Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: Story Club
Topic ID: 676
Message ID: 13
#13, RE: เรื่องเล่าจากเรื่องจริงตลอดหนึ่งเดือนของผม
Posted by สับสน on 13-Feb-15 at 02:45 AM
In response to message #12

ความพยายามครั้งที่ 1

ไอจีของบุ๊กมีคนฟอลโลว์อยู่สองพันกว่าคน ทุกครั้งที่ไปกินอะไรกัน บุ๊กจะถ่ายรูปลงไอจีเสมอโดยไม่มีผม ซึ่งผมก็โอเคเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นเหมือนกัน แล้วในระหว่างที่ผมไปรับน้องพาไปกินข้าวเกือบทุกวันอยู่นี้ ผมก็รู้สึกได้ว่า ความรู้สึกที่บุ๊กมีกับผมมันเริ่มลดลงไป แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้น้องมันกลับมากขึ้นทุกวัน และผมไม่สามารถแข็งใจกับน้องได้เลยไม่ว่าน้องจะสั่ง จะอ้อน หรือแกล้งงอน ผมก็ต้องตามใจเพราะรู้สึกว่าไม่อยากให้เขาทุกข์ใจ แต่ผมรู้ดีว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงแย่ ลืมบอกไปว่า พอบุ๊กย้ายบ้านแล้ว จากเดิมที่บ้านเราห่างกัน 5 กิโลก็กลายเป็น 25 กิโล การที่ผมไปหาน้องเกือบทุกวันแปลว่าผมต้องขับรถวันนึงไม่ต่ำกว่า 60 กิโล เพราะไม่ใช่แค่ไปกลับ แต่เรายังต้องขับไปหาอะไรกินหรือไปเที่ยวเล่นกันต่อ ผมอยู่ในระยะสร้างตัวน่ะครับ ค่าใช้จ่ายก็จะต้องระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ลำพังค่ากินค่าเที่ยวก็ไม่ได้เท่าไรหรอก เที่ยวก็อย่างเช่น ไปให้อาหารปลา ค่าอาหารปลาแค่ 4-50 บาท แค่นั้นเราก็มีความสุขแล้ว แต่พอบวกค่าน้ำมันเข้าไปด้วยนี่มันก็เครียดเหมือนกันครับ ถ้าผมหวังจะจีบน้องเป็นแฟน เรื่องแค่นี้ผมคงทุ่มแหละ แต่นี่เราเป็นอะไรกัน ความสัมพันธ์มันไม่ชัดเจน สุดท้ายเราเป็นกันได้อย่างมากแค่เพื่อน ซึ่งถ้าเป็นเพื่อน น้องก็ต้องเข้าใจผมมากกว่านี้หน่อย (เอินยังเข้าใจผม)

ในคืนหนึ่งผมบอกน้องทางไลน์หลังจากกลับมาบ้านแล้วว่า

“พี่คิดถึงบุ๊กมากกว่าเอินอะ” ในโลกแห่งจินตนาการของผม ผมอยากให้บุ๊กตอบว่า บุ๊กก็คิดถึงพี่ หลังจากนั้นผมก็จะบอกว่า ถ้างั้นเรางดเจอกันสักพักดีกว่ามั้ย ทำไมน่ะเหรอ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะคิดว่าถ้าเราคบกันไม่ได้ แต่ใจมีให้กันมันก็พอแล้วสำหรับคนนึง ครั้งนึงในชีวิต

แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นบุ๊กที่เป็นฝ่ายพูดว่า

“ถ้างั้น เรางดเจอกันสักพักมั้ย” ถึงผลมันจะเหมือนกัน แต่พอน้องเป็นคนพูดซะเอง ผมก็ใจหดเหลือนิดเดียวเพราะสำหรับคนคิดมากอย่างผม มันเหมือนน้องจะบอกเป็นนัยๆ ว่า พี่คิดมากไปคนเดียวแล้วนะ ผมได้แต่ตอบว่า

“โอเค” ซึ่งนี่ยังเป็นสัญญาณที่เราทั้งคู่รู้กันเองด้วยว่า เราควรจะคุยกันน้อยลง

เช้าวันต่อมา ผมฝืนใจไม่คุยกับน้องมากนัก ทักคำสองคำแล้วก็หยุด น้องเองก็ไม่ค่อยคุยกับผมเหมือนกัน ผมยอมรับว่าทรมานมาก แต่ปรากฏว่าบุ๊กก็คงพอๆ กันมั้งเพราะตอนค่ำน้องก็โทรมาหาผม ผมรู้สึกดีใจโคตรและสุดท้ายก็ขับรถไปหาน้องอีก มื้อนี้เรากินอาหารตามสั่งถูกๆ แถวบ้านใหม่น้องกันครับ แต่ว่ามันอร่อย (อร่อยจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง) แล้วน้องเองก็ติดใจด้วย

คืนก่อนหน้าผมไปเล่นกีฬากับเพื่อน เลยต้องแกะเอาตุ๊กตาบูไปวางไว้เบาะหลัง พอบุ๊กเห็นก็โวยวาย แต่ก็ยิ้มเห็นฟันตลอด ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าน้องจะปวดใจแค่ไหนเพราะถ้าความจริงน้องไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็จะล่องลอยอยู่คนเดียว แล้วสุดท้ายเราก็จะเจ็บหนักอยู่คนเดียว