Go back to previous page
Forum URL: https://www.palm-plaza.com/cgi-bin/CCforum/board.cgi
Forum Name: ThE LoveR
Topic ID: 245289
#0, ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by หมอผี on 22-Apr-23 at 08:18 PM
คนเกาหลี อันดับการฆ่าตัวตายอันดับ1ของเอเชีย และอันดับต้นของโลกก็จริง
แต่มันคือการขี้ขลาด อ่อนแอ ในการที่หลายคนจะลงเอยด้วยการผูกคอ แขวนคอตาย

แต่ในอันดับเกือบ15 ของโลกอย่างญี่ปุ่น หลายคน ใจเด็ดคือ คว้านท้อง และกระโดดให้รถไฟชนจนตาย กระโดดตึก

ยอมในความใจเด็ด ของคนญี่ปุ่น ที่ไม่มีความกลัว แม้แต่คนชาติไหนที่ ฆ่าตัวตายก็ใจเด็ดสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้ ในการกระทำอันน่ากลัวและ โหด
ยังเคยดูข่าว ดูหนังที่ นักเรียนกว่า60คน พร้อมใจกระโดดรถไฟ มันเป็นอะไรที่สยองมากๆ

เกาหลีอันดับฆ่าตัวตายสูงที่1ของเอเชีย แต่ละคนก็จบชีวิตได้อย่างสวยงาม แพทเทิร์นเดียวกันหมด แต่สังคมญี่ปุ่นคือแตกต่างมาก น่ากลัว และใจเด็ดเป็นอันดับ1ของเอชีย หรือของโลกด้วย


#1, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by นมปลอม on 22-Apr-23 at 11:36 PM
In response to message #0
ไปค้นมาแล้ว บ้างก็ว่าอันดับ 1 คือเลโซโท บ้างก็ว่าคาซักสถาน ที่ฆ่าตัวตายเยอะสุด

#2, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ค่ะ on 22-Apr-23 at 11:52 PM
In response to message #1
สุขภาพจิตกับความเป็นอยู่ที่ดีทางสังคมนั้นสัมพันธ์กัน
ดังนั้นอัตราของผู้ป่วยซึมเศร้านั้นจะเพิ่มมากขึ้นตามอัตราของความเสื่อมของสังคม

ยิ่งสังคมเหลื่อมล้ำมากขึ้นเท่าไรก็จะมีผู้คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น

หรือคิดในแบบสังคมวิทยา หรือในแบบ common sense เลย ยิ่งสังคมเหลื่อมล้ำมากเท่าไร ก็อาจมีความเครียดมากขึ้น

คนเครียดมากขึ้น เพราะคนข้างล่างก็รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมชีวิตได้ แล้วก็รู้สึกไร้ค่า

แล้วก็ในสังคมที่เหลื่อมล้ำ คนทุกคนก็อาจกังวลกับสถานะตัวเอง พวกชนชั้นนำก็คอยกังวลว่า คนที่อยู่ชั้นล่างนั้นยกย่องตัวเองหรือเปล่า เคารพตัวเองหรือเปล่า

หรือในสังคมที่เหลื่อมล้ำนั้นก็อาจหมายความว่า คนต้องคอยแข่งขันและเปรียบเทียบกันและกันตลอดเวลา ฉันสูงกว่าเขาหรือเปล่า เขาสูงกว่าฉันแค่ไหน

หรือไม่ก็ถ้าสังคมมันเครียดมาก คนแข่งขันมาก ก็อาจมีคนจำนวนหนึ่งที่ถอนตัวออกจากสังคม เพราะมันไม่ไหวแล้ว ต่อสู้ไม่ไหวแล้ว มันเครียดเกินไป จบชีวิตตัวเอง บางรายอาจไปติดสารเสพติด ติดเหล้า เพื่อทำให้รับมือกับความเครียดหรือความกังวลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

มองง่ายๆ มันก็สร้างความเชื่อมโยงได้ไม่ยากว่า ยิ่งสังคมเหลื่อมล้ำเท่าไรก็ยิ่งมีอัตราของผู้ที่เป็นผู้ป่วยซึมเศร้ามากขึ้นด้วย


#3, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ทาทา ยัง on 23-Apr-23 at 03:07 AM
In response to message #2
ตอแหลนะคะ ว่าสังคมเหลื่อมล้ำ คนจะซึมเศร้าฆ่าตัวตาย เกาหลีใต้นี่ลดความเหลื่อมล้ำลงเยอะแล้ว

ประเทศนอร์ดิกก็ลดความลดความเหลื่อมล้ำลงเยอะ แต่คนก็ยังฆ่าตัวตายมาก

สังคมเหลื่อมล้ำเป็นผู้ร้ายตัวจริง หรือเป็นเหยื่อที่ถูกใส่ร้ายคะ ไม่คิดว่าเหยื่อตัวจริง คือการเก็บภาษีเหรอคะ ที่อ้างว่าลดความเหลื่อมล้ำ

มันทำให้คนขาดอิสระ เป็นหนี้ที่รอจ่ายรัฐบาลทุกปี อย่างไม่มีวันพ้นสภาพการเป็นลูกหนี้ แค่คิดก็หดหู่แล้วว่าชีวิตเหมือนติดคุก ขาดอิสระ ใช้เงินตามใจไม่ได้ เพราะเป็นหนี้รัฐบาลเขาอยู่

กลับกันนะคะ ประเทศที่ไม่เก็บภาษีเงินได้ประชาชนเช่น แอนติกาและบาบูดา มีอัตราการฆ่าตัวตายน้อยสุดในโลก

The world's lowest suicide rates are in the following countries:

Antigua and Barbuda

https://worldpopulationreview.com/country-rankings/suicide-rate-by-country

เพราะคนไม่ต้องเครียดเรื่องหาเงินมาจ่ายรัฐบาลทุกปี ไม่ได้มีสถานะเป็นลูกหนี้ถาวรของรัฐ ส่งผลให้มีความสุข

กะเทยมินเนี่ยนทาสอำนาจรัฐไปโยนขี้ใส่ความเหลื่อมล้ำเฉย ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ ที่จะอิจฉาคนรวยจนเก็บมาซึมเศร้าฆ่าตัวตาย ไร้สาระ


#4, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ตรรกะ เด็กอนุบาล แถข้างๆ คูๆ on 23-Apr-23 at 05:20 AM
In response to message #3
ซึมเศร้าเพราะจ่ายภาษีรัฐเนี่ย ขายขำป่ะคะ 555555555555555

เงินจ่ายภาษีรัฐเท่าแตดมด เทียบไม่ได้กับเงินที่มึงต้องมีใช้ชีวิตในแต่ละวัน และทั้งชีวิตมึงเลย

เพิ่งรู้ว่าการหาเงินจ่ายภาษี มีรัฐสวัสดิการ แล้วทำให้คนทั้งสังคมเข้าถึงโอกาส เรียนฟรี รักษาฟรี มี UBI ช่วยเหลือ แม้ตอนไม่ได้ทำงาร มันเครียดกว่าการไม่มีไม่สามารถเข้าถึงแม้แต่โอกาสทางการเรียน ไม่มีเงินเรียน ไม่มีเงินแดก ไม่มีเงินรักษาสุขภาพ เหลื่อมล้ำ อีสัส

โง่อีเหี้ย


#5, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by สาวเสื้อกาวน์ 18 ดินสีแดงศรีแห่งเมือง on 23-Apr-23 at 05:29 AM
In response to message #4
การมีชีวิตอยู่แล้วไร้ค่า ไร้เกียรติ ล้มเหลว ก็สมควรจะฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอคะ อ่อนแอก็แพ้ไป รุ่นดิฉัน มีกระเทยโง่ตัวนึง เรียนตกทั้งเม็ด ออโท ศัลย์ สุดท้ายนางก็ลาออก แล้วฆ่าตัวตายค่ะ สมัยเรียน เพื่อนเพื่อนก็รักนางนะ เพื่อนวอร์ดเดียวกัน กับต่างวอร์ด ก็รุมบุลลี่ เพราะต้องการให้นางมีภูมิคุ้มกัน เพื่อนเล่าว่า เคยด่านางว่า อีควายบัฟฟาโล่กลางวอร์ดศัลย์ นางร้องไห้เดินหนีเลย อ่อนแอมาก โง่ด้วย ก็สมควร อย่าให้ความสงสารแก่คนพวกนี้เลยค่ะ บอกตรง อยู่แบบ loser ช้ำใจหนักมาก +++++++5555555555

#8, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by เห็นด้วย on 23-Apr-23 at 06:08 AM
In response to message #5
>การมีชีวิตอยู่แล้วไร้ค่า ไร้เกียรติ ล้มเหลว
>ก็สมควรจะฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอคะ อ่อนแอก็แพ้ไป รุ่นดิฉัน
>มีกระเทยโง่ตัวนึง เรียนตกทั้งเม็ด ออโท ศัลย์
>สุดท้ายนางก็ลาออก แล้วฆ่าตัวตายค่ะ สมัยเรียน
>เพื่อนเพื่อนก็รักนางนะ เพื่อนวอร์ดเดียวกัน กับต่างวอร์ด
>ก็รุมบุลลี่ เพราะต้องการให้นางมีภูมิคุ้มกัน เพื่อนเล่าว่า
>เคยด่านางว่า อีควายบัฟฟาโล่กลางวอร์ดศัลย์
>นางร้องไห้เดินหนีเลย อ่อนแอมาก โง่ด้วย ก็สมควร
>อย่าให้ความสงสารแก่คนพวกนี้เลยค่ะ บอกตรง อยู่แบบ loser
>ช้ำใจหนักมาก +++++++5555555555


จริงค่ะ 10 10 10

เห็นด้วย อ่อนแอก็แพ้ไป เพราะทุนนิยมากับความคิดความเชื่อที่ว่าชนชั้นในการเปลี่ยนแปลงสังคมมันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว ทุนเป็นคำตอบสุดท้าย โครงสร้างทางการเมืองหรือโครงสร้างทางสังคมใดๆ ที่เน้นการปลดปล่อยหรือการปลดแอก ความเท่าเทียม ไม่สำคัญ ถ้าชนชั้นทางสังคมไม่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน มันก็กลายเป็นเรื่องของแต่ละคน มึงต้องรับผิดชอบตัวเองไปเต็มๆ เพราะโครงสร้างทางสังคมไม่ได้มีผลต่อชีวิตมึง จัดการไม่ได้ ก็ตายไปซะ กรั่กๆๆๆ

ทุนนิยมที่ถูกต้อง มันก็สอนแบบนี้ ให้คนมีความคิดในการโทษตัวเอง ฉันล้มเหลวในชีวิตเพราะตัวฉันเองเท่านั้น ฉันไม่ดีพอ วาสนาชั้นไม่ดี เกิดมาจน เกิดมาไม่สวย เกิดมาไม่เก่ง เกินมาในมดลูกที่ไม่ปัง สุดท้ายเก็บกด และฆ่าตัวตาย

น่าเสียดายที่ลัทธิแนวคิดทุนนิยม ทำให้คนเหล่านั้นอาจลืมคิดไปว่า พวกเขาเป็นเหยื่อของสังคมทุนนิยม เหยื่อของโครงสร้างทางสังคมที่กดทับพวกเขาอยู่

มนุษย์มันคือสัตว์สังคม ไม่มีหรอกปัญหาส่วนตัว ปัญหาส่วนตัวที่เราเจอ ก็เพราะเราต้องไปเกี่ยวพันกันคนอื่นในสังคมอยู่ดี

คนรวยได้ ก็ต้องมีคนที่จนกว่าตัวเอง คนได้ประโยชน์ ก็เพราะคนอื่นเสียประโยชน์ ทุกอย่างมันเชื่อมโยงถึงกันหมด

ทุนนิยมเติบโตได้ เพราะมีคนในสังคมสนับสนุนทำให้มันโต แต่พอเกิดปัญหา กลับโทษให้ว่า ปัญหาของแต่ละคนเอง อ่อนแอก็แพ้ไป เริ่ดๆ

ตาสว่างมาก ตอนนี้

10 10 10


#9, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by สาวเสื้อกาวน์ 18 on 23-Apr-23 at 06:21 AM
In response to message #8
>>การมีชีวิตอยู่แล้วไร้ค่า ไร้เกียรติ ล้มเหลว
>>ก็สมควรจะฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอคะ อ่อนแอก็แพ้ไป รุ่นดิฉัน
>>มีกระเทยโง่ตัวนึง เรียนตกทั้งเม็ด ออโท ศัลย์
>>สุดท้ายนางก็ลาออก แล้วฆ่าตัวตายค่ะ สมัยเรียน
>>เพื่อนเพื่อนก็รักนางนะ เพื่อนวอร์ดเดียวกัน กับต่างวอร์ด
>>ก็รุมบุลลี่ เพราะต้องการให้นางมีภูมิคุ้มกัน เพื่อนเล่าว่า
>>เคยด่านางว่า อีควายบัฟฟาโล่กลางวอร์ดศัลย์
>>นางร้องไห้เดินหนีเลย อ่อนแอมาก โง่ด้วย ก็สมควร
>>อย่าให้ความสงสารแก่คนพวกนี้เลยค่ะ บอกตรง อยู่แบบ loser
>>ช้ำใจหนักมาก +++++++5555555555
>
>
>จริงค่ะ 10 10 10
>
>เห็นด้วย อ่อนแอก็แพ้ไป
>เพราะทุนนิยมากับความคิดความเชื่อที่ว่าชนชั้นในการเปลี่ยนแปลงสังคมมันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว
>ทุนเป็นคำตอบสุดท้าย
>โครงสร้างทางการเมืองหรือโครงสร้างทางสังคมใดๆ
>ที่เน้นการปลดปล่อยหรือการปลดแอก ความเท่าเทียม ไม่สำคัญ
>ถ้าชนชั้นทางสังคมไม่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน
>มันก็กลายเป็นเรื่องของแต่ละคน มึงต้องรับผิดชอบตัวเองไปเต็มๆ
>เพราะโครงสร้างทางสังคมไม่ได้มีผลต่อชีวิตมึง จัดการไม่ได้
>ก็ตายไปซะ กรั่กๆๆๆ
>
>ทุนนิยมที่ถูกต้อง มันก็สอนแบบนี้
>ให้คนมีความคิดในการโทษตัวเอง
>ฉันล้มเหลวในชีวิตเพราะตัวฉันเองเท่านั้น ฉันไม่ดีพอ
>วาสนาชั้นไม่ดี เกิดมาจน เกิดมาไม่สวย เกิดมาไม่เก่ง
>เกินมาในมดลูกที่ไม่ปัง สุดท้ายเก็บกด และฆ่าตัวตาย
>
>น่าเสียดายที่ลัทธิแนวคิดทุนนิยม
>ทำให้คนเหล่านั้นอาจลืมคิดไปว่า
>พวกเขาเป็นเหยื่อของสังคมทุนนิยม
>เหยื่อของโครงสร้างทางสังคมที่กดทับพวกเขาอยู่
>
>มนุษย์มันคือสัตว์สังคม ไม่มีหรอกปัญหาส่วนตัว
>ปัญหาส่วนตัวที่เราเจอ
>ก็เพราะเราต้องไปเกี่ยวพันกันคนอื่นในสังคมอยู่ดี
>
>คนรวยได้ ก็ต้องมีคนที่จนกว่าตัวเอง คนได้ประโยชน์
>ก็เพราะคนอื่นเสียประโยชน์ ทุกอย่างมันเชื่อมโยงถึงกันหมด
>
>ทุนนิยมเติบโตได้ เพราะมีคนในสังคมสนับสนุนทำให้มันโต
>แต่พอเกิดปัญหา กลับโทษให้ว่า ปัญหาของแต่ละคนเอง
>อ่อนแอก็แพ้ไป เริ่ดๆ
>
>ตาสว่างมาก ตอนนี้
>
>10 10 10

ชอบความคิดคุณมากค่ะ เคยโพสต์แบบนี้ แล้วเจอถล่ม หาว่าไร้น้ำใจ ชอบดูถูก ทั้งที่ไม่รู้จักดิฉัน เพราะเข้าวัด ทำบุญตลอดและเป็นคนให้โอกาสคนเสมอมา ส่วนเรื่องจิกกัดบุลลี่ ทำค่ะ บ่อยด้วย เพื่อนดิฉันก็ทำ รุ่นดิฉัน ตายไปสองคน เพราะอ่อนแอ การบุลลี่ทำให้คนสตรองขึ้น นัน่นคือความหวังดี ไม่ได้หวังร้าย เวลาเห็นคนอ่อนแอ การบุลลี่จะทำให้เขาสตรองขึ้น ถ้าไม่สตรอง เลือกที่จะจบชีวิต ก็เข้าข่ายอ่อนแอก็แพ้ไปนะคะ


#6, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ค่ะ on 23-Apr-23 at 05:47 AM
In response to message #3
>ตอแหลนะคะ ว่าสังคมเหลื่อมล้ำ คนจะซึมเศร้าฆ่าตัวตาย
>เกาหลีใต้นี่ลดความเหลื่อมล้ำลงเยอะแล้ว
>
>ประเทศนอร์ดิกก็ลดความลดความเหลื่อมล้ำลงเยอะ
>แต่คนก็ยังฆ่าตัวตายมาก
>
>สังคมเหลื่อมล้ำเป็นผู้ร้ายตัวจริง
>หรือเป็นเหยื่อที่ถูกใส่ร้ายคะ ไม่คิดว่าเหยื่อตัวจริง
>คือการเก็บภาษีเหรอคะ ที่อ้างว่าลดความเหลื่อมล้ำ
>

อีแก่นี้ ความคิดพิลึก พิลั่น คิดอะไรกลวงๆ รู้งูๆ ปลาๆ แล้วสำรอกความโง่ออกมา

อย่างแรกเลยนะคะ เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในบรรดาประเทศรายได้สูง

อย่างที่สอง กลุ่มนอร์ดีก ฆ่าตัวตายสูง เพราะโรคซึมเศร้า ต่อประชากรค่ะ เรตมันเลยดูเหมือนสูง เพราะประชากรเขาน้อย ฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้า ซึ่งเขาป่วย เป็นโรคนี้ ไม่เหมือนกับการฆ่าตัวตายที่มาจากปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหากฎหมาย ปัญหาสิทธิมนุษยชน เหมือนในประเทศฝั่งเอเชียนะค้าาา ไปอ่านรายงานเขาให้ละเอียด ไม่ใช่รู้แต่ผิวๆ แล้วพูดหีแตดไปเรื่อยอีแก่


กลับมาที่เกาหลีนะคะ เกาหลีใต้มีปัญหาความเหลื่อมล้ำมากค่ะ ไม่ใช้น้อยๆ แต่เศรษฐกิจเขาดี มีการกระจายรายได้ที่ดี แต่การผูกขาดของบริษัทแชโบลก็ยังคงรุนแรงอยู่ จนเหลื่อมล้ำในบางมิติ ตอนนี้ ที่เจอหนักคือ เกาหลีใตักำลังเจอปัญหาไม่สามารถผลิตคนรวยหน้าใหม่ได้ ทั้งๆที่มีคนเก่งล้นประเทศ เด็กเกาหลีจบใหม่ พยายามแล้ว พยายามอีก ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จ ไม่สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะถูกพวกแชโบลกดไว้ กีกกันในหลายด้าน เกาหลีใต้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ที่แทบไม่สามารถผลิต start-up ใหม่ๆได้เลย เพราะเศรษฐกิจถูกผูกขาดกับกลุ่มเอชโบล 77%

สร้างความเหลื่อมล้ำ จนคนเกาหลีรุ่นใหม่หลายคน มีความรู้ ความสามารุแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งตัวไม่ได้ เพราะถูกครองด้วยทุนใหญ่ทั้งหมด


มีศัพท์ที่ใช้เฉพาะกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า “เอ็นโพเจเนอเรชั่น” (N-po Generation) โดย N เป็นสัญลักษณ์แทน จำนวนที่มากมายไม่สิ้นสุด (Infinity) และ po เป็นคำในภาษาเกาหลีที่หมายถึง การยอมแพ้ รวมแล้วจึงหมายถึง การยอมแพ้ในทุกๆ เรื่อง

จนหลายคนเลือกจบชีวิจลง ทั้งๆ ที่เก่ง มีความสามารถ แต่ไม่มีโอากาส ไม่มีพื้นที่ จนถูกคนหนุ่มสาวเกาหลี เรียกประเทศตัวเองว่า นรกโชซอน

ไม่ก็พากันย้ายออกไปอยู่ ออสเตรเลีย แคนาดา อเมริกา กัน รัวๆ

หัดศึกษาอะไรให้มันละเอียดบ้างนะคะ ค่อยพล่ามค่ะ มันดูโง่


#7, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by นรกโซช็อน on 23-Apr-23 at 05:52 AM
In response to message #6
คนหนุ่มสาวเกาหลีต้องเจอมาตั้งแต่วัยเยาว์ คือ การต่อสู้ทางการศึกษา พวกเขาต้องเรียนอย่างหนัก นักเรียนมัธยมปลายบางคนต้องใช้เวลาไปกับการเรียนถึง 14 ชั่วโมง

เหตุผลเบื้องหลัง คือ การเชื่อว่าการศึกษาจะสามารถขยับฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจได้ ซึ่งพวกเขาต้องสอบ “ซูนึง” (수능 หรือการทดสอบความสามารถด้านการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่จัดสอบเพียง 1 ครั้งต่อปี โดยต้องทำคะแนนที่สูงพอให้ตัวเองสามารถเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับ

อย่างไรก็ดี การต่อสู้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัย พวกเขายังจำเป็นต้องเรียนอย่างหนักให้จบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดี เพื่อให้สามารถเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำ ที่เกือบทั้งหมดเป็นบริษัทกลุ่มแชบอล

ข้อมูลจากกระทรวงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ (Ministry of SMEs and Startups) เกาหลีใต้ พบว่า บริษัทใหญ่มีสัดส่วนเพียง 1% และจ้างงานคิดรวมแล้วอยู่ที่ 17% ของการจ้างงานทั้งหมด ทำให้การเข้าทำงานในบริษัทเหล่านี้มีอัตราการแข่งขันที่สูงมาก

ถึงกระนั้นต่อให้ทำสำเร็จ แต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในโซลที่สูงลิ่วก็ได้กดดันให้พวกเขาต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขามีเงินเก็บมากพอที่จะสามารถซื้อบ้านหรืออพาร์ทเมนต์ในกรุงโซลได้

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเว็บไซต์ Statista แสดงค่าเฉลี่ยราคาที่อยู่อาศัยในโซล อาทิ บ้าน ตึกแถว และอพาร์ทเมนต์ อยู่ที่ 869 ล้านวอน และจากค่าแรงขั้นต่ำล่าสุดของเกาหลีใต้ที่ 8,720 วอนต่อชั่วโมง หรือประมาณเดือนละ 1.4 ล้านวอน พบว่า ต้นทุนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในโซลสูงกว่าเงินเดือนขั้นต่ำกว่า 620 เท่า จึงเป็นเรื่องยากมากที่คนหนุ่มสาววัยเริ่มทำงานจะสามารถซื้อบ้านหรืออพาร์ทเมนต์ในโซลได้

ในปี 2019 ซีรีส์เกาหลี เรื่อง “Stranger From Hell” ก็ได้มีสอดแทรกปัญหาเรื่องที่พักอาศัยราคาแพงในโซล จนเป็นเหตุให้ตัวเอกของเรื่องต้องตัดสินใจไปอยู่ในที่พักความปลอดภัยต่ำแต่ราคาถูก และแม้จะเจอเรื่องแปลกประหลาดตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ แต่ก็ยังต้องจำทนเพื่อให้สามารถอยู่ในโซลด้วยต้นทุนที่ต่ำต่อไปได้

ในปีเดียวกันนั้น ภาพยนต์รางวัลออสการ์ “Parasite” ก็ได้ตีแผ่การใช้ชีวิตของคนที่มีรายได้ต่ำในเกาหลีใต้ การต้องอาศัยอยู่บ้านกึ่งใต้ดิน หรือที่เรียกกันว่า “พันจีฮา” เพราะมีราคาถูก แต่คุณภาพชีวิตก็ต่ำตามราคา ซึ่งบ่มเพาะให้เกิดเป็นปัญหาสังคมในเกาหลีใต้

เงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อไขว่คว้าชีวิตที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าพวกเขาจะเจอกับความยากลำบากและความกดดันมามากมาย สุดท้ายเลยเกิดเป็นกระแส “นรกโชซ็อน” ที่เริ่มต้นราวปี 2015

คำนี้สื่อถึง โชซ็อนหรือราชวงค์สุดท้ายของเกาหลี ยุคสมัยซึ่งเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรม การใช้คำดังกล่าวจึงแสดงถึงการดำเนินชีวิตในเกาหลีใต้ที่ไม่ต่างอะไรกับนรก และยังสื่อถึงความก้าวถอยหลังของประเทศอีกด้วย สอดคล้องกับผลสำรวจ พบว่า 75% ของประชากรเกาหลีใต้ที่มีอายุ 19-34 ปี ต้องการที่จะย้ายออกจากประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีนี้ ความเคลื่อนไหวของกระแส “นรกโซช็อน” เริ่มเจือจางลงซึ่งเป็นความพยายามของรัฐบาลที่นำโดยนายกฯ มุน แจอิน ซึ่งพยายามแก้ไขปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ และมีความคาดหวังจากประชาชนว่าจะสามารถปฏิรูปกลุ่มแชบอลได้

ถึงกระนั้น ความเหลื่อมล้ำนี้ยังคงดำเนินอยู่ และนรกสำหรับหนุ่มสาวชาวเกาหลีใต้ที่ว่าก็ยังไม่ได้หายไปแต่อย่างใด


#10, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ทาทา ยัง on 23-Apr-23 at 06:28 AM
In response to message #7
ก็เห็นอีแก่พูดไว้หลายอย่างในกระทู้

https://www.palm-plaza.com/CCforum/DCForumID3/243543.html?39

Samsung รวยและยิ่งใหญ่คับโลกกว่า CP เป็นสิบเท่า บริษัทรวย แต่เจ้าของเขาถือครองทรัพย์สินน้อยมาก น้อยกว่า CP ซะอีก เพราะฉะนั้น สลิ่มจะมาบอกว่า พวกแชโบล เหมือน เจ้าสัว หน้าเลือดในไทยไม่ได้ค่ะ ต่างกันราวฟ้ากับเหว แชลโบวแม่งทำเพื่ประเทศชาติของจริง ทำเพื่อส่วนรวม ปฎิรูปตัวเองให้ประเทศชาติ กระจายความเจริญ กระจายความมั่งคั่งในสังคม เกาหลีใต้เขาปฎิรูปที่ดิน ปฎิรูปภาษีมรดก กันมาหมดแล้ว
กะลาแลนด์ไม่เคยทำเหี้ยไรสักอย่าง ยุคหลังรัฐบาบเผด็จการทหารยังสนับสนุนการผูกขาดด้วย คอรัปชั่นให้นายทุนหนุนตัวเอง อุบาทว์ชาติชั่ว อีกบ้านชาติ กะลาแลนด์ก็ไม่มีวันเจริญค่ะ

แชลโบ ของเกาหลี เขาปฎิรูปจนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
รัฐบาลเขาใช้กลไกกระจายรายได้จากคนรวยออกมาสู่คนจน ทำให้เกาหลีใต้มีชนชั้นกลาง เป็นประชากรหลักของประเทศได้สำเร็จ

อีกประเทศก็คือญี่ปุ่น นี่เขาก็มีไซบัทซึ แต่ตอนนี้ถูกปฎิรูปให้เป็นแค่ เคเรตซึ

สถานการณ์ไทยใกล้เคียงสุดคือ รัสเซีย อินเดีย โน้นจ้ะ

เจ้าสัวไทยควรเอาไปเทียบกับพวกโอลิกาช ฃของรัสเซียมากกว่า ไม่ก็พวกเศรษฐีในพม่า ที่กินรวบและฮั้วกับพรรคการเมืองทหาร กองทัพ ไรแบบนั้น

ไปหาอ่านเรื่องโอลิกาช ของรัสเซียนะ

เคยตั้งคำถามไหมอ่ะ ทำไมบริษัทซัมซุงซึ่งรวยกว่าบริษัทซีพีเป็นร้อยเท่า แต่ทำไมตระกูลลี เจ้าของซัมซุง กลับไม่ได้รวยกว่าตระกูลเจียไต๋ เจ้าของซีพีของไทย?
ทำไมคนรวยในไทยรวยล้นฟ้า รวยหน้าเดิมๆ คนชนชั้นปานกลางน้อย คนจนมากที่สุด

ทำไมช่องว่างคนรวยและคนจนในไทย มันถึงห่างออกจากกันมากเหลือเกิน เคยมีคำถามแบบนี้อยู่ในหัวกันบ้างไหม?

เกาหลีใต้เขากระจายรายได้ กระจายความเจริญจากคนรวย ไปสู่คนในสังคม ทำให้คนเกาหลีในภาพรวมกินดีอยู่ดี รายได้สูงไปพร้อมๆ กัน

ซัมซุงมีขนาดธุรกิจ 288.9 แสนล้านดอลลาห์ เจ้าของซัมซุงกลับมีทรัพย์สินแค่ 2.09 หมื่นล้านดอลลาห์

แถมเสียชีวิตก็ต้องเสียภาษีมรดกอัตรา 50% ล่าสุดประกาศมาว่าหมื่นกว่าล้านดอลลาห์หรือมากกว่าสามแสนล้านบาท ที่ต้องจ่าย ซึ่งก็คือคนรวยต้องจ่ายเงินคืนสู่สังคมมหาศาลมาก ซึ่งในไทยไม่เคยจัดการภาษีมรดกคนรวยจริงจังแบบเกาหลีใต้

ถ้าจะทำมองแค่ว่า ซีพี เหมือนซัมซุง ก็ไม่ควรเพียงแค่สนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ด้านนโยบายแต่ก็ต้องให้กลุ่มธุรกิจตอบแทนสังคมเหมือนที่เกาหลีใต้เขาทำด้วย คือการลดขนาดสัดส่วนความเป็นเจ้าของกิจการลง เพื่อให้รายได้กระจายไปหลายส่วน ไม่เก็บความมั่งคั่งไว้กับพวกตัวเองจนหมด เพราะการกระจายรายได้จะเพิ่มการบริโภคลดความเหลื่อมล้ำ และมีการจัดเก็บภาษีมรดกอย่างที่เกาหลีใต้ทำด้วย ประเทศเกาหลี เขาสนับสนุนแชลโบ ก็เพื่อมาช่วยพยุงประเทศ พัฒนาชีวิตคนในประเทศ ไม่ใช่ร่ำรวยกับแต่นายทุน ศักดินา นักการเมือง ทหาร อยู่กลุ่มพวกนี้ แบบไทยนะ

นี่แค่ตัวอย่างๆหนึ่ง ยังมีในอีกหลายมิติในสังคม ดูเผินๆไทยเหมือนจะมีแชโบลแบบเกาหลีใต้ แต่การจัดการไทยไม่เหมือน ไม่โปร่งใส และยุติธรรมแบบเกาหลี ญี่ปุ่น

ของไทย นายทุน ทหาร รัฐบาล มันร่วมหัวกันคอรัปชั่น มาทุกยุคทุกสมัย คนไทยฐานรากไม่เคยถูกช่วยเหลือ โอกาสไม่เคยไปถึงเหมือนเดิม เกาหลีใต้เขากระจายรายได้ กระจายความเจริญจากคนรวย ไปสู่คนในสังคม ทำให้คนเกาหลีในภาพรวมกินดีอยู่ดี รายได้สูงไปพร้อมๆ กัน

ซัมซุงมีขนาดธุรกิจ 288.9 แสนล้านดอลลาห์ เจ้าของซัมซุงกลับมีทรัพย์สินแค่ 2.09 หมื่นล้านดอลลาห์

แถมเสียชีวิตก็ต้องเสียภาษีมรดกอัตรา 50% ล่าสุดประกาศมาว่าหมื่นกว่าล้านดอลลาห์หรือมากกว่าสามแสนล้านบาท ที่ต้องจ่าย ซึ่งก็คือคนรวยต้องจ่ายเงินคืนสู่สังคมมหาศาลมาก ซึ่งในไทยไม่เคยจัดการภาษีมรดกคนรวยจริงจังแบบเกาหลีใต้

ถ้าจะทำมองแค่ว่า ซีพี เหมือนซัมซุง ก็ไม่ควรเพียงแค่สนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ด้านนโยบายแต่ก็ต้องให้กลุ่มธุรกิจตอบแทนสังคมเหมือนที่เกาหลีใต้เขาทำด้วย คือการลดขนาดสัดส่วนความเป็นเจ้าของกิจการลง เพื่อให้รายได้กระจายไปหลายส่วน ไม่เก็บความมั่งคั่งไว้กับพวกตัวเองจนหมด เพราะการกระจายรายได้จะเพิ่มการบริโภคลดความเหลื่อมล้ำ และมีการจัดเก็บภาษีมรดกอย่างที่เกาหลีใต้ทำด้วย ประเทศเกาหลี เขาสนับสนุนแชลโบ ก็เพื่อมาช่วยพยุงประเทศ พัฒนาชีวิตคนในประเทศ ไม่ใช่ร่ำรวยกับแต่นายทุน ศักดินา นักการเมือง ทหาร อยู่กลุ่มพวกนี้ แบบไทยนะ

นี่แค่ตัวอย่างๆหนึ่ง ยังมีในอีกหลายมิติในสังคม ดูเผินๆไทยเหมือนจะมีแชโบลแบบเกาหลีใต้ แต่การจัดการไทยไม่เหมือน ไม่โปร่งใส และยุติธรรมแบบเกาหลี ญี่ปุ่น

ของไทย นายทุน ทหาร รัฐบาล มันร่วมหัวกันคอรัปชั่น มาทุกยุคทุกสมัย คนไทยฐานรากไม่เคยถูกช่วยเหลือ โอกาสไม่เคยไปถึงเหมือนเดิม

****

สรุปนะคะ กูไม่สนใจเรื่องเหลื่อมล้ำหีแตดหีคันอะไรนั่น

แต่กูยังยืนยันว่า การเก็บภาษีเป็นอาชญากรรมที่รัฐถือสิทธิอันไม่ชอบธรรมในการไปกรรโชกทรัพย์ประชาชน

ทำให้คนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ หรืออยากมีลูก ส่งผลให้อัตราเจริญพันธุ์ของเกาหลีใต้ต่ำที่สุดในโลก และญี่ปุ่นก็มี

จำนวนประชากรติดลบมากที่สุดในโลก หายไปวันละ พันห้า ปีละ ห้าแสน และยังเป็นสาเหตุสำคัญในการย้าย

ออกของคนนอร์เวย์ ทั้งฆ่าตัวตาย คนหยุดมีลูก ย้ายออก ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเก็บภาษี โดย

เฉพาะภาษีรายได้ และภาษีทรัพย์สิน(ที่ดิน รถ)

นี่ค่ะ ข่าวคนนอร์เวย์ย้ายออกนอกประเทศ หนีภาษี

https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/194212

มหาเศรษฐีนอร์เวย์แห่ย้ายประเทศ หลังมีการปรับขึ้นภาษีคนรวย

6.5k
แชร์ :


หลังรัฐบาลนอร์เวย์ขึ้นภาษีความมั่งคั่ง หรือภาษีคนรวย ก็ทำให้มหาเศรษฐีในประเทศพากันย้ายออกไปอยู่ประเทศที่เก็บภาษีน้อยกว่า
“นอร์เวย์” เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่าเก็บภาษีแพงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อแลกมากับสวัสดิการสาธารณะและคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ล่าสุดหลังรัฐบาลนอร์เวย์มีมติขึ้นภาษีความมั่งคั่ง หรือภาษีคนรวย เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ก็ทำให้มหาเศรษฐีในประเทศพากันย้ายออกมากเป็นประวัติการณ์ โดยย้ายไปอยู่ประเทศที่เก็บภาษีต่ำกว่าแทน

หนังสือพิมพ์ Dagens Naeringsliv รายงานว่า มีมหาเศรษฐีชาวนอร์เวย์มากกว่า 30 คนย้ายออกจากประเทศในปี 2022 ที่ผ่านมา

ตัวเลขดังกล่าว ถือว่ามากกว่าจำนวนคนรวยทั้งหมดที่เดินทางออกจากประเทศในช่วง 13 ปีที่ผ่านมารวมกันเสียอีก และคาดว่าในปีนี้จะมีมหาเศรษฐีอีกจำนวนมากที่จะออกจากนอร์เวย์เนื่องจากการขึ้นภาษีความมั่งคั่ง ทำให้รัฐบาลน่าจะสูญเสียรายรับจากเงินภาษีไปมหาศาล
ตามกฎหมายนอร์เวย์ เศรษฐีที่ร่ำรวยจะต้องเสียภาษีความมั่งคั่ง 2 ต่อ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับรัฐ ประกอบด้วยภาษีเทศบาล 0.7% สำหรับสินทรัพย์ที่มีมุลค่าเกิน 1.7 ล้านโครน (5.5 ล้านบาท) สำหรับบุคคลธรรมดา หรือ 3.4 ล้านโครน (11 ล้านบาท) สำหรับผู้ที่มีคู่สมรส
นอกจากนี้ยังมีอัตราภาษีความมั่งคั่งในระดับรัฐอีก 0.3% สำหรับสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.7 ล้านโครน และได้เพิ่มอัตราภาษีความั่งคั่งของรัฐเป็น 0.4% สำหรับสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านโครน (65 ล้านบาท) สำหรับบุคคลธรรมดา และ 40 ล้านโครน (131 ล้านบาท) สำหรับคู่รัก ทำให้เศรษฐีอาจต้องเสียภาษีความมั่งคั่งสูงสุดที่ 1.1%
มหาเศรษฐีนอร์เวย์หลายคนเลือกที่จะย้ายไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเรียกเก็บภาษีคนรวยน้อยกว่า หนึ่งในนั้นคือ เชลล์ อินเก ร็อกเก มหาเศรษฐีวัย 64 ปี ผู้เดิมทีเป็นชาวประมง แต่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมจนประสบความสำเร็จ โดยเขาย้ายไปอยู่ที่เมืองลูกาโนของสวิตเซอร์แลนด์

ร็อกเกเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 ของนอร์เวย์ มีทรัพย์สินประมาณ 1.96 หมื่นล้านโครน (6.4 หมื่นล้านบาท) เขากล่าวว่า “ผมเลือกลูกาโนเป็นที่พักอาศัยใหม่ของผม มันไม่ใช่ที่ที่ถูกที่สุดหรือเก็บภาษีที่ต่ำที่สุด แต่เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในทำเลใจกลางเมืองของยุโรป”
การย้ายประเทศของร็อกเกจะทำให้นอร์เวย์สูญเสียรายได้จากภาษีไปประมาณ 175 ล้านโครน (ราว 573 ล้านบาท) ต่อปี สื่อ Dagens Næringsliv คำนวณว่า นับตั้งแต่ปี 2008 เขาจ่ายภาษีไปแล้วประมาณ 1.5 พันล้านโครน (4.9 พันล้านบาท)

ด้าน โอเล เยมส์-ออนสตัด ศาสตราจารย์กิตติคุณแห่งวิทยาลัยธุรกิจนอร์เวย์ ประเมินว่า เศรษฐีที่ย้ายออกจากนอร์เวย์ไปนี้ มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 6 แสนล้านโครน (1.96 ล้านล้านบาท)
ขณะที่ เออร์เลนด์ กริมสตัด รัฐมนตรีกระทรวงการคลังนอร์เวย์ บอกว่า เขาหวังว่าเศรษฐีชาวนอร์เวย์จะกลับมา
“หากคุณประสบความสำเร็จและร่ำรวยในนอร์เวย์ เราหวังว่าคุณจะอยู่และมีส่วนร่วมในสังคมนอร์เวย์ต่อไป เราสนับสนุนให้ชาวนอร์เวย์ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะและความร่ำรวย และเราเชื่อว่ารูปแบบของนอร์เวย์ที่มีระบบสวัสดิการสาธารณะที่แข็งแกร่งและระดับการศึกษาสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นได้” เขากล่าว

กริมสตัดเสริมว่า “รูปแบบในนอร์เวย์คือทุกคนควรมีส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องกับความสามารถ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายภาษีมากกว่า ก็ควรจ่ายมากขึ้นเล็กน้อย”

ส่วนเรื่องที่กะเทยรีบนบอกว่า เขาเสียภาษีกันน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้ เขาจะมาเดือดร้อนทำไม นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ

ต่อให้ไม่ต้องเสีย แต่ต้องไปรายงานรายได้ให้มันได้รู้ เหมือนที่กะลาแลนด์ทำ คนก็ไม่สบายใจอยู่ดี

เพราะมันกระทบความเป็นส่วนตัวของรายได้ประชาชน ทำไมประชาชนต้องมีหน้าที่ไปรายงานรายได้ตนให้มึงรู้

ด้วย ถ้าไม่ต้องเสียภาษี มึงก็ไม่จำเป็นต้องรู้ อย่างเช่นถูกรางวัลที่ 1 ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ มีรายได้เกิน 1.2 แสนต่อปี แต่ไม่เกิน 3.1 แสน ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่ต้องไปรายงานให้มึงรู้ ถ้าไม่ไป เสีย 2 พัน แบบนี้มันคือเผด็จการ บ้าอำนาจ คนเขาถึงเบื่อกัน ฆ่าตัวตาย หยุดมีลูก หรือย้ายออก


#11, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ผีดุ on 23-Apr-23 at 08:10 AM
In response to message #10
รมควันเตาถ่านแบบไทยดีกว่าหลับสบายดี ควรจดทะเบียนสงวนสิทธิ์นะคะ เดี๋ยวโดนเคลม

#12, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ค่ะ on 23-Apr-23 at 09:06 AM
In response to message #10
เอาคนนอร์เวย์ 2-3 คนมาเป็นบรรทัดฐาน

แต่คนนอร์เวย์ อีกเป็นล้าน เขาเต็มใจเสียภาษีสร้างชาติ

ถ้าเขาไม่ซื้อแนวคิดเก็บภาษีสร้างรัฐสวัสดิการ เขาคงยกเลิกไปแล้ว แต่กูเชื่อว่ายังไงนอร์เวย์ก็ไม่มีทางเลิกค่ะ กลุ่มประเทศนอร์ดิกเจริญทุกวันนี้ได้ เจริญเร็วขนาดนี้ได้ พัฒนาคุณภาพประชากรเขาได้ขนาดนี้ ก็เพราะความสำเร็จของระบบรัฐสวัสดิการในกลุ่มประเทศเหล่านี้เขานี่แหละ


#13, RE: ถ้าเทียบ การตายของคนเกาหลี กับคนญี่ปุ่น มองว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนใจเด็ดและเด็ดเดีย่วในการฆ่าตัวตายมากๆ ยืน1ของโลก
Posted by ทาทา ยัง on 23-Apr-23 at 09:19 AM
In response to message #12
โง่จังค่ะ แทนที่จะเก็บตังออมเงิน เอาไว้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้ตน เอาไปเสียภาษีเฉย

อีกอย่างนะคะ การเก็บภาษีไม่ได้ใช้การสมัครใจ ถึงจะบอกได้ว่าเต็มใจได้

เพราะรัฐเขาออกกฎบีบบังคับให้ประชาชนต้องยอมจำนนให้ต้องเสียเท่านั้น

ประชาชนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะไม่จ่ายได้ เพราะจะโดนปรับ ติดคุก ยึดทรัพย์

อีกอย่างนะคะ การเก็บภาษีในอัตราที่สูงของกลุ่มประเทศนอร์ดิก เขาออกแบบมาเพื่อไม่ให้ประชาชนมีเงินเก็บค่ะ

เพราะคิดว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาคได้(ตามที่มันอ้าง)

มึงยอมได้เหรอคะ ที่จะไม่มีเงินเก็บ