เพิ่งเห็นข่าวเมื้อกี้เลย

บอกว่า เด็กเรียนเคลียดไป เลยจะเลิกวิธีการตัดเกรด A-F

แต่จะเปลี่ยนมาเป็นการตัดเกรด แค่ 2 เกรด คือ S กับ U คือ มีแค่ ผ่าน กับไม่ผ่าน

โดยบอกว่า อ้างอิง มาจาก ประเทศอังกฤษ บอกว่า โรงเรียนแพทย์ ที่อังกฤษ ปัจจุบัน 80% ก็มีแค่การตัดเกรดแบบ S กับ U

มีแค่ 15-20 % เท่านั้น ที่ยังเป็นแบบ A-F

อยู่ พวกเธอว่าไงคะ

ส่วนตัว คิดว่าไม่น่ารอดคะ แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว จะอ้างว่าเรียนเคลียด นู่นนี้นั้น มันก็เคลียด ทุกคณะแหละคะ เรียนไม่ไหว ก็ไปเรียนอย่างอื่นซิ ใครบังคับให้มาเรียน

ก็ดีแล้วไงคะ ควรเน้นทักษะกับจริยธรรม ไม่เน้นแข่งขัน

สาว ม.รามนั่งขำแล้วค่ะ

ถ้าให้แค่ผ่านกับไม่ผ่าน เด็กมันก็ไม่แรงกระตุ้นให้ศึกษาหาความรู้คะ ทำๆให้พอผ่านก็สบายแล้ว

>ถ้าให้แค่ผ่านกับไม่ผ่าน
>เด็กมันก็ไม่แรงกระตุ้นให้ศึกษาหาความรู้คะ
>ทำๆให้พอผ่านก็สบายแล้ว

ไม่ใช่กับนิสิตคณะแพทย์แน่ๆอะ สัญชาตญาณแข่งขันมันมีในเด็กหัวบนๆอยู่แล้ว
และจากข่าว มีเกณฑ์อื่น ๆ อีกที่ใช้วัดเป็นโพรไฟล์ตอนจบ เด็กมันไม่หยุดอยู่แค่เอา S แน่นอน

>>ถ้าให้แค่ผ่านกับไม่ผ่าน
>>เด็กมันก็ไม่แรงกระตุ้นให้ศึกษาหาความรู้คะ
>>ทำๆให้พอผ่านก็สบายแล้ว
>
>ไม่ใช่กับนิสิตคณะแพทย์แน่ๆอะ
>สัญชาตญาณแข่งขันมันมีในเด็กหัวบนๆอยู่แล้ว
>และจากข่าว มีเกณฑ์อื่น ๆ อีกที่ใช้วัดเป็นโพรไฟล์ตอนจบ
>เด็กมันไม่หยุดอยู่แค่เอา S แน่นอน

ไม่นะคะ เพื่อนชิวมากค่ะ ป้าเป็นไดโนเสาร์รึเปล่า

ปกติคณะแพทย์ ฬ จะคัดคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเทรนต่อเฉพาะทาง สูติ ศัลย์ เมด เด็ก อะไรก็ว่าไป แล้วพวกนี้ก็คือว่าที่อาจารย์คณะ ถ้าเปลี่ยนระบบเกรดเป็นแบบ S U แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเกณท์คัดอ่ะ

เปิด New-Track ไปเลยสิค่ะ

ใครก็อยากเป็นหมอเพื่อหน้าตาทางสังคม

มหาลัยก็มีรายได้ด้วย

อย่างไปเอาจริงเอาจังเรื่อง Ranking มาก

วงการแพทย์บ้านเราเป็นแค่ "User"

เห็นด้วยค่ะ และเห็นด้วยอย่างยิ่งถ้าเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกมหาวิทยาลัย
นิสิตแพทย์ปีนึง ฆตต บ้าง ดรอปเรียนเพื่อรักษาใจ บ้าง
ถ้าเธอหัวกลางๆแต่สอบได้ที่ดีๆ เธอไม่สมควรได้รับการศึกษา/สำเร็จการศึกษาจากที่นั้นหรอคะ

ไม่ได้อยู่จุฬานะคะ
เดาเอานะคะว่า คงตัดเกรดเป็น U / S / S* หรือเปล่าคะ
U - Unsatisfied ไม่ผ่านเกณฑ์ เท่ากับ F ต้องไปเรียนใหม่
S - Satisfied ผ่านเกณฑ์ เท่ากับ D - B+
S* เท่ากับ ผ่านแบบดีเด่น เท่ากับ A

จะบอกว่า หล่อนไม่ต้องห่วงค่ะ
คณะแพทย์ จุฬา เขาไม่ปล่อยเกรด ให้จบกันไม่มีคุณภาพแน่ๆ
แล้วอีกอย่าง เด็กที่จะเข้าคณะพวกนี้ได้ คือหัวกระทิขั้นสุดอยู่แล้วค่ะ
ไม่ใช่แค่ 3.90 -4.00 รร ธรรมดาจะเข้าได้
ไม่ใช่แค่ชีวโอลิปิก เคมีโอลิมปิก ก็ไม่พอจะเข้าคณะแบบนี้นะคะ
เฉพาะฉะนั้น คำว่า "ผ่าน" ของระดับคณะแพทย์จุฬา อาจจะเท่ากับ B+/A ของมหาลัยทั่วไปแล้วนะคะ

ราชภัฏใกล้เปิดคณะแพทย์แล้วนะคะ แบบนี้ราชภัฏคงตัดเกรดตาม ฬ มีแค่ u กับ s คะ

>ปกติคณะแพทย์ ฬ
>จะคัดคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเทรนต่อเฉพาะทาง สูติ
>ศัลย์ เมด เด็ก อะไรก็ว่าไป แล้วพวกนี้ก็คือว่าที่อาจารย์คณะ
>ถ้าเปลี่ยนระบบเกรดเป็นแบบ S U แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเกณท์คัดอ่ะ

ใช้โควตาอ่านข่าวให้เกิน 8 บรรทัดด้วยจ่ะ เขามีระบบประเมินแบบ personalized เสริมนอกจากเกรด สำหรับการเรียนต่อเฉพาะทาง

ทำแบบ มสธ ที่มาก่อนกาลแล้ว 40 กว่าปีเลยค่ะ

การให้เกรดของ มสธ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช
U = ต่ำกว่า 60%
S = 60-75%
H = 76%

U = F
S = 2.30
H = 4.00

>>ปกติคณะแพทย์ ฬ
>>จะคัดคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเทรนต่อเฉพาะทาง สูติ
>>ศัลย์ เมด เด็ก อะไรก็ว่าไป แล้วพวกนี้ก็คือว่าที่อาจารย์คณะ
>>ถ้าเปลี่ยนระบบเกรดเป็นแบบ S U แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเกณท์คัดอ่ะ
>
>ใช้โควตาอ่านข่าวให้เกิน 8 บรรทัดด้วยจ่ะ เขามีระบบประเมินแบบ
>personalized เสริมนอกจากเกรด สำหรับการเรียนต่อเฉพาะทาง

อุ๊ย!จะให้ไปอ่านข่าวตรงไหนจ๊ะ ไอ้ personal อะไรเนี่ยมันมีอยู่ในข่าวตรงหัวกระทู้ด้วยเหรอ รึต้องตามเข้าไปอ่านที่ไวท์บอร์ดในคณะ สติปัญญาช่างเฟื่องเกินมนูษย์จริงๆ เวลาชั้นไปขายโรตีแถวทางเดินในโรงบาลแล้วเจอพวกหมอใหม่มาฝึกงานเนี่ย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนไหนจบจุแรม คุณท่านจะเดินเชิดไม่เคยเห็นหัวผู้ใดเลย วาจารึก็ค่อนขอดหมอที่จบจากที่อื่นแบบซึ่งๆหน้า ชั้นทอดโรตีอยู่ได้ยินกับหู ประมาณว่าพวกมอจอนี่แปลกนะ ต้องให้ออกมาทำงานข้างนอกก่อนแล้วถึงจะกลับไปเทรนได้ ของจุแรมถ้าได้เกียรตินิยมก็เรียนต่อได้เลย อุ๊บส์!

>ปกติคณะแพทย์ ฬ
>จะคัดคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเทรนต่อเฉพาะทาง สูติ
>ศัลย์ เมด เด็ก อะไรก็ว่าไป แล้วพวกนี้ก็คือว่าที่อาจารย์คณะ
>ถ้าเปลี่ยนระบบเกรดเป็นแบบ S U แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเกณท์คัดอ่ะ

เดิมทีก็ใช้อุปนิสัยใจคอพลัสหน้าตา เป็นหนึ่งในตัวตัดสินสำคัญด้วยนะคะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมีเกลื่อนกล่น
เกณฑ์ใหม่ก็คงไม่พ้น performance อยู่ดีนั่นแหละค่ะ ซึ่งอาจารย์เค้าจับตามองอยู่ตลอดตั้งแต่ปี 1
ใครแอบทำสันดานเสียตรงไหนอย่าคิดว่าอาจารย์ไม่ทราบ หูตาเป็นสับปะรดค่ะ

ตัดแบบเดิมมีปัญหาอะไระคะ ถ้าไม่อยากเรียน หรือเรียนไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียนค่ะ

ถ้าอยากตายก็ตายไปค่ะ จะได้ลงนรกไม่ได้ผุดได้เกิด ก็ตาย ๆ ไปค่ะ เพราะถ้าใครคิดฆ่าตัวตายก็ต้องเจอผลกรรมชั่วของการฆ่าตัวตายของตัวเอง นั่นแหละค่ะ ลงนรกกลายกัปหลายกัลป์แน่นอน

ก็ลองฆ่าตัวตายดูสิคะ

คณะแพทย์ฯ จุฬาลงกรณ์ ยกเลิกตัดเกรด A-F เหลือแค่ S/U

คณะแพทย์ จุฬาฯ เปลี่ยนวัดประเมินผลนิสิตแพทย์ เหลือแค่ S กับ U ผ่านและไม่ผ่าน ยกเลิกเกรด A-F แต่ยังคงไว้จัดอันดับเกียรตินิยม เน้นนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ มีจิตวิญญาณความเป็นแพทย์ และเรียนอย่างมีความสุข ปราศจากการแข่งขัน

คณะแพทย์ฯ จุฬาลงกรณ์ ยกเลิกตัดเกรด A-F เหลือแค่ S/U
อ่านให้ฟัง
00:03
อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

คณะแพทย์ จุฬาฯ เปลี่ยนวัดประเมินผลนิสิตแพทย์ เหลือแค่ S กับ U ผ่านและไม่ผ่าน ยกเลิกเกรด A-F แต่ยังคงไว้จัดอันดับเกียรตินิยม เน้นนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ มีจิตวิญญาณความเป็นแพทย์ และเรียนอย่างมีความสุข ปราศจากการแข่งขัน
วันนี้ (29 ม.ค.2567) ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย รศ.นพ.ฉันทชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ และ รศ.นพ.ศักนัน มะโนทัย รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงปรับปรุงหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต พ.ศ.2567 ว่า รูปแบบการเรียนการสอนของคณะแพทย์ฯ จุฬาลงกรณ์ มีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

โดยในปีการศึกษานี้จะเปลี่ยนการประเมินนิสิตแพทย์ใหม่ จากเดิมใช้เกรด A-F มาเป็น S หรือ U แทน เพื่อลดภาวะความเครียดจากการเรียน และการแข่งขันในนิสิต แต่ขณะเดียวกันมุ่งส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และจิตวิญญาณความเป็นแพทย์มากขึ้น

ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการวัดประเมินผลในกลุ่มการเรียนการสอนคณะแพทย์ฯนี้ นับได้ว่า เป็นการทำในภาวะที่คณะแพทย์ แข็งแกร่งมากที่สุด และสอดคล้องกับทิศทางการเรียนทั่วโลก ที่มุ่งเน้นเรื่องสมรรถนะ การนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์และปรับใช้ เพื่อประโยชน์ของคนไข้ และการเรียนที่เน้นความรู้ การเพิ่มพูนความรู้มากกว่าการแข่งขันกัน

เดิมการเรียนมุ่งแต่สอนกลางภาค ปลายภาค มีแต่การสอบ แต่การเรียนการสอนแบบนี้จะมุ่งเรื่องของการคิดวิเคราะห์ความเมตตาเผื่อแผ่

ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า ในอนาคตทุกคณะในจุฬาฯ จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับคณะแพทย์ ซึ่งปัจจุบันก็มีบางวิชา เช่น วิชาทางเลือกตามความถนัด ที่เปิดกว้างให้นิสิตเลือก และวิชาเหล่านี้จะให้เกณฑ์แค่ ผ่านกับไม่ผ่านเท่านั้น

ทั้งนี้ยังเชื่อว่าในอนาคตรูปแบบการเรียนการสอน การวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากระดับมหาวิทยาลัย มาถึงระดับมัธยมศึกษา

การเปลี่ยนวัดประเมินผลนี้ อาจจะยังไม่เห็นผลใน 5 ปี แต่ทิศทางทั่วโลกเหมือนกันหมดต้องมีการเปลี่ยนแปลง และจะเปลี่ยนจากยอดบนลงล่างคือ มหาวิทยาลัยถึงมัธยมศึกษา เน้นการนำไปปรับใช้ และความสุขในการเรียน

รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า หลักสูตรของคณะแพทย์ จุฬาฯ มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนการสอนตลอด 77 ปี ตั้งแต่การปรับปรุงหลักสูตร 2 ปริญญา ให้แพทย์ได้เรียนตามความถนัดเพิ่ม หรือ หลักสูตรแพทย์อินเตอร์

ส่วนการประเมินผล S/U เป็นการวัดว่า การเรียนที่ผ่านมาผ่านเกณฑ์ตามที่คณะแพทย์กำหนดหรือไม่ ไม่มี A,B,C,D,F โดยหากผ่านเกณฑ์ที่กำหนดจะได้ การประเมินว่า S หากไม่ผ่านเกณฑ์จะได้รับ U

ส่วนการจัดอันดับเกียรตินิยมยังคงมีอยู่ เนื่องจากเห็นว่ายังเป็นประโยชน์แก่นิสิต โดยการประเมินจะใช้วัดว่านิสิตมีความสามารถ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ในการเรียนครั้งสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ ลดความเครียด ลดการแข่งขัน มีความสุขในการเรียน และยังมีคุณสมบัติเป็นเลิศทางวิชาการ ,เป็นเลิศด้านการปฏิบัติ และเป็นเลิศด้านวิชาชีพ มีหัวใจของความเป็นแพทย์

มั่นใจว่าต่อไปทิศทางอนาคตของคณะแพทย์ฯ หลายแห่งจะมีการปรับตัว มาใช้รูปแบบการวัดประเมินผลแบบนี้ ส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ทางปฏิบัติ ไม่เกิดความเครียด เกิดความสุข และรู้จักการทำงานเป็นทีม

ที่มาข่าว https://www.thaipbs.or.th/news/content/336447

เอาเป็นว่าต่อไป ก็คงเป็นหมอไก่กาอาราเล่กันทั้งประเทศ

แล้วคณะอื่น ๆ ในจุฬา ก็จะทำตามด้วย (อ่านจากในข่าว) ก็คงเป็นมหาวิทยาลัยเน้นแจกปริญญา เพื่อให้คนมีปริญญติดตัว

เหมือนฟิลิปปินส์ บราซิล และอเมริกาใต้ อเมริกากลาง ที่มีคนจบหมอเยอะมาก แบบไม่ต้องเก่งก็เป็นหมอได้ แล้วสุดท้ายทำงานเป็นหมอจริงไม่ได้เรื่อง

แล้วก็กลายเป็นการ down grade สถาบันการศึกษาของตัวเอง ก็ดีแล้วค่ะ ไปอ้างอังกฤษ แต่ไม่อ้างประเทศอื่นในโลก เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และประเทศที่แพทย์ดังๆ ไม่อ้างเลยค่ะ

พอไปเรียนต่อประเทศเขา เขาคงงงกับเกณฑ์ประเมินผลมา แล้วก็คงไม่กล้ารับเข้าเรียน เผลอๆ เทียบเกรดกับเขาเพื่อรับเข้าเรียนไม่ได้ เพราะจะเรียนต่อที่เขา

ก็ต้องทราบ GPA เขากำหนดไว้ด้วยนะ ถ้าจะเข้า Graduate School ที่อเมริกาน่ะ หรือที่ U ดังๆ ก็จะกำหนด GPA ที่จบมา คงจะเทียบไม่ได้แล้ว

หรือต่อให้เขารับไปเรียนต่อ ก็อาจจะเรียนไม่ได้ ไม่ไหว เพราะเรียนแบบแค่ผ่านๆ ไปไง พอไปเจอของจริงระดับโลก ตกม้าตาย แล้วก็อาจจะช็อกจนตายจริงๆ ก็ได้ค่ะ

พวกฆ่าตัวตายคงไม่ต้องรอเกรดออกมั้ง น่าจะเครียดตั้งแต่เรียน ต่อไปหมอที่โดดเด่นก็คงต้องวัดกันที่คนพูดเก่ง ประชาสัมพันธ์เก่ง เป็น youtuber

>พวกฆ่าตัวตายคงไม่ต้องรอเกรดออกมั้ง น่าจะเครียดตั้งแต่เรียน
>ต่อไปหมอที่โดดเด่นก็คงต้องวัดกันที่คนพูดเก่ง
>ประชาสัมพันธ์เก่ง เป็น youtuber

ถุกใจด้อมส้มละคะ
เรียนๆ เล่นๆ เป็นพิธี
เน้นสิทธิเท่าเทียมก็พอค่ะ