเรียกกูว่า ตัวเองเนี่ยนะ
มึงคิดก่อนพูดรึว่าพูดแบบไม่คิดวะ
...ครั้งก่อนๆที่แทนตัวเองว่า เค้า กูก็ยังไม่ชินเลย
เออๆ กูพูดเล่นน่ะ ผมขี้เกียจง้อมันทีหลัง เลยบอกไปว่าพูดเล่น
วันนี้จะไปซ้อมเต้นที่ชมรมการแสดงใช่ป่ะ เค้าอาจช้าไปหน่อยนะเพราะต้องทำงานกลุ่ม ไอ้นัยบอกก่อนจะวางสาย
ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีครับที่มันใช้สรรพนามแทนตัวมันกับผม ว่า เค้า และ ตัวเอง
..เฮ้อ
..ไอ้นัยนะไอ้นัย
เย็นนั้นไอ้โป้งกับไอ้เก็ตเพื่อนสนิทในห้องผมก็ขอตามไปดูด้วย เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ผมต้องซ้อมท่าเต้นอย่างจริงจังซะที
พี่ตาลไม่มาเหรอคะพี่เอก น้องแองจี้ถามผมทันทีที่ผมมาถึงห้องซ้อม น้องๆคนอื่นก็ถามกันระงม
คับ มันไปหาแฟนมัน ผมตอบไปตามจริงทำเอาสาวไม่แท้ทั้งหลายพากันทำหน้าหมดหวัง
ไอ้ห่าตาล มึงไปทำอะไรไว้วะ ถึงสาวๆแถวนี้ถึงได้ติดใจ
คราวหน้าพี่เอกต้องชวนพี่ตาลมาด้วยนะคะ น้องๆจะได้มีกำลังใจเต้น น้องแองจี้บอกผม
.เฮ้ย! นี่ไอ้ตาลมันเป็นขวัญใจกะเทยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะเนี่ย
ผมให้น้องแองจี้ทำท่าทางให้ผมดูก่อนหนึ่งรอบ
.โห
..ท่าเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ผมกุมขมับตัวเอง
กูจะไหวเหรอวะ ฮือๆๆ
ผมลองทำท่าโดยร้องเพลงแบบไม่มีดนตรี น้องๆแดนเซอร์จำท่ากันได้เกือบหมดแล้วครับ ก็พยายามช่วยผมกันอย่างเต็มที่ ท่าทางที่เก้ๆ กังๆ ของผมทำเอาไอ้โป้งกับไอ้เก็ต หัวเราะกันใหญ่
เชี่ย มึงอย่าหัวเราะดิวะ กูเกร็งนะโว้ย ผมตะโกนด่ามันไป แต่กลายเป็นว่ามันยิ่งหัวเราะมากกว่าเก่า
ไอ้พวกเพื่อนเลว ฮึ!!
วันนั้น อ.สุชาติ ไม่ได้มาดูการซ้อมครับ อ้อ
..พี่กรก็ไม่มาครับ เพราะผมบอกแกเมื่อวานเย็นว่าวันนี้จะซ้อมท่าเต้นอย่างเดียว แกเลยนัดผมซ้อมวันจันทร์ที่บ้านแก
ไอ้นัยมาถึงตอนนั้นพอดีครับ มันรู้งานแล้วเลยเดินไปนั่งอยู่กับไอ้โป้งไอ้เก็ต
น้องแองจี้พยายามสอนท่าผมทีละสเต็ป ผมเริ่มจำท่าทางได้บ้าง จนผ่านไปกว่าชั่วโมง เราเลยหยุดพักกินน้ำกัน
เฮ้อ
นี่กูจะถอนตัวทันมั้ยวะ
เชี่ยเอ๊ย
.การเป็นนักร้องนี่แม่งโคตรยากเลย เสียงดีอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมีอารมณ์เพลง ต้องมีท่าเต้นอีก
เฮ้อ!
ช่วงที่เราพักกันก็มีนักเรียนชายคนนึงเดินมาหยุดที่ประตู หลายๆคนหันไปมอง ผมเลยหันไปมองด้วย ก็เห็นนักเรียนชายรุ่นพี่ ตัวสูงประมาณผม ผิวออกขาวแต่ไม่ใช่คนจีน ใบหน้าหล่อคมคาย ดวงตายาวรีคู่นั้นดูมีอำนาจเวลามอง คิ้วเข้มจัด เลยทำให้หน้าแกหล่อเด่นเตะตาสาวๆทั้งโรงเรียน
..พี่คนนี้ใครๆ ก็รู้จักดีครับว่าเค้าคือใคร
อ้าว พี่เบสต์ หวัดดีค่ะ มีอะไรให้แองจี้รับใช้คะ น้องแองจี้ร้องทักก่อนใคร พวกน้องๆเลยพากันหวัดดี รวมทั้งผมด้วย
ครับ
..พี่เบสต์
..นักร้องชายประจำวงของชมรมดนตรี ไม่มีใครไม่รู้จักพี่เบสต์หรอกครับ เพราะพี่แกทั้งหล่อทั้งเสียงดี เป็นนักร้องตัวยืนประจำวงของชมรมมาตั้งแต่ ม.4
งานทุกงานต้องมีพี่เบสต์ ทั้งงานในโรงเรียน งานโชว์นอกโรงเรียน แถมแกยังเดินสายประกวดจนได้รางวัลมาไม่รู้เท่าไหร่ แกเลยมีท่าทางมั่นใจอยู่เสมอ จนดูเหมือนคนขี้เก็ก นักเรียนชายหลายๆคนหมั่นไส้ จะมีก็แต่สาวแท้และสาวเทียมที่พากันกรี๊ด เพราะเห็นแกหล่อ เท่ และร้องเพลงเก่ง
หึหึ
.. พี่เบสต์ยิ้มที่มุมปาก เห็นเค้าลือกันว่านักร้องของชมรมการแสดงร้องเพลงดี พี่เลยอยากมาฟัง พี่เบสต์พูดด้วยเสียงที่ยากจะเดาความรู้สึก
.ฟังดูมันเหมือนชมนะครับ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่ค่อยชอบนัก น้ำเสียงของแกมันเหมือนดูถูกผมอยู่กลายๆ
ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่เบสต์ ผมพูดสวนออกไปทันทีแล้วเดินเข้าไปหา ผมแค่เด็กหัดร้องอะพี่ ไม่ดีพอที่พี่จะถ่อสังขารมาดูถึงนี่หรอก
ผมยิ้มที่มุมปากกวนตีนไปเล็กๆ เรายืนประจันหน้ากันอยู่ที่ประตูห้อง ผมมองตาแกแบบแข็งๆ เพราะมีเซ้นส์แรงมาก ว่าแกไม่ได้มาดีเท่าไหร่ แกเองพอได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็จ้องผมเขม็งเช่นกัน ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย
.เอ่อ
..เราชื่อเอกใช่มั้ย พี่เบสต์รู้ชื่อผมด้วยเหรอวะ ร้องดีจนใครๆชมไปทั่วแบบนี้ พี่ก็ต้องอยากมาฟังกับหูให้รู้ว่าจริงหรือไม่จริง พี่เบสต์พูดแล้วยิ้มกวนๆ เอามือโอบไหล่ผมพาเดินเข้ามาในห้องซ้อม
ผมเกร็งไปเลยครับ เพราะไม่คิดว่าแกจะกล้าโอบไหล่ผม ผมมองไปที่ไอ้นัย มันนั่งขมวดคิ้วจ้องมองไม่วางตา
..เอ
..นี่พี่เบสต์แกจะมาไม้ไหนวะ กูงงชิบหาย
ร้องให้พี่ฟังหน่อยสิ พี่เบสต์บอกแกมบังคับ เผื่อพี่จะจีบไปเข้าชมรมดนตรี
ได้เลยพี่ ผมตอบอย่างมั่นใจ ถึงผมจะร้องได้ดีไม่เท่าแก ผมก็ไม่กลัวเลยสักนิด
ผมหันไปมองหน้าไอ้นัย มันยกกำปั้นเชียร์ผม ไอ้โป้งกับไอ้เก็ตก็พลอยยกตามไปด้วย ผมยิ่งมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกอง
เอาสิวะ อยากฟังกูก็จะร้องให้ฟัง
น้องแองจี้หยิบไมค์มาให้ผมแถมยกนิ้วสองนิ้วให้ผมอีกเหมือนจะบอกผมว่า
สู้ๆ ก่อนที่น้องแองจี้จะเดินไปที่เครื่องเล่นเพลง
พี่เบสต์เดินไปยืนพิงผนังห้องตรงข้ามกับผมซึ่งอยู่ด้านหลังไอ้นัย แกกอดอกยืนมองผมด้วยสายตาที่ยากจะเดาอารมณ์
ผมรู้สึกอีกแล้วว่าสายตานั่นกำลังดูถูกผมอยู่
ผมไม่ยอมแพ้หรอก
ผมหันไปพยักหน้าให้น้องแองจี้เปิดเพลง ผมตื่นเต้นเล็กๆครับ หลับตานิดนึงก็นึกถึงคำพูดของพี่กรที่บอกผมในวั้นนั้น
.. งั้นน้องเอกก็จำเอาไว้นะครับ ว่าวันนี้เราบิ้วท์อารมณ์ได้เพราะอะไร
.ไอ้นัย มึงช่วยกูด้วยนะ
ดนตรีอินโทรเริ่มบรรเลงแล้วครับ ผมลืมตามองก็เห็นไอ้นัยนั่งยิ้มกำมัดเชียร์ผมอยู่
กำลังใจผมมาอีกเพียบ ใจผมฮึกเหิมสุดๆ
.....รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร มอบกล่องดวงใจเอาไว้ที่คุณ
..
ผมร้องเพลงออกไปอย่างมั่นใจ นาทีนั้นเหมือนห้องทั้งห้องมีแค่ไอ้นัยกับผมเท่านั้น ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ร้องเพลงออกไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะบอกไอ้นัยจริงๆ ผมลืมไปหมดเลยครับว่ามีคนมาท้าทายผมให้ร้องเพลงให้ฟัง
ทุกคำของเพลงผมเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ แทบไม่ต้องนึกว่าท่อนต่อไปคืออะไร ผมร้องเพลงออกมาจากใจผมจริงๆครับ
รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร
รักคุณเสียยิ่งกว่าใคร รัก
..คุณเสียยิ่งกว่าใคร
..
ประโยคสุดท้ายของเพลงจบลง ตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวและเสียงกรี๊ดดังๆของน้องแดนเซอร์ ทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์
ผมเห็นพี่เบสต์ปรบมือให้ผมแถมยกนิ้วโป้งให้อีก ไอ้นัยนั่งยิ้มหน้าแดงอยู่รวมกับไอ้โป้งไอ้เก็ต
..ผมแทบไม่รู้ตัวว่าผมทำอะไรออกไปบ้าง แต่ผมคิดว่าผมทำสำเร็จ
ร้องดีอย่างที่เค้าว่าจริงๆ พี่เบสต์เดินเข้ามาหาผมแล้วตบไหล่เบาๆ
ขอบคุณพี่ ผมบอกออกไปแถมยิ้มหน้าบาน
..นี่กูเอาชนะคำดูถูกของใครบางคนได้แล้วใช่มั้ย
.ผมมองไปที่ไอ้นัย มันยกนิ้วโป้งชูให้ผมเหมือนกัน
วันหลังไปร้องให้ชมรมดนตรีฟังบ้างนะ พี่เบสต์บอกมองตาผมแปลกๆ เหมือนกำลังท้าผมอย่างนั้นเลย ร้องกับดนตรีสด มันไม่ง่ายเหมือนร้องกับแบ็คกิ้งแทร็กหรอก
.น่าน
.มีกัดกูก่อนจะไปอีกนะ
ได้สิคับพี่ ผมบอกไปอย่างไม่กลัว แล้วยกมือกำหมัด พี่เบสต์เลยเอาหมัดมาชนหมัดผม
.นี่ถือว่าจะมีการ battle เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แล้วละสิ
.