นำเรื่อง

คุณชอบเรื่องเหนือความคาดหมายไหมครับ
คุณชอบมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าหรือเปล่า
คุณชอบเซ็กส์แบบตื่นเต้น หรือโรแมนติก แบบชั่วคราวน้ำแตกแล้วแยกทาง หรือแบบที่คิดถึงกันได้หลายๆ วัน

โดยปกติแล้วผมมีความสุขกับตัวเองดี หมายถึงผมสามารถมีความสุขได้ด้วยการช่วยตัวเอง มันไม่ใช่แค่เซ็กส์แก้ขัด แต่ผมค่อนข้างชอบมันมากกว่าที่จะไปมีอะไรกับคนอื่น แต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วผมกลับได้เจอประสบการณ์ที่เกือบจะครบเครื่องอย่างที่ผมถามคุณไว้ข้างบนนี้ทั้งหมดเลย

ตอนที่ 1 ทริปปิดเทอม

น้องชายผมเรียนอยู่ชั้นม.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนผมเรียนจบและเริ่มทำงานแล้ว คงจะเห็นว่าวัยของเราห่างกันพอสมควร อันที่จริงแล้วน้องชายคนนี้เป็นลูกของน้าผม แต่บ้านอยู่ต่างจังหวัดซึ่งเจ้าตัวจะค้านอยู่เสมอว่าเป็นปริมณฑล พอขึ้นชั้นม.ปลายน้าจึงส่งมาให้เรียนที่กรุงเทพฯ โดยมาพักที่บ้านผม ด้วยความที่น้องคนนี้เป็นคนสุดท้องของตระกูลทางแม่ แล้วด้วยความฉลาด ช่างพูด และความชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ ทุกคนจึงรักและเอ็นดูเขาเป็นพิเศษมาตั้งแต่เล็ก

เมื่อปีที่แล้วตอนปิดภาคเรียนเดือนตุลาคม กลุ่มเพื่อนสนิทของน้องวางแผนจะไปเที่ยวด้วยกันที่สหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตก เห็นว่าหนึ่งในนั้นมีพี่ชายเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่นู่นและยินดีจะพาน้องเที่ยว ซึ่งน้องผมรบเร้ากับน้าว่าจะไปให้ได้ ทางน้าผมไม่ยอมให้ไปเพราะเจ้าตัวเล็กไม่เคยห่างบ้านไกลเลย ขนาดไปหัวหินกับเพื่อนน้ายังไม่ปล่อย นับประสาอะไรกับอเมริกา

น้องต้นโกรธน้ามากและนอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียงของผม มันคงรู้แกวผมล่ะ เพราะว่าที่ผ่านมาถ้ามันอ้อนอะไรผมมักจะใจอ่อนให้มันเสมอ ด้วยความที่พี่สาวผมแต่งงานอยู่ที่ลอสแองเจลิสและผมก็ไม่ได้เจอพี่มาสามปีแล้ว ผมก็เลยตกลงว่าจะไปเป็นผู้ปกครองของต้น ซึ่งแบบนั้นน้าจึงพอคลายกังวลและปล่อยให้เจ้าต้นไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้ อันที่จริงแล้วผมหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับเพื่อนๆ ของเจ้าต้นด้วยมากกว่า เพราะเห็นรูปที่มันถ่ายมาแล้ว มีน่ารักโดนๆ อยู่หลายคนทีเดียว

โดยปกติแล้ว น้องต้นติดผมมาก เวลาไปเดินเที่ยวด้วยกันน้องจะจับ/เกาะ/กอดผมตลอด แต่ด้วยความที่ขนาดตัวเหมือนเด็กม.2 แม้จะอยู่ม.4 แล้วก็ตาม คนทั่วไปจึงไม่ค่อยมีใครสนใจ ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้ามันดันทะลึ่งสูงพรวดขึ้นมาจนดูเป็นหนุ่มแล้วมาเดินเกาะผมแบบนั้น คนอื่นๆ คงต้องนึกว่าเราเป็นแฟนกันแน่ๆ

อย่างไรก็ดี พอเราไปถึงสุวรรณภูมิและเจอกลุ่มเพื่อนของเขาแล้ว ผมก็ถึงบางอ้อว่าทำไมมันถึงร้องไห้ฟูมฟายจะมาให้ได้เมื่อมันแนะนำให้ผมรู้จักต่าย เด็กหญิงตัวแกร็นๆ เหมือนเด็กม.2 (คือสมกับมัน) ให้ผมรู้จัก ด้วยความที่รู้จักน้องตัวเองดี มองปราดเดียวจึงรู้ว่าน้องต้นแอบชอบต่ายแน่ๆ ใจหนึ่งก็นึกขำว่าน้องผมเป็นหนุ่มจริงๆ แล้ว แต่ลึกๆ ผมดันรู้สึกเหมือนถูกหักหลังแล้วก็แอบเซ็งไม่น้อย แต่ก็ได้แต่ยิ้มรับ

เราได้นั่งสองแถวริมหน้าต่าง ผมนั่งกับน้องชายและน้องเนิร์ด เนิร์ดนั่งริมหน้าต่าง น้องชายผมนั่งกลาง ผมนั่งริมทางเดิน ส่วนแถวหน้าเจ้าซ่านั่งริมทางเดิน สองสาวนั่งด้านใน นั่งไป หลับไป สุดท้ายก็ถึงสนามบิน LAX ที่พี่ชายของฝนมารับเด็กๆ ไปกันหมด ยกเว้นผมกับต้นที่พี่สาวของผมมารับไปที่บ้าน ผมเห็นเจ้าต้นบอกลาเพื่อนๆ ชั่วคราวด้วยท่าทีร่าเริงดี ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันชอบต่ายมากแค่ไหน แล้วผมก็ยังเสียดายที่พี่ชายฝนไม่ใช่สเปคผมอีกด้วย

อันที่จริงพี่สาวผมอยู่เบอร์แบงค์ ส่วนพี่ชายฝนพักอยู่ที่ลอสแองเจลิสซึ่งก็ไม่ไกลกันมาก ประมาณอ่อนนุชถึงประตูน้ำได้ (มั้ง) ในช่วงอาทิตย์แรกที่ให้เด็กๆ ได้ปรับตัวกันก็เลยได้เจอกันบ่อยหน่อย คืนหนึ่งผมถามน้องต้นตรงๆ ว่า ชอบต่ายใช่ไหม ต้นมองผมทำหน้าเหวอมาก แล้วถามด้วยเสียงประหลาดใจว่าผมรู้ได้อย่างไร ผมแค่ตอบไปว่า “น้องพี่ ทำไมพี่จะไม่รู้” ผมเห็นต้นแอบยิ้มเล็กๆ

ในช่วงอาทิตย์แรกนี้ เราได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์และอีกพาร์คนึงที่อยู่ติดกัน สนุกมาก ผมไปครั้งที่สองแล้ว พี่ชายฝนครั้งที่สี่ แต่ต้นกับเพื่อนๆ เพิ่งได้มาครั้งแรกเลยสนุกกันใหญ่ ส่วนพี่สาวผมต้องทำงานเลยไม่ไปด้วย ผมได้เบียดเสียดกับทั้งน้องเนิร์ดทั้งน้องซ่า (แล้วก็น้องเฟมพี่ชายฝนด้วย) ทำเอาน้องชายอีกคนของผมตื่นตัวอยู่ในกางเกงยีนส์หลายรอบทีเดียว

ที่บ้านพี่สาว พี่จัดให้ผมกับต้นนอนห้องเดียวกันซึ่งเป็นห้องว่างอยู่ ส่วนเตียงเป็นเตียงคิงส์ไซส์หลังเดียว ส่วนที่บ้านที่เมืองไทยนั้นผมกับต้นนอนห้องเดียวกันก็จริง แต่ว่าต้นปูที่นอนกับพื้น เพราะเตียงของผมเป็นเตียงขนาดเล็ก ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมกับต้นนอนเตียงเดียวกัน สองคืนผ่านไปด้วยดี เดือนตุลาคมที่เบอร์แบงค์อากาศเดายากเหลือเกิน บางวันก็สบายๆ บางวันก็หนาวสัดมาก สำหรับพี่สาว อุณหภูมิประมาณ 17 C ก็สบายๆ เพราะชินแล้ว แต่ผมกับต้นนั้น แค่ 20 C ก็เจี๊ยวหดแล้วครับ ตอนกลางคืนจะเปิดฮีตเตอร์ แต่ก็ไม่ได้อุ่นครับ ยังประมาณ 20 นั่นแหละ คืนที่สามนี้ ไม่รู้ว่าต้นฝันถึงต่ายหรือเปล่า อยู่ดีๆ ก็หันมานอนกอดผม กอดไม่พอ ก่ายด้วย ขามันทับไข่ผมพอดี ผมเคยโดนเพื่อนละเมอกอดตอนเรียนมหาลัย ตอนนั้นผมผลักมันออก แต่คืนนี้ที่ต้นกอดผม ผมไม่กล้าขยับตัวเลย กลัวน้องตื่น หันไปมองหน้าที่นอนหลับตาพริ้มของต้นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู แต่กลิ่นสบู่จางๆ จากหน้าผากของต้นที่อยู่ห่างปลายจมูกผมแค่นิดเดียวกลับทำให้ผมใจเต้น
จังหวะนั้นต้นลากขาขึ้นมาอีก ทับดุ้นเนื้อผมเต็มๆ เนื้อที่แข็งอยู่แล้วตอนนอนก็กระดกดันขาต้นอัตโนมัติจนรู้สึกอยากระบายออก ผมรีบผลักขาต้นออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปรีดน้ำออกแบบลวกๆ ผมไม่ได้สำเร็จความใคร่มาหลายวันแล้ว น้ำเลยพุ่งแรงจนกระเด็นติดผนังห้องน้ำ ผมทำความสะอาดน้องชายตัวดีของผม เก็บเข้ากางเกงขาสั้นแล้วเดินกลับมาหาน้องชายตัวดีอีกคนที่นอนอยู่ ผมค่อยๆ หย่อนตัวลงบนเตียงช้าๆ เพราะกลัวน้องตื่น ตัวของต้นอยู่ที่กลางเตียงดังนั้นเมื่อผมนอนลงไปตัวผมจึงต้องเบียดกับน้องอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก่อนที่ผมจะหลับตา ผมก็ทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำกับต้นมาหลายปีแล้ว

ผมหันไปหอมแก้มต้น

เมื่อผมตื่นขึ้นตอนเช้า ต้นนอนกอดผม ขาทับควยแข็งเป็กของผมไว้เหมือนเดิม...

ตอนที่ 2 เอ็มมิลิโอและแม็กกี้

สัปดาห์ที่สอง เรา (คือเพื่อนๆ ต้น) วางแผนจะไปพักแรมที่อุทยานแห่งชาติโยเซเมติที่เซียร์ร่า เนวาด้า เรานั่งรถบัส ไปต่อรถไฟ แล้วไปต่อรถบัสอีกทีโดยเฟม พี่ชายของฝนเป็นคนจัดการให้ เฟมจองห้องพักแบบเต้นท์ขนาดใหญ่ไว้สองหลัง หลังหนึ่งนอนได้สี่คน อีกหลังนอนได้สามคนซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ไม่ติดกัน ช่วงที่เราไปเป็นโลว์ซีชันของที่นั่น แถมยังเป็นวันธรรมดา ดังนั้นตรงที่พักของเราจึงแทบไม่มีคนเลย เฟม ฝน ต่าย นอนเต้นท์เดียวกัน ผม ต้น เนิร์ด ซ่า (จริงๆ แล้วน้องเขามีชื่อนะครับ แต่ไม่สำคัญกับเรื่อง เลยขอใช้ฉายาที่ผมแอบเรียกเขาเองแทนก็แล้วกัน) นอนเต้นท์อีกหลังหนึ่ง เต้นท์ของเรามีเตียงใหญ่หนึ่งเตียง เตียงเล็กสองเตียง ดังนั้นผมกับต้นเลยต้องนอนร่วมเตียงกันตามธรรมเนียม เราไปถึงที่นั่นตอนประมาณบ่ายสอง พอวางกระเป๋ากันเสร็จก็พากันเดินไปรอรถบัสเพื่อไปที่น้ำตกโยเซเมติล่าง ผมเคยมาเมื่อสามปีที่แล้วแต่ก็ยังอยากไปอีก ในเวลานั้นพวกเราเจออากาศเย็นสบายๆ (แอบหนาว ประมาณ 20 C) ก็เจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ ผมต้องคอยเตือนให้เบาเสียงหน่อย เพราะเสียงของเราก้องไปทั่วหุบเขา แถมเป็นภาษาที่คนอื่นไม่เข้าใจเสียด้วย

เมื่อสามปีที่แล้ว ขณะที่ผมเดินเข้าไปตามทางเดินไปที่น้ำตกนั้น จากด้านนอกตรงทางเข้า อากาศตรงนั้นฟ้าใสมากมาย แต่เมื่อเดินเข้ามาตามทางเดิน ต้นสนขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทางเดินจะกรองแสงอาทิตย์ไปจนเหลือเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนทางเดิน ยิ่งเดินใกล้น้ำตกมากขึ้นเรื่อยๆ เมฆหมอกเริ่มเข้ามาปกคลุม มองไปทางน้ำตกจะเห็นแต่ท้องฟ้าสีขาวขุ่นของหมอก และที่ทางเดินก็มีหมอก อากาศจะเริ่มเย็นลงแต่ก็สดชื่นมาก เหมือนเอาบรรยากาศของทีลอซูกับดอยอินทนนท์มารวมอยู่ที่เดียวกันแต่เพิ่มความเข้มข้นของทั้งสองแห่งขึ้นอีกสามเท่า พอเดินเข้าไปเกือบจะถึงตัวน้ำตก ผมต้องยกฮูดเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นปิดหัวเพราะละอองน้ำกระเซ็นแรงราวกับฝน ผมรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกแห่งหนึ่ง
แต่ในครั้งนี้ น้ำที่โยเซเมติล่างแห้งเหือด มีให้เห็นเป็นสายบางๆ เท่านั้นเอง ผมเสียดายแทนน้องๆ แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร ไม่รู้ย่อมไม่เจ็บปวด

ที่นี่เราเจอนักท่องเที่ยวอีกสองคนอยู่ที่น้ำตกอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่น่าจะเป็นแฟนกัน รุ่นๆ เดียวกับผม ผู้หญิงอายุประมาณ 23 ปีได้ ส่วนผู้ชายอาจจะโตกว่านั้นเล็กน้อย ต้น เนิร์ด ซ่าเห็นแล้วหัวเราะคิกคักขึ้นมาเพราะผู้หญิงฝรั่งคนนี้หน้าตาน่ารักมาก กลับกัน น้องผู้หญิงเองก็คิกคักไม่แพ้กันเพราะรู้สึกจะถูกใจหนุ่มฝรั่งรุ่นพี่เข้าให้แล้ว แต่ผมไม่นิยมคนโตกว่า ยิ่งเป็นฝรั่งตัวบึ้กๆ ไว้เคราเป็นตอเขียวครึ้มผมก็ไม่สนใจแล้ว แอบมองน้องๆ ที่มาด้วยกันยังชื่นใจกว่า

ฝรั่งผู้ชายเห็นผมถือกล้อง 400D ดูขึงขังก็เลยเข้ามาขอให้ผมถ่ายรูปเขากับแฟนให้หน่อยผมก็เลยได้รู้ว่าผู้ชายเป็นคนสเปนชื่อเอ็มมิลิโอ ส่วนผู้หญิงเป็นคนอเมริกันชื่อแม็กกี้ เมื่อผมรับกล้องมา สองคนนี้กลับเดินพาผมหลบมาอีกจุดหนึ่ง เขาบอกว่าจุดนี้ถ่ายรูปได้สวยกว่า ผมถ่ายให้เขาหลายรูป เพราะว่าเขาแอ๊คกันแบบไม่เกรงใจช่างภาพเลย แต่ยิ่งถ่ายไปผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่าลุคแบบแบดบอยของเอ็มนั้นมันดูดีเพราะแววตาตาคมๆ สีน้ำตาลแกมเขียวเข้มของเขานั่นเอง ขนตายาวงอนยิ่งทำให้หน้าดูหวาน ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเอ็มถึงต้องไว้หนวดเป็นตอๆ เพราะถ้าโกนออกหมด เอ็มต้องเป็นผู้ชายที่หน้าหวานมากๆ ซึ่งมันก็คงจะขัดกับบุคลิกของเจ้าตัวไม่น้อย ทั้งคู่แอ๊คท่ากันได้สักพัก เอ็มก็จับแม็กกี้มาจูบ ผมตกใจได้แต่ยืนมองจนกระทั่งสองคนจูบกันจนเสร็จ เอ็มหันมาหา ผมต้องหลบตามองไปทางอื่น ผมคงหน้าแดงขึ้นมาเอ็มก็เลยหัวเราะแล้วถามผมว่า

“Did you take that shot?” เมื่อกี้ถ่ายให้พี่รึเปล่า ดูมันถาม จะไปถ่ายให้มันยังไงได้ ผมยังตกใจอยู่เลย เอ็มเดินเข้ามาหาผมแล้วถามผมอีก
“Are you alright, kid?” เป็นไรป่าว ไอ้หนู ดูมันเรียกผมสิ โตกว่าผมแค่ไม่กี่ปี อาศัยว่าตัวมันใหญ่กว่าเท่านั้นแหละ คนที่นี่ 100% จะมองว่าผมเด็กกว่าอายุ ส่วนใหญ่จะนึกว่าผมเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่ก็มีเหมือนกันที่คิดว่าผมเรียนชั้นมัธยม - - “
ผมได้แต่ส่ายหัว เอ็มดึงแขนผมให้ขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วบอกผมอีก
“Don’t miss it this time, ok?” คราวนี้อย่าให้พลาดล่ะ ว่าแล้วมันก็จับแม็กกี้เข้ามาจูบ ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แต่ปรากฏว่าละครเรื่องนี้ไม่ยอมจบง่ายๆ เอ็มจูบแม็กกี้หนักขึ้นๆ พร้อมยื่นมือข้างหนึ่งออกมาแล้วทำท่ากดชัตเตอร์ เหมือนสั่งให้ผมกดชัตเตอร์ต่อไป แล้วเมื่อหดมือกลับ เอ็มก็เอามือข้างนั้นจับไปที่หน้าอกตูมๆ ของแม็กกี้
ผมตกใจมากครับ ไม่ได้กดชัตเตอร์ แม็กกี้ก็ตกใจเหมือนกัน ดันเอ็มออก ผมเห็นแม็กกี้ทำหน้าดุมากแต่เขาคงเห็นผมอยู่ตรงนั้นเลยไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในใจคงกำลังด่าเอ็มอยู่
ผมเริ่มไม่ชอบไอ้เปนหน้าหล่อคนนี้ซะแล้ว ถึงผมจะชอบผู้ชาย แต่ผมก็ให้เกียรติ์ผู้หญิงเสมอ และผมยิ่งรู้สึกไม่ดีไปอีก แทนที่เอ็มจะสำนึกผิด มันกลับหัวเราะหน้าระรื่น บรรยากาศตอนนั้นอึดอัดมาก ทำไมผมต้องมาเจอพวกนี้ด้วยเนี่ย
แม็กกี้หันหลังให้ผมกับเอ็ม ผมยื่นกล้องให้ เอ็มรับกล้องคืนไป ขณะที่ผมมองหน้าเขา อยู่ๆ มันก็ลดหน้าทะเล้นลงแล้วส่งยิ้มมาให้ผม
“Thanks, kid”
ผมผละหนีทั้งคู่ออกมา

หลังจากนั้น เราพากันนั่งรถบัสเพื่อที่จะไปเดินเที่ยวทะเลสาบกระจกเงา (Mirror Lake) ซึ่งขณะที่เราอ้อยอิ่งกันอยู่ที่ทะเลสาบ เอ็มและแม็กกี้ก็ตามมาสมทบในที่สุด นอกจากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอีกไม่มากนัก เรานั่งพักเหนื่อยกันริมทะเลสาบซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเวิ้งน้ำของลำห้วยเทนาย่า ตอนนี้เราถอดแจ็คเก็ตกันออกหมดแล้ว แต่ที่ติดตัวอยู่ก็ยังมีอีกตั้งสองชั้น ผมยังไม่ทันนั่งลงดี เจ้าซ่าก็ถอดเสื้อออกหมด โขว์ผิวเนียนๆ อกแน่นๆ แล้วก็กล้ามท้อง... ถลกขากางเกงยีนส์ แล้วลงไปวักน้ำลูบตัวทั้งที่เหงื่อไม่ได้ออก กล้องผมอยู่ในมืออยู่แล้วจึงยกขึ้นมากดไปสามสี่รูป ใจจริงอยากจะถ่ายมากกว่านั้น แต่กลัวจะผิดสังเกตครับ ผมกำลังเช็ครูป ก็มีคนสะกิดผมจากด้านหลัง พอหันไปกลายเป็นเอ็มมิลิโอนั่นเอง หนุ่มฝรั่งถอดเสื้อออกหมดแล้วเช่นกัน

ซ่ารูปร่างสมส่วนแบบเด็กวัยรุ่นไทยครับ จริงๆ แล้วซ่าบึ้กกว่าผมอีก ผิวเนียนมาก แต่ว่าไม่ได้น่ารักอะไรมากนัก ส่วนเอ็มนั้น โอ พระเจ้า ใครเอานายแบบมาถอดเสื้อให้ผมดูเนี่ย หุ่นเฟิร์มมากครับ กล้ามท้องสี่ลูกชัดเจน กับอีกสองลูกน้อยๆ (กล้าม) แต่ที่ผมอยากบีบที่สุดก็เป็นกล้ามแขนของเขานั่นแหละ เริ่มอิจฉาแม็กกี้ขึ้นมาเล็กๆ แล้วผม เมื่อกี้ยังไม่ชอบขี้หน้ามันอยู่เลย ติดอย่างเดียวตรงขนกลุ่มเล็กๆ ที่แผงหน้าอกนั่นแหละ ที่ทำให้ผมไม่อยากเข้าใกล้เท่าไหร่

เอ็มชวนผมลงไปลูบน้ำเล่น ผมไม่รีรอเพราะอยากสัมผัสอยู่แล้ว ผมเรียกต้นมาด้วย แต่ต้นไม่ยอม น้องชายผมเป็นเด็กที่ปากเก่งมาก แต่พอเอาเข้าจริงมันก็แหยเหมือนกัน ผมปล่อยให้เขาจู๋จี๋กับต่ายต่อไปแล้วเดินลงไปเล่นน้ำกับซ่าและเอ็ม น้ำเย็นมาก ผมไม่ได้ถอดเสื้อ จริงๆ แล้วผมเป็นคนขี้ร้อน แต่ผมไม่อยากโชว์กล้ามแข่งกับสองคนนี้เลยได้แค่วักลูบแขนลูบคอเพียงแค่นั้น

เอ็มสาดน้ำใส่ผมแล้วหัวเราะ ผมอยากจะสาดใส่คืนบ้าง ผมชอบสงครามน้ำมากๆ แต่ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพเสียเปรียบเพราะยังสวมเสื้ออยู่ถึงสองตัว ก็เลยได้แต่ยิ้มแล้วรีบเดินกลับมานั่งข้างๆ กลุ่ม แม็กกี้มองผมแล้วยิ้มให้เล็กน้อย ผมยิ้มรับ
เมื่อเอ็มโชว์หุ่นจนพอใจแล้วก็เดินมานั่งใกล้ๆ พวกเราแล้วเริ่มชวนคุย ถามว่าเรามาจากไหนกัน เรียนชั้นอะไร เอ็มกับแม็กกี้ไม่อยากเชื่อว่าผมเรียนจบแล้ว แม็กกี้ไม่ยอมบอกพวกเราว่าทำอาชีพอะไร ส่วนเอ็มนั้นปรากฏว่าเป็นนายแบบจริงๆ ด้วย ต่ายกับฝนยิ้มเขินทีเดียว แต่เขาบอกว่าไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ถ่ายงานเล็กๆ ทั่วๆ ไป แต่หลักๆ แล้วเอ็มดำรงชีวิตด้วยมรดกของพ่อ

จากนั้นเอ็มเล่าเรื่องของโดมิงก้าให้เราฟัง

ตอนที่ 3 ฝนที่กำลังตก

ตามที่เอ็มมิลิโอเล่า โดมิงก้าเป็นลูกผู้พี่ของเอ็ม โดมิงก้ามาเที่ยวที่โยเซเมติกับสามี ลูกสาววัยสี่ขวบชื่อดรีน่า และลูกชายวัยหกขวบชื่ออัลฟองโซเมื่อสองปีที่แล้ว

คืนหนึ่งของทริปขณะที่กำลังเตรียมอาหารกันอยู่นอกเต้นท์ สาวน้อยดรีน่าที่หลับใหลอยู่ในเต้นท์ก็ร้องจ้าขึ้นมา เมื่อโดมิงก้าเข้าไปปลอบลูก ดรีน่าก็บอกว่าเธอเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ไม่ใส่เสื้อผ้า แต่ใส่หมวกที่ทำจากขนนกหลากสี หน้าตาดุดัน มือขวาถือท่อนไม้ มือซ้ายยื่นออกมากวักเรียกดรีน่าพร้อมพูดว่า

“ฮูยาน่าา...” (เอ็มทำเสียงหลอนๆ เหมือนเวลาคนที่คุณก็รู้ว่าใครเรียก แฮรรรรร์รี่ พออตเตอออรรรร์)

ในวันสุดท้ายของทริป สามีของโดมิงก้าทำหน้าที่เคลียร์เต้นท์และข้าวของต่างๆ บริเวณพักแรม โดมิงก้าพาดรีน่าและอัลฟองโซไปเดินเล่นที่ทะเลสาบกระจก ดรีน่าบ่นว่าอยากให้ฝนตก ดรีน่าเป็นเด็กที่ชอบฝนมาตั้งแต่เริ่มเตาะแตะทีเดียวซึ่งโดมิงก้าและสามี รวมถึงเอ็มมิลิโอด้วย ต่างตระหนักถึงความประหลาดข้อนี้ของหนูน้อยเป็นอย่างดี

เมื่อมาถึงที่ทะเลสาบกระจก ทั้งที่ฟ้าใสอยู่เมื่อครู่ แต่อยู่ดีๆ ฝนก็เริ่มลงเม็ด ดรีน่าร้องหวีดว้ายและกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจในขณะที่อัลฟองโซวิ่งไปหลบหลังแม่ ขณะที่โดมิงก้ากำลังจะเดินไปดึงดรีน่าหาที่หลบฝน หมีตัวมหึมาก็เดินออกมาขวางระหว่างทางของเธอและลูกสาวไว้ หมียักษ์ร้องคำรามและทำท่าจะเข้าทำร้าย โดมิงก้าอุ้มอัลฟองโซ่ขึ้นแล้วเริ่มออกวิ่งสุดชีวิตแต่ก็ไม่ทันอุ้งเล็บของหมีที่ตะปบเข้ากลางหลัง

เมื่อโดมิงก้าได้สติฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาล สามีของเธอตาแดงก่ำเฝ้าอยู่ข้างเตียง เมื่อโดมิงก้าถามถึงดรีน่า เขาก็ได้แต่ร้องไห้...

ในทริปครั้งนั้น โดมิงก้าและสามีได้เสียลูกสาวตัวน้อยไปที่ทะเลสาบกระจก บริเวณที่พวกเรากำลังนั่งอยู่ตอนนี้เอง

ดรีน่าไม่ได้เสียชีวิตเพราะหมี แต่เพราะวิ่งหนีและล้มหน้าคว่ำหมดสติในทะเลสาบที่ตื้นเขินนี้

หลังจากพักฟื้นทั้งร่างกายจิตใจแล้ว โดมิงก้าต้องทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่เชื้อสายอินเดียนแดงของอุทยานฟัง แต่เป็นอัลฟองโซ่ตัวน้อยที่เป็นคนเล่าเรื่องความฝันของดรีน่า

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ฟัง ก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ในที่สุดเขาจะบอกกับคนทั้งสามว่า คำว่า “ฮูยาน่า” นั้นเป็นชื่อเรียกของหญิงสาวอินเดียนแดงชาวมิวอก ที่มีความหมายว่า “ฝนที่กำลังตก”

เมื่อฟังเรื่องที่เอ็มเล่าจบ ผมรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก แม้แววตาขี้เล่นแกมเจ้าเล่ห์ของเอ็มจะทำให้คลางแคลงใจในเรื่องที่เล่าอยู่บ้างว่าเป็นความจริงสักแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกหดหู่ ฝนและต่ายหันไปมองรอบๆ อย่างหวาดระแวง เราตัดสินใจกลับออกมาจากทะเลสาบกระจกไม่ช้าหลังจากนั้น

ตอนที่ 4 เส้นทางแห่งสายหมอก

คืนนั้นเราไปกินพิซซ่ากันที่ร้านดาดฟ้าพิซซ่าในเคอร์รีย์วิลเลจที่เราพักอยู่ เสียดายที่ค่ำแล้วเราจึงมองไม่เห็นวิวภูเขาหินแกรนิตของฮาล์ฟโดมอันเลื่องชื่อ หลังจากนั้นเราไปอาบน้ำกันซึ่งเป็นห้องน้ำรวม ผมไม่รู้ว่าเอ็มและแม็กกี้พักอยู่ตรงไหน แต่ทั้งคู่ก็มาปรากฏกายที่ห้องอาบน้ำบริเวณที่พักของเราในเวลาที่ผม ต้น และซ่าไปอาบน้ำกันพอดี

ห้องอาบน้ำแบ่งเป็นห้องๆ จึงไม่น่าจะมีเรื่องราวเร้าใจอะไร แต่ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นเป็นห้องรวม (แต่แยกชายหญิง) ต้นถอดเสื้อออกแล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างไว้ก่อนจะถอดกางเกงซึ่งมันทำเป็นประจำเวลาอยู่บ้าน ส่วนผมเวลาอยู่บ้านมักจะถอดจนเหลือกางเกงในแล้วค่อยเอาผ้าเช็ดตัวมาพัน ไม่ค่อยได้สนใจว่าต้นจะแอบมองผมบ้างรึเปล่า แต่ตอนนี้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามีกันอยู่สี่คน ผมกำลังลังเลว่าจะเอายังไงดี ก็หันไปเห็นซ่ายืนพับกางเกงยีนส์อยู่โดยใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตัวเดียว ผมแอบกลืนน้ำลาย ไม่สามารถละสายตาออกมาจากรุ่นน้องได้ ผมเริ่มถอดเสื้อผ้าออกบ้าง แต่กางเกงในของผมเป็นแบบธรรมดาที่ไม่ใช่บ็อกเซอร์ ขณะผมกำลังลังเลกับการถอดกางเกง ซ่าก็ถอดบ็อกเซอร์ออกอีก เหลือแต่บรีฟสีน้ำเงินตัดกับผิวขาวๆ อวดเป้าด้านหน้าที่อวบอูมสวยงาม ผมใจเต้นแรงมาก อยากวิ่งกลับไปเอากล้องที่เต้นท์มากดถ่ายเสียให้ได้ แต่ภาพนี้ก็เลยทำให้ผมไม่ลังเล ถอดยีนส์ออก โชว์กางเกงในสีขาวของผมเหมือนกันก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ขณะนั้น ต้นที่พูดมากอยู่ก็เงียบไป เมื่อผมหันไปตามสายตาของต้นก็เห็นด้านหลังของหุ่นแกร่งๆ ของเอ็ม อย่างหมดเปลือก เอ็มเอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าขณะเดินแก้ผ้าเข้าห้องน้ำไป ผมได้ยินต้นพูดเบาๆ ว่า

“ยังกับม้าแน่ะ”

ในเต้นท์ที่เราพักมีฮีตเตอร์ แต่เราใช้กันไม่ค่อยเป็น สุดท้ายความร้อนที่ได้ยังไม่พออุ่นนัก แต่ก็ช่วยได้มากโข ผมใส่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวเพราะไม่ชอบใส่หลายชั้น ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึก ไม่แน่ใจว่าเวลาเท่าไหร่ ผมกำลังนอนตะแคงอยู่ รู้สึกหนักๆ ที่ท้อง เมื่อมองดูจึงรู้ว่าต้นเอาขามาก่ายผม แขนกอดรัดผมไว้ ลักษณะเหมือนกอดหมอนข้าง

อันที่จริงผมไม่ได้ว่าอะไรที่น้องกอดผม แต่เมื่อผมจะขยับตัว ต้นก็รัดตัวผมไว้แน่นขึ้น ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวที่ด้านล่าง ที่ก้นของผมมีดุ้นแข็งๆ ถูไถขึ้นลงเบาๆ เจ้าต้นกำลังไส ส่ายเอว เอาท่อนเนื้อของเขามาถูที่ร่องก้นของผม

ในเวลาปกติผมอาจจะไม่ได้สนใจ หรือทำเป็นไม่สนใจ แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้อวัยวะของผมเองก็แข็งเป๊กอยู่เหมือนกัน เมื่อโดนกระตุ้นที่จุดเสียว ควยผมก็กระดกรับ ผมสูดปากออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว

ควยของต้นแข็งมาก และผมคิดว่ามันใหญ่ด้วยเพราะผมรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของมันชัดเจน ผมเคยเห็นอวัยวะเพศของต้นเมื่อตอนเป็นหนุ่มแล้วมาตั้งแต่ปีที่แล้วที่ต้นอายุสิบสี่ แต่เคยเห็นแค่ตอนมันสงบนิ่งเท่านั้น ซึ่งผมก็รู้สึกว่ามันใหญ่เกินตัวมาก ครั้งแรกที่เห็นผมไม่อยากเชื่อสายตา ในคืนนี้เมื่อมันดันก้นผมอยู่ ผมก็ต้องต่อสู้ระหว่างสำนึกของความเป็นพี่ กับความอยากรู้ว่าของน้องผมใหญ่แค่ไหน

สุดท้ายฝ่ายดีก็พ่ายแพ้ ผมเอื้อมมือไปจับควยต้นเพื่อวัดขนาด แล้วก็ต้องตกใจ (หรือดีใจก็ไม่แน่ใจ) เพราะควยของต้นมันโผล่ออกมาจากช่องเปิดของบ็อกเซอร์ ผมจับเข้าไปที่ดุ้นเนื้อของน้องผมเต็มๆ และผมต้องตกใจมากขึ้นอีก เมื่อขนาดโดยรอบของมันเหมือนจะใหญ่กว่าของผมซะแล้ว ทั้งที่เจ้าตัวยังตัวเล็กนิดเดียว

ผมประหลาดใจอีกเป็นครั้งที่สามเพราะเมื่อต้นใสก้นดันควยเข้าหาฝ่ามือของผม น้ำเงี่ยนของต้นก็เปื้อนที่มือผมเต็มไปหมด ผมละมือออกจากควยน้องแล้วหันกลับไปมองหน้าต้น เลยออกไปเป็นเตียงของเนิร์ด และซ่า ทั้งคู่ต่างนอนคุดคู้ คลุมโปงโดยไม่ได้นัดหมาย ผมหันกลับมามองหน้าของต้นอีกที ต้นยังหลับตาพริ้มแต่มุมปากมีรอยยิ้มเล็กๆ เปื้อนอยู่ ผมก้มลงหอมแก้มน้องหนึ่งฟอด ก่อนที่จะตัดใจ ลุกขึ้นเพื่อไปเข้าห้องน้ำ

เมื่อผมขยับตัวลุกนั่งต้นก็รู้สึกตัว ถามผมว่ากี่โมงแล้ว ผมบอกไม่รู้แล้วชวนต้นไปฉี่เป็นเพื่อนกัน ผมลุกขึ้นโดยที่ของยังแข็งโด่ดันกางเกงนอนออกมา ซึ่งนี่เป็นภาพที่ต้นได้เห็นบ่อยๆ ตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพฯ ต้นเองก็ลุกขึ้นโดยส่วนกลางลำตัวชี้โด่มาข้างหน้าเช่นกัน เขาจัดแจงดึงขอบกางเกงมาทับไว้ แต่ผมเดินไปห้องน้ำทั้งอย่างนั้น

ในวันรุ่งขึ้น เอ็มและแม็กกี้ชวนเราไปเดินป่าในเส้นทางที่ชื่อว่า มิสท์เทรล หรือเส้นทางแห่งสายหมอก ทั้งคู่บอกว่าในเส้นทางนี้มีน้ำตกสองแห่งและสามารถเล่นน้ำได้ เราจึงเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย

เรารีบทานอาหารเช้ากันและเริ่มออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า ขณะเดินผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยจึงเป็นคนที่อยู่รั้งท้ายกลุ่มตลอด ทางเดินไม่ได้ยากมาก แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เมื่อเอ็มมิลิโออ้อยอิ่งอยู่กับผมและปล่อยให้แม็กกี้เดินนำหน้าไปก่อน เขาคอยมองเวลาผมถ่ายรูป โดยเฉพาะเวลาผมเปลี่ยนเลนส์เพื่อถ่ายรูปดอกไม้หรือแมลงตัวเล็กๆ ข้างทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็จะเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจของเอ็มมิลิโอมองตาผมอยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้น พอเห็นหน้าเอ็ม เรื่องเศร้าๆ ของสาวน้อยดรีน่ายังหลอนๆ อยู่ในหัวผมอยู่เลย

แล้วสายตาของผมก็หันไปเจอกับกระรอก หรือกระแต หรือตัวอะไรสักอย่าง เอาเป็นว่ามันเหมือนกระรอกละกัน อยู่ในทุ่งตรงเชิงเขา ห่างจากทางเดินของเราออกไปประมาณยี่สิบเมตร กำลังหยิบอะไรขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆ ผมรีบเปลี่ยนเอาเลนส์ซูมเทเลมาใส่แล้วส่องไปที่กระรอกน้อย น่ารักสุดๆ ผมถ่ายไปสองสามรูป แต่ยังไม่ได้ดังใจเพราะแสงเยอะเกินไป จึงก้มลงรื้อกระเป๋าเพื่อหยิบฟิลเตอร์ลดแสงขึ้นมาสวม ขณะนั้นผมก็เห็นเอ็มหยิบก้อนหินก้อนกลางๆ ขึ้นมาจากริมทางเดินแล้วโยนขึ้นทดสอบน้ำหนัก ขณะที่ผมกำลังสงสัยว่าเขาจะทำอะไร เอ็มก็เขวี้ยงก้อนหินไปที่กระรอกตัวนั้น ผมตกใจมาก เอ็มไม่ได้ตั้งใจจะขู่ไล่มัน เพราะขนาดของก้อนหินที่เขาขว้างไปนั้น ถ้าโดนตัวกระรอกจังๆ ผมคิดว่ามันอาจจะตายเลยก็ได้ ก้อนหินเฉียดตัวกระอกไปนิดเดียวและทำให้มันกลัวหนีไป

ผมมองเอ็มอ้าปากค้างขณะที่เขายืนหัวเราะ เมื่อเอ็มหันมาเห็นผมเขาก็ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม ประหนึ่งว่าไม่ได้รับรู้เลยว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไป

“no ha terminado? – not finished?” เอ็มถามผมหน้าซื่อว่า ผมยังถ่ายไม่เสร็จเหรอ

“What did you do that for?” ทำงั้นทำไมวะ ผมโวยกลับไปอย่างเอือมระอา แต่ก็ได้แต่ส่ายหัวเมื่อเอ็มทำเสียงสูงตอบกลับมาว่า

“Do what?” ทำอะไรเหรอ

ผมเดินหน้าเซ็งออกมา หมดอารมณ์ถ่ายรูปไปแล้ว เอ็มเดินตามหลังผม พูดอะไรเรื่อยเปื่อยตลอดเวลา ประมาณว่า ไม่ถ่ายรูปแล้วเหรอ อันนั้นสวยนะ อันนี้สวยนะ แต่ผมไม่สนใจฟัง เดินไปสักพักพอเริ่มได้ยินเสียงกลุ่มข้างหน้า อยู่ๆ เอ็มก็วิ่งนำขึ้นมาแล้วยื่นกล้องของเขาออกมาให้ผม แล้วบอกให้ผมถ่ายรูปให้พร้อมส่งยิ้มหวาน ผมถอนใจด้วยความเอือมแล้วเดินหนี แต่เอ็มตามตื้อผมอีก “please...” เอ็มลากเสียงยาว ผมจึงรับกล้องมาด้วยความรำคาญ พอผมยกกล้องขึ้นถ่าย เอ็มก็ถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออก โชว์กล้ามแกร่งๆ ไร้ไขมันของเขา ผมผงะเล็กน้อย แต่ก็เริ่มชินกับพฤติกรรมของหนุ่มคนนี้แล้วจึงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้เอ็ม เขาเอาเสื้อพาดบ่าแล้วโพสต์ท่าอย่างนายแบบ เอานิ้วโป้งสองข้างเกี่ยวหูเข็มขัดกางเกงขาสั้นดึงรั้งมันลงไป ภาพที่ผมเห็นผ่านเลนส์กล้องทำให้ผมต้องกลืนน้ำลาย เพราะกลุ่มพงขนสีน้ำตาลของเอ็มโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงจนเกือบจะถึงโคนท่อนเนื้ออยู่รอมร่อ ผมรู้ตัวว่าของผมตื่นตัวขึ้นมาทันที ผมรีบกดชัตเตอร์ให้เอ็ม แล้วผละสายตาออกมาจากกล้องเพื่อมองเห็นภาพตรงหน้าด้วยสองตาของผมเอง ในเมื่อเจ้าตัวจัดฉากตั้งใจโชว์ผมซะขนาดนี้ ผมก็จะมองอย่างไม่เกรงใจละ

เอ็มเห็นผมมองตาค้างก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมไม่แน่ใจว่าผมอ้าปากค้างด้วยรึเปล่า คงน่าเกลียดน่าดู เอ็มบอกผมว่า ช่วยเอากล้องผมถ่ายให้หน่อยได้ไหม รูปคงจะชัดกว่า ผมไม่รอช้าเปลี่ยนการ์ดใหม่ใส่กล้อง แล้วส่องเอ็มไปหลายรูป ยิ่งผมถ่าย ท่าโพสต์ของเอ็มยิ่งยั่วผมมากขึ้นเรื่อยๆ รูปสุดท้ายที่ผมถ่ายและต้องหยุดมือนั้น เอ็มใช้มือหนึ่งรั้งขอบเอวกางเกงให้ต่ำเพื่อโชว์ขนสีน้ำตาลรกทึบ ส่วนอีกมือบีบดุ้นเนื้อท่อนใหญ่ที่เริ่มตื่นตัวภายในกางเกงจนเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน ผมลดกล้องลงแล้วมองหน้าเอ็ม เขาเดินตรงเข้ามาที่ผมแล้วใช้มือหนึ่งบีบต้นคอของผมที่ด้านหลัง อีกมือจับต้นแขนของผม แล้วรวบร่างผมเข้าไปบดปาก ผมตกใจตั้งแต่ที่เขาย่างสามขุมเข้ามาแล้ว จึงผลักตัวเอ็มออกและเบี่ยงตัวเองออกมาโดยอัตโนมัติ แขนผมบริเวณที่เขาจับเมื่อครู่ถลอกเป็นรอยแดง

“What the f...” อะไรของพี่วะ ผมสบถ เอ็มยืนยิ้มเยาะตอบกลับมา

“I saw you stared at the other boy in the vestuario last night, I knew you are especial ” เอ็มตอบผมเป็นภาษาอังกฤษปนสเปน ผมไม่ค่อยรู้ภาษาสเปนจึงต้องนึกอยู่สักพัก แต่จากสีหน้าของเอ็มผมก็เข้าใจแล้วว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ที่ผมนึกไม่ถึงคือ หนุ่มฝรั่งลุคแบบแบดบอย หน้าตากวนเบื้องล่างตลอดเวลา ประมาณว่าถ้ามากินเหล้าที่เมืองไทยคงโดนตีหัวแตกไปแล้วนี้ จะเดินเข้ามาจูบผมแบบนั้น แต่ความรุนแรงของเขาก็เป็นอะไรที่ไม่ได้เหนือไปกว่าความคาดหมายของผมเท่าไหร่นัก ผมส่งกล้องคืนให้เขา

“I don’t know what you’re talking about” พูดไรของพี่ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง

“Seguro” เอ็มตอบผมเบาๆ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ผมแปลไม่ออก ผมผละหนีเขาออกมาแล้วรีบจ้ำอย่างเร็วจนในที่สุดก็ตามกลุ่มข้างหน้าจนทัน แม็กกี้กำลังคุยกับเฟมอย่างออกรสออกชาติทีเดียว แต่ผมไม่กล้าสบตาเธอเลย

ตอนที่ 5 น้ำตกเวอร์นอล

(photo by: skrilla - http://www.panoramio.com/photo/20175956)

แม้น้ำตกโยเซเมติล่างที่เราไปกันเมื่อวานแทบจะไม่มีน้ำไหลแล้ว แต่ที่น้ำตกเวอร์นอลนี้น้ำยังไหลแรงใช้ได้อยู่ ผมเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันเลยไม่รู้ว่าถ้ามาช่วงสปริงแล้วน้ำจะแรงสักแค่ไหน ผมเปลี่ยนกลับไปใช้การ์ดอันเดิมก่อนยืนกดรูปไปหลายรูป ใจนึกอยากได้แม็กกี้เป็นแบบเพราะคงจะสวยมาก แต่ผมก็ไม่กล้าสบตาเขา เมื่อผมได้รูปน้ำตกจนหนำใจแล้วผมก็แอบถ่ายซ่า เนิร์ด เฟม และน้องผมที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขาสั้นและลงไปโวยวายอยู่ในน้ำข้างล่างกันหมด เพราะน้ำเย็นมาก ผมได้ยินซ่าตะโกนว่าควยกูหายไปแล้ว... น่าเสียดายจัง...

ขณะที่ผมยืนอยู่ข้างบนและซูเปอร์ซูมลงไปถ่ายซ่าและเนิร์ดแบบเน้นๆ ประมาณว่าเห็นกันถึงรูขุมขนทีเดียว เสียงเอ็มก็ดังจากด้านหลังทำเอาผมตกใจ

“dare them to get naked” ผมหันไปมองหน้าเอ็ม คิดว่าคงจะทำสีหน้าไม่พอใจด้วยล่ะ ไอ้หนุ่มฝรั่งนี้บอกให้ผมท้าน้องๆ ให้แก้ผ้าเล่นน้ำ ถ้าอยู่กันแต่ผู้ชายก็ว่าไปอย่าง นี่มีผู้หญิงอยู่ตั้งสามคน เอ็มเหมือนอ่านใจผมออก พูดต่ออีก

“Maggie is about to take the ninas for a little walk rio abajo ” ผมยืนนิ่งไป ไม่ใช่เพราะไม่พอใจแต่กำลังคิด แผนของเอ็มมันน่าสนใจมากๆ ผมว่าเอ็มคงจะเป็นโรคจิตชอบเด็กเหมือนกับผมแน่ๆ และเอ็มน่าจะได้กำไรมากที่สุดเพราะทุกคนเด็กกว่าเขาหมด แต่ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นคนที่ได้กำไรถัดมาแหละ

“You do it” เอาเลยเฮีย ผมหันไปบอกเอ็ม ซึ่งก็ไม่ต้องรอให้ผมพูดซ้ำสอง เอ็มวิ่งลงไปกระซิบกระซาบกับแม็กกี้ สักพักเมื่อแม็กกี้พาฝนและต่ายเดินไปทางปลายน้ำแล้ว เอ็มก็ตะโกนพูดอะไรกับเฟมสักอย่าง ผมยังไม่รีบลงไปแต่เปลี่ยนเอาการ์ดที่มีรูปของเอ็มอยู่มาใส่กล้อง เพราะถ้าเอ็มทำสำเร็จ ผมก็จะได้รูปสุดตรีนอีกเพียบ แต่ผมคิดว่าเขาคงทำไม่สำเร็จหรอก

เอ็มยังพูดไม่หยุดขณะถอดเสื้อและรองเท้าออก เฟมตะโกนบางอย่างกลับมาก่อนที่เอ็มจะโต้กลับไปอีก เฟมหันไปบอกน้องๆ แล้วผมก็ได้ยินเสียงเด็กสี่คนโวยวายขึ้น เหตุที่ผมคิดว่าแผนของเอ็มอาจจะไม่สำเร็จก็เป็นที่เจ้าต้นนี่แหละ พี่มันอยู่ตรงนี้ผมเดาว่ามันคงไม่กล้าแก้ผ้าต่อหน้าผม ผมลืมบอกไปว่าที่ผมเคยเห็นของมันนั้น เป็นเหตุการณ์บังเอิญนะครับ น้องเองก็ไม่รู้หรอกว่าผมเห็น หรืออาจจะรู้ก็ได้แฮะ ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจ

แล้วอยู่ๆ เอ็มก็ถอดกางเกงขาสั้นออก ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว แต่คนอื่นๆ ไม่รู้ ว่าเขาไม่ได้ใส่กางเกงในมาด้วย น้องๆ ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ ซ่าตะโกนอะไรเกี่ยวกับม้าๆ แล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะ แต่เอ็มหันหลังให้ผม ผมเลยไม่ได้เห็นของเขา แต่ก็ไม่วายเก็บรูปเบื้องหลังของเขาไว้

เฟมตะโกนเรียกผม ผมโบกมือให้แล้วแกล้งหันไปถ่ายตัวน้ำตก ไม่สนใจคนข้างล่าง แต่ผมเห็นเฟมถอดกางเกงออกใต้น้ำแล้วโยนขึ้นมา แล้วตามมาด้วยซ่าอีกคน จากนั้นเฟมและเอ็มไล่ถอดกางเกงเนิร์ด ซึ่งในที่สุดก็ถอดได้ แต่น้องผมว่ายน้ำหนีไปไกลเลย

ใจผมเต้นแรง และเมื่ออยู่ดีๆ เฟมก็เดินแก้ผ้าขึ้นมา ผมก็ควยขึ้นในกางเกงทันที ผมกดรูปเฟมแบบไม่ยั้ง ซูมกันจนเห็นหัวถอกที่ห้อยแกว่งของเฟมจนผมนึกอยากได้กล้องวิดีโอขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น เฟมกวักมือเรียกผม ผมโบกมือให้ แต่ก็ยังรัวกล้องไม่หยุด ไม่สนใจแล้วว่ามันจะว่าเราแอบถ่าย แต่น้องไม่รู้หรอกว่าผมกดไปกี่รูป จากนั้นเฟมก็กระโดดน้ำลงไป ผมถ่ายไว้ทั้งหมด

แล้วจากนั้นซ่าก็เดินแก้ผ้าขึ้นมาอีกคน หุ่นยังกับนักมวย ผมอยากจะจับปล้ำซะเดี๋ยวนั้นจริงๆ แล้วก็ที่มันบอกว่าควยมันหายไปแล้วเนี่ย มันโกหกครับ ท่อนเนื้อของน้องถึงจะหดไปบ้าง แต่ก็ยังเห็นการแกว่งไกวได้ชัดเจน คงเป็นเพราะขนบริเวณนั้นยังขึ้นไม่เยอะด้วย ผมเลยเห็นท่อนของซ่าชัดเจน ผมเริ่มอยากเห็นแล้วว่าของน้องผมเองจะสู้เพื่อนๆ เขาได้ไหม ส่วนเนิร์ดไม่ยอมขึ้นมา แม้ว่าคนอื่นๆ จะเชียร์กันแค่ไหนก็ตาม

ตอนนั้นผมควยแข็งมาก กำลังยืนสงบสติอยู่ เอ็มก็เดินเปลือยขึ้นมาจากสระตรงมาที่ผม ขนตรงแผงอกที่เปียกน้ำเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบ แต่กระนั้นผมก็ละสายตาจากร่างเปลือยเปล่าและดุ้นเขื่องของเอ็มไม่ได้เลย ผมไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้มันจะใหญ่เท่าม้าจริงหรือเปล่า แต่ที่เห็นตอนนี้มันคงจะหดไปบ้างแล้ว ยิ่งเห็นภาพนี้ ผมยิ่งตื่นตัวแล้วก็ลืมกดกล้องไปเลย เอ็มเดินขึ้นมาฉุดผมถึงข้างบน ซึ่งจุดที่ผมยืนอยู่นี้ เห็นหลังของสามสาวอยู่ลิบๆ ถ้าพวกนั้นหันกลับมาก็คงเห็นเอ็มแก้ผ้าแน่ๆ ผมจะไม่ลงก็ไม่ได้ เพราะเป็นคนท้าเอ็มเอง โชคดีที่เมื่อเก็บกล้องแล้วเดินลงมาถึงฝั่งน้องผมก็เริ่มสงบแล้ว ผมถอดเสื้อถอดกางเกง เหลือแต่กางเกงใน ซ่า เฟม และเอ็มส่งเสียงเชียร์ผมใหญ่ ส่วนต้นหนีไปอยู่ไกลๆ แต่ตามองมาที่ผม

ผมหันหลังให้พวกนั้นแล้วถอดกางเกงในสีขาวออก เสียงเชียร์ดังขึ้นอีก เสียงเฟมพูดขึ้นว่า โคตรเนียน แล้วก็หัวเราะ พี่น้ำอย่าโชว์ตูด ผมเสียว ซ่าพูดขึ้น ผมเอามือกุมควยที่แข็งกึ่มๆ แล้วกระโดดตูมลงไป ในใจยังคิดว่า คนที่เสียวน่ะ กู เอ็มลอบส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม ผมไม่ชอบใจนัก แต่ก็แอบขอบใจเขาไม่ได้

เล่นน้ำกัน ดำผุดดำว่าย ผมเห็นทั้งของซ่า ทั้งของเฟม และของเนิร์ดว่อบแวมโผล่พ้นน้ำตลอดเวลาว่ายน้ำ เฟมกับซ่าขึ้นมากระโดดน้ำอีกคนละสองสามรอบ สองคนนี้ไร้เดียงสาโคตรๆ เลย ไม่รู้เลยว่ามีสายตาจระเข้มองอยู่ในน้ำตั้งสองคู่เชียว ผมคิดว่าสาเหตุที่เอ็มไม่ขึ้นมาโดดน้ำอีกคงเพราะของเขากำลังแข็งเหมือนกับผม ซึ่งในจังหวะที่เอ็มเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ควยม้าของเอ็มก็ทิ่มที่ต้นขาผมอย่างจงใจ

ผมขึ้นก่อนเป็นคนแรกเพื่อน้องๆ จะได้ไม่เห็นควยกึ่มของผม เช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วเด็กๆ ก็พากันขึ้นมา และในที่สุดผมก็ได้เห็นเจี๊ยวหดๆ ของเนิร์ดจนได้ ให้ตาย มาอเมริกาครั้งนี้โคตรคุ้มเลยสำหรับผม

เมื่อเอ็มขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย เขาไม่สนใจจะปิดควยกึ่มของตัวเองเลย ขนาดไม่แข็งก็คงใหญ่อยู่แล้ว พอกึ่มๆ ยิ่งอลังการมาก แต่ก็ไม่มีใครแซวอะไรกันอีก

จากน้ำตกเวอร์นอลเราก็ตัดสินใจเดินกลับกัน ซึ่งก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรนัก แต่แม็กกี้ลื่นล้มและขาขูดเข้ากับก้อนหินจนถลอกและเลือดออก ผมใจหายวาบ กลัวว่าเขาจะเดินต่อไม่ได้ แต่หลังจากทำแผลแล้ว แม็กกี้ก็ยิ้มให้บอกว่าสบายมาก แล้วเดินกระเผลกมาเรื่อยๆ ในบางจังหวะเอ็มก็ให้แม็กกี้ขึ้นขี่หลัง ผมเห็นภาพน่ารักๆ แบบนี้แล้วก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แต่สมองฝ่ายมารของผมดันอดคิดทะลึ่งถึงตอนกลางคืนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในเต้นท์ไม่ได้

ข้างหน้าผม ต้นกับต่ายเดินด้วยกัน ผมเห็นต้นแอบหยอกต่ายประมาณ จับแก้ม ลูบหัว อยู่หลายครั้ง ผมไม่แน่ใจว่าควรจะปรามอะไรน้องหรือเปล่า อยู่เมืองไทยคงไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้เท่าไหร่นัก นี่ถ้ามากันสองคน ต้นคงเดินเกาะ กอด แล้วก็แกล้งผมมาตลอดทาง จู่ๆ จูบของเอ็มก็แว่บเข้ามาในหัวแล้วผมก็รู้สึกดาวน์อย่างบอกไม่ถูก

น้ำตกโยเซเมติล่าง ในวันที่น้ำแรง (ถ่ายเดือน พ.ค.ครับ) รูปพอเป็นไอเดียนะคับ ไม่ค่อยสวยมาก ไว้จะเอารูปสวยๆ (ของคนอื่น) มาลง

เครดิต Nathan Denny ที่เว็บนี้นะคับ
http://photography.nathandenny.com/tag/yosemite/page/2/

ยอดเขาตรงกลางรูปน่าจะเป็นฮาล์ฟโดมครับ

ปล. อยากเห็นรูปในกล้องคุณอิ๊ก มากกว่าอ่ะครับ >///<

ปล. ผมโพสต์ตอนที่ 5 หลังจากโพสต์รูป Mirror Lake แต่ทำไม่ค่อยเป็น คห. ก็เลยขึ้นไปอยู่ข้างบนแทน ขออภัยด้วยค้าบ

ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตรึเปล่า เพราะผมเองก็ไม่ได้สังเกตแหะๆ

"พี่น้ำอย่าโชว์ตูด ผมเสียว"

คือง่ายๆ เลยอะครับ ทั้ง น้ำ และ อิ๊ก ไม่ใช่ชื่อจริงผม ลืมเมกให้ตรงกันน่ะฮะ พอดีใช้ชื่ออิ๊กกับที่นี่มานานแล้ว แต่ตอนเขียนใช้ชื่อน้ำเพราะมันใกล้กับชื่อผมมากกว่าน่ะ

แต่ยังไง น้ำ ก็เป็นแค่ตัวละครนะครับ เป็นแค่มุมหนึ่งของผมเท่าน้านเอง

แว่บเข้ามาดู เด๋วขอจัดแจงเนื้อตัว ทานข้าว แล้วจะมาอัพตอนต่อไปนะคับผม เขียนไว้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จคับ

ตอนที่ 6 ที่ที่คุ้นเคย

โยเซฯ แวลลีย์จากอาร์ทิสท์ พอยท์ (Photo by: http://www.yosemitehikes.com)

โยเซฯ แวลลีย์จากทูนเนล วิวในวันหมอกหนา (Photo by: อิ๊ก)

เรากลับถึงที่พักตอนเกือบบ่ายสอง หิวโซมาก กินข้าวหมดกันอย่างรวดเร็ว มีคนถามขึ้นมาว่าจะทำอะไรต่อ เฟมเสนอให้ไปที่จุดชมวิวหุบเขาซึ่งใช้เวลาเดินอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ซ่าบอกว่าวันนี้เดินไม่ไหวแล้ว เพราะโดดน้ำไปหลายรอบ ขอนอนพักชิลๆ ดีกว่า ภาพของซ่ากับเฟมแก้ผ้าโดดน้ำยังติดอยู่ในสมองของผมตลอด คืนนี้ผมจะต้องชักว่าวในห้องน้ำด้วยภาพเหล่านี้แน่นอน

จู่ๆ เอ็มเดินเข้ามาแล้วถามว่า ใครอยากไปดูต้นไม้ยักษ์ที่มาริโปซ่า กรูฟบ้าง ผมต้องยอมรับว่าถึงจะไม่ไว้ใจหมอนี่นัก แต่เขาก็เหมือนจะรู้ใจผมทุกเรื่องจริงๆ

ที่มาริโปซ่า กรูฟนั้น อยู่ไกลจากโยเซ แวลลีย์ที่เราอยู่ไปประมาณเกือบห้าสิบกิโล เมื่อสามปีที่แล้วผมก็ไม่ได้ไป แล้วก็อยากไปมาก เพราะที่พี่สาวถ่ายรูปมาให้ดูนั้นเหมือนเข้าไปเดินอยู่ในป่าเอลฟ์ในลอร์ดออฟเดอะริงเลย อีกอารมณ์หนึ่งก็ประมาณเกมไฟนอลแฟนตาซี เพราะเกมนี้มีกรูฟอะไรต่อมิอะไรเยอะไปหมด เอ็มบอกว่าพอดีจะมีนักท่องเที่ยวกลับลงไปทางสาย 41 ซึ่งจะผ่านพอดีถ้าเราจะไปก็ติดรถเขาไปได้ เพียงแต่ว่าไปได้ไม่เกิน 4 คนเท่านั้น

เมื่อผมแปลให้ต้นฟัง น้องก็ทำท่าสนใจขึ้นมา ถามว่าผมจะไปไหม และผมตอบว่าไป ตั้งแต่ที่ต้นเริ่มแตกหนุ่ม และเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น คือมากกว่าที่เคยสนิทกันตอนที่เขายังเด็กกว่านั้น ถ้าต้นมาอยู่ที่บ้านผม คือไม่ว่ามาเที่ยวช่วงปิดเทอมตอนอยู่ม.ต้น หรือตอนมาอาศัยอยู่ที่บ้านผมตั้งแต่ขึ้นม.4 เขาจะตัวติดกับผมตลอด ถ้าไม่นับหลังเลิกเรียนแล้ว ต้นแทบจะไม่ไปไหนถ้าผมไม่ไปด้วย แล้วผมไปไหน ก็แทบจะต้องมีต้นตามไปด้วยทุกครั้ง ดังนั้นที่ต้นถามว่าผมจะไปไหมก็เท่ากับว่า ต้นจะไปเมื่อผมไป

เฟมขอตัวเพราะอยากไปจุดชมวิวมากกว่า ส่วนซ่าดูลังเลว่าจะตามเฟมไปหรือจะนอนอยู่ที่แวลลีย์ (บริเวณที่เราพักเป็นแวลลีย์หรือหุบเขา) ฝนตามพี่ชายไปแน่นอน ส่วนเนิร์ดยังตัดสินใจไม่ได้ เหมือนว่าอยากจะไปที่จุดชมวิวมากกว่า สุดท้ายผมเลยบอกเอ็มว่า ผมกับต้นจะไปกันสองคน

เอ็มนัดสามโมงครึ่ง แต่ก่อนจะถึงเวลานัด ผมเห็นน้องผมหนีไปคุยกับต่ายลำพังสองคน มองปราดเดียวผมก็รู้ว่าคงมีปัญหาละ สุดท้ายต้นเดินหน้าหงิกมาบอกว่าไม่ไปแล้ว

ผมได้ยินก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ตั้งแต่เริ่มสนิทกัน น้องเคยมีอาการงอนแบบนี้อยู่สองสามครั้ง ส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยซีเรียสแล้วก็เฉยๆ ซะ เพราะยิ่งแรงกลับไป น้องก็จะยิ่งแรงกลับมา วัยรุ่นนะครับ แต่ถ้าปล่อยให้อารมณ์ดีเดี๋ยวมันก็มาหาผมเอง แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกน้อยใจลึกๆ ผมรู้ว่าน้องคงอยากให้ผมตัดสินใจอยู่ด้วยกันที่นี่ แต่ผมอยากไปมาริโปซ่า กรูฟมากเลยยิ่งรู้สึกโมโหกับความเห็นแก่ตัวของน้อง ผมพูดไปแค่ว่า

“จะทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเสียไปเพราะคนคนหนึ่ง คิดดีแล้วเหรอ”

แล้วก็เป็นอย่างที่คาด มันยิ่งงอนจนหน้าแดง น้ำตาคลอหน่วย แต่ผมโกรธเกินกว่าจะมานั่งโอ๋ เลยหยิบกระเป๋ากล้องแล้วเดินไปรอเอ็มและแม็กกี้ที่จุดนัด

ใกล้ถึงสามโมงครึ่ง เอ็มเดินมาหาผมคนเดียวบอกว่าแม็กกี้เจ็บขา กินยาแก้ปวดแล้วก็ขอนอนพักอยู่ที่เต้นท์ ผมชักจะไม่แน่ใจขึ้นมาถ้าจะต้องไปกับเอ็มแค่สองคน ยอมรับว่าผมไม่ไว้ใจเขาเท่าไหร่นัก

เมื่อรถออกขณะที่โทรศัพท์ยังมีสัญญาณผมก็โทรหาเฟมแล้วฝากให้ดูแลต้นด้วย เฟมรับปากแล้วบอกผมว่าไม่ต้องห่วง สองสามีภรรยาเจ้าของรถชวนเราคุยไปตลอดทาง แต่เอ็มตอบกลับไปคนเดียว ผมแค่ยิ้มรับบ้าง ไรบ้างเท่านั้น แค่รู้สึกตงิดใจตรงที่เขาถามว่า เราจะพักกันที่ไหน และเอ็มตอบเขาว่า ยังไม่ได้คิดเลย

Mariposa Grove of Giant Sequoias (Photo courtesy of Delaware North)

เจ้าของรถพาเราไปส่งจนถึงจุดเริ่มเดินเท้า ผมเห็นมีรถจอดอยู่บ้างที่ลานจอดรถก็ใจชื้นขึ้นมา จากเอกสารแล้วเราคงจะเดินได้แค่ส่วนล่างเท่านั้นเพราะตอนนั้นเกือบสี่โมงแล้ว ฟ้าในช่วงเดือนตุลาจะมืดเร็วพอสมควร อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ผมเริ่มกังวลที่ไม่ได้เอาแจ็คเก็ตตัวที่หนากว่านี้มาด้วย เราเดินเข้าไปได้หน่อยเดียว ก็มีครอบครัวหนึ่งเดินสวนออกมา พอพวกเขาคล้อยหลังไปแล้ว เอ็มก็คว้ามือผมไว้แล้วฉุดวิ่งไปตามทาง อากาศสดๆ ของผืนป่าปะทะหน้าผม เลยรู้สึกสนุกดีเหมือนกัน

เมื่อได้เห็นของจริงใกล้ๆ ผมแทบน้ำตาไหล ต้นไม้ยักษ์นี้คือต้นซิคอยย่ายักษ์ แต่ละต้นมีอายุนับพันปี ผมกำลังยืนอยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดมาเมื่อพันกว่าถึงสองพันกว่าปีที่แล้ว ต้นที่ใหญ่ที่สุดที่เรายังเดินไปไม่ถึงนั้น มีอายุถึงสองพันเจ็ดร้อยปี ก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูติเสียอีก ผมตั้งใจว่าจะรีบเดินเข้าเดินออก แต่พอเห็นกับตาใกล้ๆ แบบนี้ ผมนึกเสียดายอยากจะมาที่นี่ตั้งแต่เช้า และนึกขอบคุณเอ็มอยู่ในใจ ผมหันไปยิ้มให้เขา เอ็มที่มองผมอยู่แล้ว ก็ยิ้มรับและยักคิ้วตอบ

จุดหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้คือต้นซิคอยย่าที่ชื่อแคลิฟอร์เนีย ทูนเนล อุโมงค์แห่งแคลิฟอร์เนีย ชื่อนี้มีที่มาชัดเจน เพราะต้นไม้ต้นนี้ถูกเจาะที่ด้านล่างจนเป็นโพรงที่ใหญ่ขนาดที่รถม้าโบราณของฝรั่งลอดผ่านได้ ถ้าจะให้สมัยนี้ก็ต้องบอกว่า ความกว้างของโพรงนั้น รถมินิคูเปอร์วิ่งผ่านได้สบายฉิว

โชคดีที่มีเอ็มมาด้วย ผมให้เขาไปยืนเป็นแบบในโพรงต้นไม้ เขาเดินไปยืนให้ผมแต่โดยดี และถึงจะหล่อขนาดนั้น แต่ผมก็ให้เขาหันหลังให้ผม เพราะได้อารมณ์มากกว่า

ผมไม่ได้ชื่นชอบการมีรูปตัวเองอยู่ในภาพถ่ายเท่าไหร่นัก แต่พอเอ็มถามว่าผมอยากถ่ายไหมผมก็ยื่นกล้องให้เอ็มทันที ด้วยอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ผมรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มากๆ คุ้นกับภาพควันไฟที่ลอยเฉื่อยฉิวออกมาจากปล่องควันของบ้านไม้หลังเล็กกลางป่าซิคอยย่ายักษ์ ผมจะเคยมีชีวิตอยู่ในป่านี้มาก่อนรึเปล่านะ

ที่ป่าซีคอยย่ายักษ์นี้ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า ผู้ที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้ที่จะอยู่รอดตลอดไป สาเหตุที่ซิคอยย่าอยู่มาได้นับพันปีนี้ก็เพราะความเปราะของมันนั่นเอง ไม้ซิคอยย่าไม่สามารถเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ได้ มันจึงไม่ถูกตัดโค่น และปล่อยให้เติบโตมาได้ถึงขนาดนี้ (ไม่นับพวกนักตัดไม้ในยุคหนึ่งที่ทำเพื่อความเท่) เทียบกับไม้เนื้อแข็งส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ได้ถึงร้อยปีก็นับว่าเก่งแล้ว

ผมนั่งกอดเข่าอยู่ในโพรงต้นไม้ เอ็มถ่ายรูปให้ผมไม่รู้กี่รูปก็เดินเอากล้องมาใส่กระเป๋าคืนให้ผม ผมมองหน้าเขาอยากจะพูดว่าขอบคุณ แต่เอ็มกำลังโน้มหน้าหวานๆ ของเขาเข้ามาหาผมแล้ว

เอ็มจูบผม และผมจูบเอ็ม อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้ผมตัวสั่น ผมรู้สึกได้ว่าท่อนแขนแข็งแรงของเอ็มกอดผมไว้อย่างแผ่วเบา ที่ป่ากว้างใหญ่ เราสองคนเหมือนมดตัวเล็กๆ และบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีกเลย

เอ็มเอามือมาลูบเป้ากางเกงผม เขาคงสัมผัสได้กับท่อนเนื้อของผมที่ขยายตัวแข็งเกร็ง ผมเอามือลูบไปที่เป้ากางเกงของเอ็มบ้างและพบว่ามันแข็งสู้มืออยู่แล้ว พอผมออกแรงบีบ เอ็มก็จับต้นแขนทั้งสองข้างของผมแล้วยกตัวผมให้ยืนขึ้น เอ็มดันผมประชิดกับผนังของลำต้นไม้แล้วบดลิ้นกับผมอย่างหนักหน่วง มือเอ็มสาละวนกับการปลดซิบกางเกงผมและพยายามล้วงเอาท่อนเนื้อของผมออกมา แต่ผมเจองานง่ายกว่า เอ็มปลดตะขอกางเกงออกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พอผมรูดซิบ กางเกงก็เปิดอ้าออก ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนจากขาสั้นมาใส่ยีนส์แล้ว แต่ก็ยังคงไม่ได้ใส่ชั้นในผมจึงคว้าท่อนยักษ์ของเอ็มออกมาได้อย่างง่ายดาย เอ็มจูบเก่งมากจนผมเคลิ้มไหว แต่เมื่อท่อนเนื้อของเอ็มอยู่ในมือ ผมก็ต้องผละออกจากจูบของเขาเพื่อมองมันให้เห็นกับตา

มือผมที่กำท่อนเนื้ออยู่นั้น ปิดบังได้เพียงไม่ถึงครึ่งท่อน ส่วนที่เหลือยาวใหญ่โผล่พ้นกำมือผมออกมา ผิวสีแทนของเอ็มนั้นไม่รวมถึงของสงวนของเขาซึ่งคล้ำลงเพียงเล็กน้อยจากสีขาวธรรมชาติ หัวสีชมพูบวมเป่งดูสวยงามมากๆ เอ็มยังคงปล้ำไซร้ผมไม่หยุด เขาละมือออกจากน้องชายของผมแล้วมากอดผมไว้แรงๆ พร้อมไซร้ที่ซอกคอ ผมเสียวจนต้องเขย่งขา ขยับหนีตอหนวดของเขาแต่แขนแข็งแกร่งของเอ็มรั้งผมไว้แน่น

จากนั้นเอ็มยกมือขึ้นมาแล้วกดหัวไหล่ของผมให้นั่งลง

ผมไม่ได้รังเกียจท่อนเนื้อของผู้ชายเลย แต่ก็ใช่ว่าผมจะเคยเอามันเข้าปากบ่อยเสียเมื่อไร แล้วยิ่งเป็นฝรั่งด้วยแล้ว ผมเริ่มรู้สึกกลัว ใจหนึ่งอยากจะเอาลิ้นลงละเลงเลีย อยากใช้ปากครอบเพื่อสัมผัสขนาด ผมจะหาของใหญ่ขนาดนี้ในเมืองไทยคงไม่ง่าย แต่แรงจากท่อนแขนแข็งแกร่งของเอ็มที่กดบ่าผมลงนั้นทำให้ผมเริ่มกลัว

ใบหน้าของแม็กกี้แว่บเข้ามาในหัวของผม ผมเริ่มชะงัก

จากนั้นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของน้องชายผมแว่บเข้ามาในหัว ของผมเริ่มหดลงแล้ว ผมผลักเอ็มออก

แต่เอ็มไม่ยอมออก เขายังพยายามกดผมลงไปและใช้แรงมากขึ้นจนผมเจ็บ ผมเริ่มส่งเสียงดังขึ้นบอกเขาให้หยุด และสุดท้ายผมก็ดิ้นหลุดออกมา

ผมเก็บท่อนเนื้อของผมและรูดซิบ กางเกงยีนส์ของเอ็มเลื่อนหลุดจากสะโพกและเปิดอ้าอยู่ แต่ผมหักใจไม่มองและหยิบกระเป๋ากล้องขึ้นสะพายข้างเดียว

ตอนที่เอ็มเดินเข้ามา เขาใส่กางเกงแล้ว พอถึงตัวผม เอ็มก็กระชากกระเป๋ากล้องผมหลุดจากบ่า ตัวผมเซถลาตามแรงดึงจนเกือบล้ม แต่ผมทรงตัวไว้ได้ เอ็มตะคอกผมเป็นภาษาสเปนซึ่งผมแปลไม่ออกผมหันหลังให้เขาแล้ววิ่ง แต่เขารั้งผมไว้ทันแล้วผลักให้ด้านหน้าผมกระแทกกับผนังต้นไม้เต็มแรง ผมใช้สองมือยันไว้แต่ก็จุกไปเหมือนกัน เอ็มตามเข้ามาประกบข้างหลังผมแล้วดันตัวเขาเข้ามาจนตัวผมแนบกับต้นไม้ เขาพูดเป็นภาษาสเปนอีกซึ่งผมไม่สนใจแล้ว เอ็มปลดตะขอและรูดซิบกางเกงของผมลง แต่ก่อนที่เขาจะดึงกางเกงผมลงไป ผมก็นั่งลงแล้วดิ้นออกมาจนหลุดจากล็อคของเขา

เมื่อเอ็มเดินเข้ามาอีก ผมใช้มือข้างหนึ่งดึงขอบเอวกางเกงยีนส์ขึ้นแล้วยกเท้าถีบที่อกของเขาค่อนข้างแรง เอ็มเซถลาไปทางด้านหลังและล้มก้นจ้ำเบ้า ขณะที่เอ็มนั่งงงอยู่กับพื้น ผมวิ่งไปหยิบกระเป๋ากล้องขึ้นพร้อมคิดหาทางรวดเร็ว แต่ผมไม่สามารถจะหนีเขาไปไหนได้ เพราะเรายังต้องรอโบกรถกลับไปที่แวลลีย์อีก ทางที่ดีที่สุดคือต้องใจดีสู้เสือ ผมค่อยหยิบเอามีดพับสวิสในกระเป๋ากล้องออกมาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงโดยไม่โชว์ให้เอ็มเห็น

ที่ผมกลัวนั้นไม่ใช่จะกลัวโดนข่มขืนนะครับ แต่ผมไม่รู้จะเน้นให้เข้าใจได้มากกว่านี้ยังไงแล้วว่า หน้าตาเจ้าเล่ห์ของเขามันดูไม่น่าไว้ใจจริงๆ และการที่เขามีความสุขกับการเขวี้ยงหินก้อนใหญ่ใส่กระรอกที่อาจจะทำให้มันตายได้นั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไรได้อีกบ้าง แม้ว่าผมจะรูปร่างสมส่วนกับความสูง 175 แต่ก็ออกไปทางบางนิดๆ แต่ถ้าเทียบกับเอ็มแล้ว ถึงแม้เขาจะสูงกว่าผมเพียงไม่เกินห้าเซ็นต์ แต่ความหนานั้นผมด้อยกว่าเขาอยู่พอสมควร และถึงแม้ผมจะพอมีดีอยู่บ้าง แต่ใครจะรู้ว่าเขาอาจจะมีดีกว่าผมก็ได้

ผมหมุนเป้ใส่กล้องมาสะพายทางด้านหน้า เมื่อเอ็มยืนขึ้นผมบอกเขาดีๆ ว่าถ้าเราไม่รีบออกไปจะไม่ทันค่ำ เอ็มยืนขึ้นรูดซิบกางเกงปิด แต่ตาของเขามองหน้าผมไม่ลดละ เขาไม่ได้ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกแล้ว เอ็มเหมือนกำลังประเมินอะไรอยู่

ผมนึกถึงน้อง คงจะดีแล้วที่ผมให้น้องอยู่ที่แวลลีย์ ผมนึกถึงพ่อแม่ นึกถึงบ้าน นึกถึงเมืองไทย

ผมบอกให้เอ็มเดินนำหน้าไป เมื่อเขาเดินผ่านผม ผมกางขาออกในท่าเตรียมโดยอัตโนมัติ ขณะที่เอ็มเดินผ่านผมไปเขาก็พูดว่า

“I was not gonna hurt you, you know” ชั้นไม่คิดทำร้ายนายหรอก รู้มั้ย แต่ผมยังยืนตั้งท่าอยู่อย่างนั้น เมื่อเอ็มเดินขึ้นหน้าไปแล้ว เขาหันกลับมาถามผมอีกอย่างหัวเสีย

“What are you so scared of?” กลัวอะไรนักหนาหรือ

ตอนที่ 7 โชว์ริมถนน

ถนนสาย 41 (Photo by: Have fun SVO)

ระหว่างทางเดินออกมา ผมล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงและกำมีดพับสวิสเล่มใหญ่ไว้ตลอดเวลา ผมไม่คิดว่าเอ็มจะเลวร้ายถึงขนาดที่ผมต้องใช้มัน แต่ก็เผื่อๆ ไว้

เมื่อออกมาแล้ว ผมรู้ว่ามีรถบัสไปที่วาโวนา แต่เราต้องโบกรถต่อไปที่แวลลีย์อยู่ดีเอ็มจึงบอกว่าจะเดินไปรอโบกรถที่ถนนเลย ซึ่งผมก็เดินตามเขาไปห่างๆ ที่ถนน ผมยืนมองเอ็มไม่ละสายตา มือหนึ่งล้วงกำมีดพับสวิสในกระเป๋ากางเกงไว้ เอ็มมองผมตอบ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้งขณะถามผมว่า

“Can I hold you now? For the last time before we’re back in the valley” เอ็มขอกอดผมอีกครั้ง แต่ผมปฏิเสธ

“You’re so cute, you know that?” เอ็มชมว่าผมน่ารัก ไม่รู้จะมาไม้ไหน “You teased me and left me hanging” เอ็มเริ่มบ่นแล้วว่าผมทำให้เขาอารมณ์ค้าง ผมไม่เถียงเขา เพราะผมเองก็อารมณ์ค้างเหมือนกัน

“Guess I’ll have to finish it off por mi mismo  , then” ผมมองหน้าเอ็ม ไม่แน่ใจว่าเขาพูดว่าอะไร แต่สิ่งที่เห็นคือ เอ็มเริ่มเอามือลูบไล้ตัวเอง มือข้างหนึ่งลูบที่เป้า และอีกข้างหนึ่งสอดเข้าไปในเสื้อและวนอยู่บริเวณหัวนม ผมเห็นอวัยวะของเอ็มขยายขึ้นในกางเกงยีนส์ก่อนที่เจ้าตัวจะเอามือล้วงเข้าไปทางขอบกางเกงแล้วขย้ำท่อนของตัวเองภายในนั้น

หนุ่มสเปนคนนี้ยังทำให้ผมประหลาดใจได้อีก กลางถนนฟ้าสว่าง เขายืนลูบไล้ตัวเองอยู่ต่อหน้าผม ถึงจะไม่มีคนอื่นอยู่บริเวณนั้น แต่ผมรู้สึกเขินแทนจนหน้าร้อนผ่าว ขณะที่ผมใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เอ็มก็ปลดตะขอกางเกงและรูดซิบลง แล้วควักเจ้าโจกอันเขื่องที่ขยายตัวเหยียดยาวออกมาจากกางเกง

เอ็มรูดซิปเสื้อแจ็กเก็ตลง แล้วถลกเสื้อยืดขึ้นโชว์แผงอกและกล้ามท้อง จากนั้นเขายกนิ้วชี้ขึ้นดูดแล้วเอามันลงมาวนที่หัวนมสีขมพูของเขา มืออีกข้างหนึ่งจับท่อนเนื้อสาวขึ้นลง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ของผมเองแข็งแทบจะระเบิด ผมก้มลงมองตัวเองก็เห็นได้ว่าทั้งที่ใส่กางเกงในอยู่ แต่ควยของผมก็ดันเป้ากางเกงยีนส์จนตุงออกมาจนผมรู้สึกเจ็บ ผมมองโชว์เบื้องหน้าใจเต้นแรง ในขณะที่เอ็มมองหน้าผมอยู่ตลอดเวลาที่เขายืนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองอยู่ริมถนนหลวงสาย 41 นี้

เรายืนหันหน้าเข้าหากัน และหันไปในทางทิศตรงกันข้ามของถนน หากรถมาทางใดทางหนึ่งเราคนใดคนหนึ่งก็จะมองเห็นได้ ผมกับเอ็มยืนห่างกันระยะประมาณสามเมตรและตอนนี้เขาเริ่มขยับเข้ามาใกล้อีกนิด

ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนที่โชว์อยู่ แต่ใจกลับเต้นแรงมาก น้องผมแข็งดันกางเกงยีนส์จนเจ็บ ผมเอามือข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่ดันมันขึ้นมาเพื่อให้มันพาดไปทางด้านข้าง ตอนนั้นผมเริ่มอยากจะลูบไล้ตัวเองบ้าง อากาศเริ่มเย็นลง ถนนว่างมาก ข้างถนนถัดไปด้านหลังของผมเป็นหุบเขาเวิ้งว้าง มีลมแรงพัดเข้ามาเป็นระลอก ผมหมุนเป้กลับไปสะพายที่ด้านหลังแล้วดึงมีดพับสวิสออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกางใบมีดออก เอ็มส่งยิ้มให้ผมแล้วบอกว่า เขาอยากจะจูบกับผมทั้งวัน

“I can eat those pink lips all days”

ผมไม่สนใจ ค่อยเดินเข้าไปหาเขาอย่างระวัง ในมือยังคงถือมีดพับสวิสอยู่ โรงแรมวาโวนาอยู่ไม่ไกลเรานัก เขาคงไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ขณะที่ผมเดินอ้อมหลังเขาไป เอ็มเพียงแค่ชำเลืองมองแต่ไม่ได้หันมา ไม่กลัวว่าผมจะเอามีดปักที่กลางหลังเขาเลย

ผมเดินมายืนข้างหลังของเอ็ม เอามีดกดไปที่เอวของเขาผ่านเสื้อแจ็คเก็ต เพื่อเตือนไม่ให้เขาบุ่มบ่าม จากนั้นผมอ้อมมือข้างขวาไปจับท่อนเอ็นยักษ์ของเขาทางด้านหน้า เอ็มปล่อยมือของเขาที่กำลังรูดหนังหุ้มของตัวเองขึ้นลงอยู่เพื่อให้มือของผมจับเนื้อของเขาได้ถนัด มือผมสั่นเล็กน้อยขณะกำรอบท่อนเอ็นของเอ็ม มือที่เย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้นทำให้หนุ่มสเปนสะดุ้งเล็กน้อย สูดปาก ท่อนเนื้อของเอ็มอุ่นมากในมือผมและกระดกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อผมกำมัน ผมกำมันไว้อย่างนั้นเพื่อสัมผัสไออุ่นและความหยุ่นนุ่ม มันเต้นตุบๆ ตามจังหวะชีพจรของเจ้าของราวกับมีความนึกคิดของมันเอง เอ็มเอามือของเขามาจับมือผมไว้แล้วขยับมือผมขึ้นลงพาเอาหนังหุ้มอวัยวะของเขารูดขึ้นลงไปด้วย เอ็มเหลียวมาเพื่อบอกให้ผมกำมันให้แน่นๆ

“grab harder, kid”

ผมออกแรงบีบท่อนเอ็นของเขาแรงขึ้น เหมือนอย่างเวลาผมชักว่าวให้ตัวเอง แล้วสาวลำควยของเอ็มขึ้นลง เอ็มเงยหน้าสูดปาก จากทางด้านหลังผมจะเห็นแค่ใบหน้าทางด้านข้างของเขาเท่านั้น มันดูน่ารักและเซ็กซี่มาก ทั้งที่มือซ้ายของผมยังจี้มีดไว้ที่เอวของเขา ผมเขยิบตัวเองประกบชิดด้านหลังของเอ็มและบดท่อนเนื้อของผมที่อยู่ในกางเกงยีนส์เข้ากับก้นแน่นๆ ของเอ็ม มือขวายังคงรูดท่อนเนื้อให้เขาเป็นจังหวะ

ผมเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อจูบที่ต้นคอของเขา เอ็มแหงนหน้าสูดปากแล้วปล่อยมือที่กำมือผมออกเพื่ออ้อมมาจับเอวผมและดันให้ร่างผมแนบชิดกับร่างเขามากขึ้น ผมหันไปมองรถทางด้านหลัง... ถนนยังว่างอยู่

เอ็มคงรู้สึกถึงท่อนเนื้อที่แข็งขันของผมจึงขยับสะโพกของเขาบดเข้ากับเป้าของผม เมื่อเอ็มบอกให้ผมเร่งความเร็ว ผมก็กำมีดแน่นขึ้นในมือซ้ายแล้วยกแขนซ้ายขึ้นโอบตัวเขาในลักษณะโอบแขนเขาเอาไว้ด้วยแล้วรั้งกอดเขาให้แน่นขึ้น มือขวาของผมกระตุกท่อนเนื้อดุ้นมหึมาอย่างเร็ว เวลาที่ผมรูดไปถึงโคนนั้น นิ้วมือของผมไม่สามารถกำมันได้รอบเลย

น้ำหล่อลื่นของเอ็มไหลเยิ้มรดมือผม ผมจึงเอาฝ่ามือละเลงที่ปลายองคชาติที่เปียกแฉะของเขา แล้วลูบไล้น้ำเหนียวให้ทั่วท่อนเอ็นของเขาก่อนจะกลับมากำรอบแล้วบีบมันพร้อมกับขยับมือขึ้นลงรวดเร็วอีกครั้ง เอ็มส่ายก้นบดเป้าผมอย่างรุนแรงแล้วแหงนหน้าสูดปาก ผมจูบและเผลอกัดต้นคอของเขา ในจังหวะนั้นผมรู้สึกได้ว่าร่างหนาของเอ็มแข็งเกร็งอยู่ในอ้อมกอดของผม เสียงเอ็มตะโกนออกมาดังลั่น

“Ffucc...k”

แล้วตัวเขาก็กระตุกสั่น ผมชะโงกมองข้ามบ่าของเขา น้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะลักออกมาจากหัวองคชาติสีชมพูเข้มที่โผล่พ้นกำมือผม ใจผมเต้นรัวเร็วกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ผมไม่เคยเห็นการถึงจุดสุดยอดของคนที่โตกว่าผมชัดเจนเท่านี้มาก่อนเลย ซ้ำผมเองยังเป็นคนที่ทำให้มันพ่นน้ำออกมา ท่อนเนื้อของเอ็มกระตุกเป็นจังหวะพ่นน้ำเชื้อพุ่งกระจายไปข้างหน้าเหมือนกับหัวพ่นน้ำของสนามหญ้า เอ็มพ่นน้ำแรงๆ อยู่สี่ถึงห้าครั้งก่อนจะเบาลงอีกสองสามครั้งร่างของเขาจึงคลายอาการเกร็งเขม็งลง ผมบีบท่อนลำของเอ็มแล้วรีดน้ำออกมาจากท่อนของเขา เมื่อสัมผัสถึงคอหยัก เอ็มก็กระตุกเบาๆ ถี่ๆ อีกครั้ง

เมื่อเหลียวไปมองทางด้านหลังผม รถคันหนึ่งกำลังวิ่งมาแต่ไกล แต่เมื่อผมรูดมือขึ้น น้ำว่าวของเอ็มก็ยังไหลออกมาอีกสองถึงสามครั้ง ผมเอามือของผมบีบที่หัวควยของหนุ่มรุ่นพี่แล้วรีดน้ำว่าวที่ติดค้างปลายท่อออกมา ก่อนจะผละร่างออกมาจากร่างของเขาแล้วสะบัดมือเพื่อไล่น้ำเหนียวที่เปื้อนเลอะมืออยู่ เมื่อรถวิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นผมก็ยกมือข้างที่เปื้อนน้ำขึ้นโบก ขณะซ่อนมือข้างที่ถือมีดพับสวิสไว้ด้านหลัง

เป็นกำลังใจให้ครับ

คุณ OHM ขอบคุณมากครับ จริงๆ แล้วมันเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่าเชื้อชาติน่ะครับ แต่ยังไงหนุ่มไทยก็ได้ใจกว่าอยู่แล้ว 555

คงไม่มีใครรอแล้ว แต่ว่าคืนนี้ขอแค่นี้ก่อนแหละคับ เด๋วพรุ่งนี้จะมาโพสท์ต่อ หวังว่าจะจบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอยู่ครับ

น้องคนข้างบนชื่อไรมิรุคับ แต่น้องคนข้างล่างชื่อน้อง เจเจ คับ

กรีสสสสสสสสสสสสสสสสส !!

น่ารั๊กกกอ่ะ

..

อยากให้ต่อไวๆ รอไม่ไหวถึงพรุ่งนี้ละค่ะ

ตอนแรกว่าจะลงสองตอนแล้วจบเลย แต่สงสัยมีตอนที่สาม แต่ตอนนี้หิวแล้ว ขอเอามาลงอีกตอนหนึ่งก่อนนะคับ

ตอนที่ 8 เรื่องของธรรมชาติ

เคอร์รีย์ วิลเลจ

เรากลับถึงแวลลีย์เกือบหนึ่งทุ่ม รถที่เราโบกเป็นรถของเจ้าหน้าที่ที่ลงไปทำธุระที่เฟรสโน เจ้าหน้าที่บอกว่าเราโชคดีมากเพราะปกติในวันเวลาอย่างนี้ เราไม่น่าจะโบกรถกลับขึ้นมาได้และคงต้องพักที่วาโวนาหนึ่งคืนแล้วกลับขึ้นมาอีกทีพรุ่งนี้เช้า ผมมองหน้าเอ็มแต่เขาไม่ได้ทำสีหน้าประหลาดใจ ผมจึงคิดว่าเอ็มอาจจะรู้อยู่แล้วและตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นก็ได้

ผมเคยบอกรึเปล่านะครับว่าผมอ่อนไหวง่าย บ่อยครั้งที่หลังจากมีอะไรกันแล้วผมจะลืมคนคนนั้นได้ไม่ง่ายเลย บ่อยครั้งผมต้องแสร้งทำเป็นไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่คนคนนั้นลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั่งรถกลับมาเอ็มเอามือของเขามากุมมือผมที่วางอยู่ข้างตัว ทั้งๆ ที่รู้สึกดี แต่ผมก็ชักมือออกเพราะไม่อยากให้เขาสัมผัสถึงความอ่อนแอของผม

เมื่อเข้าถึงเขตแวลลีย์ โทรศัพท์ของผมก็ส่งข้อความว่ามีสายที่ไม่ได้รับสองสาย เมื่อเช็คดูก็เป็นเฟมที่โทรมาหา ผมโทรกลับ เด็กๆ เพิ่งกลับมาจากจุดชมวิวที่อาร์ทิสท์ พอยท์ไม่นานและรอกินข้าวอยู่ ผมเพิ่งรู้ว่าเอ็มก็พักที่เคอร์รีย์ วิลเลจเหมือนกันกับพวกเรา แต่อยู่หลังไหนก็ไม่รู้เพราะเต้นท์ผมถึงก่อน ก่อนที่เขาจะแยกกลับที่พักไป เอ็มชวนผมไปที่เต้นท์ของเขาด้วย ผมน่ะไม่อยากไปแล้ว อยากรีบอาบน้ำมากกว่า แต่ก็อดสงสัยไม่ได้จึงถามถึงแม็กกี้ เอ็มบอกแค่ว่า แม็กกี้จะดีใจที่เจอผม แต่ที่ใบหน้าของเอ็มขณะนี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นกลับมาอีกแล้ว นายคนนี้นี่พลังเยอะจริงๆ ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วขอตัว เอ็มก้มมาขโมยหอมแก้มผมอย่างเร็ว “See ya”

เมื่อเอ็มเดินไปแล้วผมก็เดินเข้าเต้นท์ซึ่งปรากฏว่าฝนและต่ายก็มาอยู่ที่เต้นท์ของผมด้วย เด็กๆ นั่งเล่นไพ่กันอยู่ ผมเห็นต้นดูอารมณ์ดีเป็นปกติแล้ว แต่กับเรื่องที่ผมไปทำมาทำให้ผมไม่กล้าสบตาน้องเท่าไหร่

น้องๆ ถามผมว่าทริปของผมเป็นอย่างไรบ้าง แน่ละว่าผมเล่าถึงเพียงแคลิฟอร์เนีย ทูนเนลเท่านั้น เพราะเรื่องที่เหลือมันไม่ได้สำคัญอะไรกับพวกเขา ระหว่างที่เล่า เฟมก็โผล่มาชวนไปกินข้าวแต่แล้วก็มานั่งฟังผมเล่าจนจบก่อน ใจผมนั้นอยากอาบน้ำ เพราะคราบน้ำของหนุ่มสเปนยังติดที่มือผมอยู่เลย แต่น้องๆ ยืนยันว่าจะกินข้าวก่อนเพราะหิวมากแล้ว ผมก็ตามใจ

หลังจากกินข้าวแล้ว เรานั่งวางแผนกันถึงทริปของวันพรุ่งนี้ ผมรู้สึกอยากล้างตัวมาก จึงชวนน้องๆ ไปอาบน้ำ เมื่อไปถึงห้องน้ำผมรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูกที่ไม่เจอเอ็มมิลิโอ เมื่อเราผลัดผ้ากัน เฟมหันไปบอกซ่าว่าให้แก้ผ้าไปเลย อายอะไรอีก พฤติกรรมของเฟมมันน่าสงสัยไหมนะ แล้วมันก็หันมาบอกเนิร์ดกับผมด้วย แล้วเฟมมันก็แก้ผ้าออกหมดต่อหน้าพวกเราซะอย่างนั้น

ซ่าค่อยบรรจงถอดตามสไตล์ แต่ที่นึกไม่ถึงคือเนิร์ดก็แก้ออกหมดเลยหน้าตาเฉย เมื่อตอนกลางวันที่น้ำตกเจี๊ยวของเนิร์ดหดเล็กจนไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ตอนนี้ที่หน้าท้องของเนิร์ดเรียบเนียน ไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดแต่ก็ไร้ไขมัน แต่ขนของเนิร์ดดูดกมากพอๆ กับน้องชายผมซึ่งตอนนี้จัดแจงเอาผ้าขนหนูมาพันเอวเรียบร้อย ผมจำไม่ได้ถนัดว่าควยของเนิร์ดขนาดเท่าไหร่ แต่ว่ามันไม่ได้หดเล็กเหมือนเมื่อเช้า ขลิบปลายแบบเด็กอิสลาม แกว่งไกวอยู่ตรงหว่างขา เนิร์ดยืนติดกับผม ผมจึงเห็นร่างเปลือยเปล่าของเนิร์ดอย่างใกล้ชิดที่สุดและยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเขาด้วย

ผมอารมณ์ค้างมาจากเอ็มและเมื่อเห็นเด็กวัยรุ่นแก้ผ้าควยผมก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ผมยังไม่ได้ถอดยีนส์ออก เฟมโวยวายที่เห็นต้นเอาผ้าเช็ดตัวมาปิด แล้ววิ่งมาล็อกต้นเอาไว้ ซ่าวิ่งเข้ามาช่วยปลดผ้าเช็ดตัวต้นออกจนร่างของต้นเปลือยเปล่า ต้นยกขาถีบซ่าอย่างแรง แต่ซ่าถอยออกมาแล้วพร้อมกับผ้าเช็ดตัวของต้นอยู่ในมือ เฟมผลักต้นออกแล้วบอกว่า

“อย่าเอาเปรียบกันดิ มึงคงเดียวยังไม่ได้แก้เลย”

“พี่ก็ไปแกล้งมัน” เนิร์ดปรามเฟม เนิร์ดกับต้นเป็นเพื่อนสนิทกันที่สุดในชั้น ตลอดเวลาต้นยิ้มและขำและโวยวายเพื่อนๆ วิ่งไล่เอาผ้าเช็ดตัวคืนจากซ่า ผมโล่งใจที่น้องไม่โกรธ แต่สายตาของผมมันก็ละออกจากอวัยวะดุ้นเขื่องที่แกว่งไกวของน้องชายผมเองไม่ได้เลย แล้วยังของซ่าอีก สุดท้ายซ่าคืนผ้าเช็ดตัวให้ต้น ผมอาศัยตอนชุลมุน ถอดยีนส์ออก หันหลังให้น้องๆ แล้วถอดกางเกงในออกมา ควยผมดีดผึงออกมาทางด้านหน้าทันที

“พี่น้ำโชว์ตูดผมอีกแล้ว” เฟมแซว แล้วต้นก็เดินกลับมาที่เดิมซึ่งหมายความว่าเดินมาทางข้างหน้าผม ผมหยิบผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว แต่ต้นเห็นควยผมที่โด่แล้ว

ต้นอาศัยอยู่กับผมมาครึ่งเทอม ไม่นับก่อนหน้านั้นเมื่อตอนม.ต้นที่จะมาค้างบ้านผมบ่อยๆ หรือตอนปิดเทอมใหญ่ที่มาอยู่ด้วยกันหลายอาทิตย์ คอมพิวเตอร์ต้นก็ใช้เครื่องของผม จากบันทึกการใช้งาน ผมรู้ว่าบางครั้งต้นค้นจนเจอหนังโป๊ผู้ชายที่ผมเก็บอยู่ในคอมพ์และเปิดขึ้นดู แต่ก็ปิดมันลงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นหนังโป๊ผู้หญิง ต้นก็จะดูอยู่นาน (เผื่อเพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้นะครับ การดูว่าผู้ใช้เปิดโปรแกรมหรือไฟล์อะไร เป็นเวลานานประมาณเท่าไหร่ สามารถทำได้ครับ แต่อาจจะต้องดูหลายอย่างประกอบกันสักหน่อย) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเวลาที่ผมไม่อยู่บนห้องเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผมรู้ว่าต้นพอรู้ ว่ารสนิยมทางเพศผมเป็นแบบใด นอกจากนี้ต้นก็เคยเห็นควยผมตอนแข็งบ้างแล้วนิดๆ หน่อยๆ เวลาผลัดผ้าตอนเช้าๆ

“พี่น้ำ โชว์ควยหน่อย” เฟมพูดคำว่าควยเต็มปาก ได้ใจผมชิบหาย

“กูเงี่ยน ควยกูโด่ มึงอยากดูหรอ” ผมบอกไปตามตรงด้วยความเป็นพี่ใหญ่ ผมไม่คิดว่าน้องๆ จะเชื่อหรอก

“อะไรพี่ เห็นผมแก้ผ้าพี่มีอารมณ์เลยหรอ” ยิ่งสนิทกัน เฟมมันยิ่งปากดีขึ้นเรื่อยๆ

“กูปวดขี้” ผมแถ

“เกี่ยวไรกันเนี่ย โชว์หน่อยๆ ควยผู้ใหญ่ เป็นยังไงนะ” ซ่าพูดแล้วหัวเราะขำให้ตัวเอง พูดจาน่าเอาควยกระแทกปากมาก

“บอกว่ากูเงี่ยน มึงว่าวให้กูมั้ย กูจะได้โชว์ ไม่งั้นไม่ต้องมาขอ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ด้วยรู้ตัวว่าควยผมที่เป็นลำอยู่ในผ้าขนหนูกำลังจะดีดผ้าออกมาอยู่รอมร่อ เสียงเฟมยังตะโกนตามหลัง

“ไม่ต้องปิดประตูแล้วพี่” แต่ผมก็ปิดไปแล้ว

เกี่ยวกับผมกับต้น เรากินน้ำแก้วเดียวกันครับ ตั้งแต่อยู่บ้าน จนพ่อแม่ดุบ่อยๆ (ดุแบบเอ็นดู) แต่เจ้าต้นก็ไม่สนใจ แม้มาที่นี่อยู่กับเพื่อนๆ ต้นก็ยังกินน้ำแก้วเดียวกับผม ของทุกอย่างที่ต้นใช้ร่วมกับผมได้ ก็จะใช้ของผมหมด รวมถึงเวลาไปไหนมาไหน เราก็เอาเครื่องใช้ในห้องน้ำมาชุดเดียว คือยาสีฟันหลอดเดียว สบู่ขวดเดียว แชมพูขวดเดียว ยกเว้นแปรงสีฟันแค่นั้นเองที่ใช้กันคนละอัน

ด้วยเหตุนี้ ต้นจะต้องอาบน้ำห้องข้างๆ ผมเหมือนเมื่อคืน แล้วใช้วิธีส่งของไปมา แต่วันนี้ผมอาบห้องริมสุดและคงมีคนมาอาบห้องติดกับผมแล้วหรือไงไม่รู้ แต่พอผมเริ่มเปิดน้ำได้สักพัก เสียงต้นก็ดังอยู่หน้าห้องน้ำ

“อาบด้วยคนดิเฮีย” ควยผมยังแข็งอยู่ และเมื่อได้ยินเสียงน้องมันก็ไม่ได้หดลงเลย ผมเปิดล็อคประตูแล้วรีบหันหลังให้ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองเข้ามา เมื่อต้นเข้ามาก็ปิดล็อกประตูแล้วเบียดร่างเปล่าเปลือยเข้ามาแทนที่ผม น้องก้มมองควยผมที่ชี้โด่อยู่แต่ไม่ว่าไร หันกลับไปอาบน้ำ ผมจึงสระผมรอ

ต้นหันกลับมา เอามือยื่นมารองแชมพู ขณะที่ผมบีบแชมพูจากขวดลงในมือต้น ควยของต้นก็ค่อยๆ ขยับตื่นขึ้น ต้นหันกลับไปหาฝักบัว โชว์ก้นให้ผมดูแทน

ผมเขยิบดันตัวต้นออกไป แต่ตามองที่ควยน้องตลอด และตอนนี้มันแข็งเต็มที่แล้ว หนังหุ้มปลายถอกเปิดเกือบหมด สีคล้ำกว่าสีตัวเล็กน้อย หัวบวมเป่ง เห็นเส้นเลือดเส้นใหญ่ๆ ชัดเจนและกำลังกระดกตุ้บๆ ด้วยความที่ต้นตัวเล็ก ของลับขนาดเขื่องเท่าผู้ใหญ่ของต้นจึงยิ่งดูใหญ่มาก ผมไม่อยากคิดอะไรเลยเถิดกับน้องเลย แต่ไอ้ท่อนเนื้อที่ผมเห็นมันคืออวัยวะเพศชายที่เกือบจะโตเต็มวัยแล้ว และมันกำลังตื่นตัวเต็มที่ด้วย

เมื่อถูสบู่ ต้นบอกผมเบาๆ ให้ผมขัดหลังให้ ผมขัดหลังให้น้องอย่างตั้งใจ ส่วนต้นก็ถูสบู่ที่ด้านหน้า ผมเลื่อนมือลงต่ำจนถึงก้นต้นก็ไม่ว่าไรแต่ผมเห็นต้นกำลังฟอกสบู่กับควยของตัวเอง ผมบีบสบู่ใส่มือเพิ่มแล้วขัดก้นให้น้องและไล่ลงมาถึงขาซึ่งต้นก็ยืนเฉย เมื่อผมถูน่องให้ต้นแล้วผมก็วนมือกลับขึ้นมาแล้วล้วงเข้าไปที่ซอกหว่างขาอุ่นของน้อง มือผมสัมผัสเข้ากับไข่ของต้นที่ขณะนี้หดตัวอยู่ทางด้านหน้า ตลอดเวลา ผมเห็นต้นเกร็งตูดแต่ยังฟอกควยไม่หยุดมือ

ผมลุกขึ้นน้ำเงี่ยนไหลยืดเป็นทาง ชะโงกหน้าไปหยอกน้องด้วยเสียงกระซิบว่า “มันไหม” ต้นพยักหน้ารับไม่พูดว่าอะไร ผมจับต้นหันหน้ามาเพื่อมองร่างเปล่าเปลือยและควยที่แข็งเป็กอยู่กลางลำตัวให้ถนัดตา ควยของต้นอวบมาก ใกล้เคียงกับของผม แต่น่าจะสั้นกว่าหน่อย แต่ไข่ของน้องยังเล็กอยู่ ผมคิดว่ายังโตได้อีก ต้นปล่อยมือออกและยืนนิ่งให้ผมดูชัดๆ ขณะเดียวกันต้นก็มองพวงอวัยวะเพศของผมที่แข็งปั๋งกระดกหงึกหงักอยู่

ผมไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงดี ใจอยากจะจับมือน้องมาว่าวให้ แล้วผมว่าวให้น้อง ถ้าเด็กที่ยืนอยู่ข้างหน้าของผมคือซ่า หรือเนิร์ด หรือเฟม ผมจะทำอย่างนั้นทันที แต่นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง ผมจึงได้แต่ยืนเก็บภาพนั้นเอาไว้

ผมอารมณ์ค้างมาตั้งแต่เย็น และผมตั้งใจตั้งแต่เช้าว่าจะชักว่าวตอนอาบน้ำเย็นนี้ให้ได้ และถึงตอนนี้ผมมีฐานข้อมูลครบถ้วนแล้ว ทั้งของน้องๆ ที่ห้อยแกว่งไกวอย่างไร้เดียงสา ทั้งดุ้นอันมโหฬารของหนุ่มต่างชาติรุ่นพี่พร้อมด้วยสัมผัสของมัน และขณะนี้ก็เป็นควยแข็งโด่ขนาดไม่เบาของเด็กวัยรุ่นที่ยืนนิ่งๆ อยู่ต่อหน้าผม ผมทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

ผมเอาสบู่มาบีบใส่มือแล้วฟอกตัวโดยหันหน้าเข้าหาฝักบัว ไม่ได้สนใจต้นอีก ภาพของเอ็มที่ชักว่าวท้าทายผมเมื่อเย็นปรากฏขึ้นเด่นชัด ดังนั้นในขณะที่ผมฟอกถึงท่อนเนื้อที่แข็งโด่ ผมจึงเริ่มรูดมันขึ้นลงเบาๆ ผมไม่ได้ทำให้โฉ่งฉ่างเพื่อตั้งใจโชว์ต้น แต่ผมก็ไม่ปิดบังน้องว่าผมกำลังชักว่าว ต้นยืนอยู่ข้างๆ ถัดไปข้างหลังกำลังฟอกสบู่ ผมคิดว่าต้นคงจะมาดันผมออกเพื่อล้างตัวในไม่ช้า แต่กลับป่าว ต้นยืนฟอกสบู่อยู่อย่างนั้นขณะที่ผมสาวว่าวไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเข้าถึงความรู้สึกของเอ็มที่ยืนสาวว่าวให้เด็กรุ่นน้องอย่างผมดูเมื่อตอนเย็นแล้ว

อย่างไรก็ตาม ต้นไม่ต้องรอนาน ด้วยความเสียวที่สะสมมาตั้งแต่เช้า และด้วยสายตาของน้องชายผมเองที่ยืนดูอยู่ ผมจึงถึงจุดสุดยอดในเวลาไม่นาน น้ำพุ่งออกมาเป็นสายฉีดไปที่ผนังข้างหน้าอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง กว่าควยผมจะหยุดฉีดน้ำก็เกือบสิบครั้งและควยผมเริ่มอ่อนลง ผมไม่ได้หันไปดูต้น แต่ผมรู้ว่าตลอดเวลา ต้นไม่ได้ละสายตาจากร่างเปลือยและท่อนเอ็นแข็งโด่ของพี่ชายเลย น้ำว่าวผมที่หยดลงพื้นไหลตามทางลาดไปหาต้น แต่ต้นก็ไม่ได้สนใจ ผมยืนถอนหายใจสลัดปลายควยอยู่อีกหลายครั้ง และต้นก็ปล่อยให้ผมทำอย่างนั้นโดยที่เขายืนฟอกสบู่ดูผมอยู่เฉยๆ จากนั้นผมบีบสบู่เพิ่มเพื่อฟอกล้างควยที่เพิ่งใช้งานไปหมาดๆ พร้อมถอยออกจากฝักบัวเพื่อให้ต้นล้างตัว ต้นเดินเข้ามาเหยียบน้ำว่าวของผมที่ยังเลอะอยู่ที่พื้นโดยไม่ได้รังเกียจ ควยของน้องยังแข็งโด่ แต่ตอนนี้ผมหายเงี่ยนแล้ว ผมไม่อยากทำให้น้องอีก แต่ขณะเดียวกันหัวควยที่บวมเป่งของน้องก็บอกให้ผมรู้ว่าน้องกำลังเงี่ยนมาก ผมควรจะช่วยน้องดีหรือเปล่า

แต่เมื่อต้นเข้าไปล้างตัว เขาก็ยืนชักว่าวอยู่ใต้ฝักบัวโดยหันหลังให้ผม ผมเห็นตูดน้องบีบตัวเกร็งเป็นจังหวะ ผมรีบขยับตัวเพื่อหามุมที่มองเห็นท่อนลำของต้นให้ชัดที่สุดโดยไม่ลังเล แต่ต้นหลับตา คงจะเขินผมอยู่มั้ง ต้นใช้มือขวาสาวว่าวแรงมาก ส่วนมือซ้ายบีบคลึงไข่ตัวเอง ใช้เวลาไม่นานผมก็เห็นต้นหลับตาหยี หน้าตาเหยเก ต้นเกร็งตูดตัวงอ แล้วก็พุ่งน้ำออกมาแรงมากๆ ไม่แพ้ผมเลย น้ำของต้นฉีดเข้ากำแพงผสมกับน้ำของผม บางส่วนไหลย้อยลงมาที่พื้นห้องน้ำ

ขณะนี้ต้นยืนหอบหายใจอยู่เหมือนที่ผมเป็นเมื่อครู่นี้ ตายังมองที่ท่อนเนื้อของตัวเองที่ยังไม่ลดขนาดลง มือค่อยๆ สาวรูดบีบน้ำค้างท่อให้ไหลย้อยออกมาก่อนสลัดควยที่ยังแข็งโด่สี่ห้าครั้ง

จากนั้นต่างคนก็อาบน้ำกันจนเสร็จ ขณะที่เช็ดตัว ควยของผมเกือบกลับสู่ปกติแล้ว แต่ควยของต้นยังขยายใหญ่อยู่มาก เมื่อเราออกมาจากห้องน้ำมี ซ่ากับเนิร์ดแต่งตัวใกล้จะเสร็จแล้ว แต่เฟมยังล่อนจ้อนยืนเช็ดตัวอยู่ ถึงเวลานี้ผมลดความตื่นเต้นลงไปมากแล้วจึงปลดผ้าออกโชว์ควยผู้ใหญ่ให้น้องๆ ดู เฟมผิวปากหวีดหวิวขึ้นอย่างกวนส้นและซ่าส่งเสียงหัวเราะใสๆ แบบเด็กแตกหนุ่ม ช่วยสนับสนุนอีกแรง

ผมคิดว่าคืนนั้นต้นคงจะสบายตัวแล้วเหมือนๆ กับผม แต่น้องกลับยังคงนอนกอดก่าย และดุนดันผมเหมือนเดิม ทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็น แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นไปทั่วหน้าอก

ดันกระทู้ >

ดูด้านข้างๆแวบๆ แวมๆ พอให้จิ้นก็พอแล้วค่ะ

จะว่าไป น้องต้น ก็น่าดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูจังค่ะ คิๆ

... มาลงชื่อรอตอนที่ 9 ค่า ^^

ตอนที่ 9 เอ็มมิลิโอ

ผมตื่นขึ้นตอนเช้าขณะที่โทรศัพท์ยังไม่ปลุกเพราะได้ยินเสียงก่อกแก่กๆ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นซ่ายืนจัดกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ แต่เนิร์ดยังนอนหลับ ส่วนที่ตัวผม ต้นนอนกอดก่ายไม่เลิกรา ซ่าคงเห็นแล้วแต่ไม่ได้สนใจเลย ควยผมแข็งโด่ ผมเอามือไปสัมผัสของน้องอย่างไม่ยากเย็นแล้วก็ได้พบว่าของต้นก็แข็งโด่อยู่เหมือนกัน แต่ซ่าคงไม่รู้เพราะเราห่มผ้าอยู่ ผมเริ่มอยากรู้ว่าเมื่อตอนซ่าตื่นขึ้นเมื่อครู่ของเขาจะโด่อยู่รึเปล่า แล้วเนิร์ดที่นอนตะแคงข้างอยู่ตอนนี้ควยแข็งอยู่รึเปล่า ผมบีบมือที่จับหัวควยของต้นแรงๆ สองสามทีเพื่อปลุกให้น้องตื่น แต่ต้นไม่ยอมตื่น ผมหันไปมองหน้าน้อง ไม่แน่ใจว่าต้นแกล้งหลับรึเปล่า แต่ในเมื่อต้นไม่ยอมตื่นผมจึงเอามือบีบหัวควยของต้นเล่นไปเรื่อยๆ และพอผมเอาฝ่ามือคลึงที่หัวเท่านั้น ต้นก็กระถดก้นหนี ผมหันหน้าไปมองน้องแล้วเอานิ้วโป้งถูที่หัวควยของเขาอีก คราวนี้ผมเห็นต้นหลับตาปี๋เหมือนตอนที่เขากำลังจะน้ำแตกเมื่อคืนดังนั้นผมจึงเชื่อว่าต้นคงจะตื่นแล้ว

ทั้งๆ ที่ตื่นอยู่ แต่กลับปล่อยให้ผมเล่นของสงวนแบบนั้น...

ผมตัดสินใจบิดขี้เกียจแรงๆ เพื่อส่งสัญญาณบอกเจ้าตัวเล็กว่า ตื่นได้แล้ว แต่ต้นก็ยังคงนอนอยู่ท่าเดิมผมจึงพลิกตัวแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง ซ่ามองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ผมปัดผ้าห่มออก ควยผมแข็งโด่ชี้ยื่นอยู่ในกางเกงนอนเห็นชัดมาก แล้วผมก็ยิ้มตอบซ่า

“กึ่มเชียวเฮีย” ซ่าแซว ผมก้มลงมองเป้าที่ชี้โด่ของตัวเองแล้วยักไหล่ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เป้ากางเกงที่แกว่งไกวของซ่านั้นบอกให้ผมรู้ว่าหนอนยักษ์ของหนุ่มน้อยก็เพิ่งจะสงบลงไปไม่นานเหมือนกันนั่นแหละ

สักพักเดียวเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นปลุกให้ต้นและเนิร์ดขยับตัว เนิร์ดขยับนอนหงายแล้วบิดขี้เกียจในลักษณะกดแขนทั้งสองข้างแนบลำตัว แขนที่อยู่นอกผ้าห่มเลยกดผ้าลงไปด้วย มังกรของเนิร์ดแข็งอยู่ในลักษณะกดหัวลง เมื่อผ้าห่มตึงผมจึงเห็นรอยหยักที่หัวเงี่ยงได้เลย แต่ซ่าเองก็ยืนอยู่อีกข้างของเนิร์ดและหันหน้ามาทางผม ผมจึงมองนานนักไม่ได้และต้องเบือนสายตาไปทางอื่น

ต่างคนต่างตื่นและชวนคุยกันสัพเพเหระท่อนเนื้อของผมจึงค่อยสงบลง วันนี้เราวางแผนกันว่าจะไปเดินทางไกลในเส้นทางพานอรามาซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน ดังนั้นเฟมซึ่งเป็นหัวหน้าคณะจึงโผล่หน้ามาที่เต้นท์แล้วเรียกให้พวกเรารีบไปล้างหน้าแปรงฟัน

ที่ร้านอาหาร เราเจอเอ็มมิลิโอและแม็กกี้มากินข้าว น้องๆ พากันทักทั้งคู่อย่างยิ้มแย้ม แต่ผมไม่กล้ามองหน้าทั้งคู่เท่าไหร่เลย เราบอกแผนการของเราให้เอ็มและแม็กรู้ ผมภาวนาอยู่ในใจอย่าให้สองคนไปเส้นทางเดียวกับเรา

แต่ท้ายที่สุดแล้ว เอ็มและแม็กกี้ก็ขึ้นรถบัสคันเดียวกับพวกเราจนได้ น้องๆ เริ่มคุ้นเคยกับทั้งคู่แล้วจึงให้ความสนิทสนม ผมถามแม็กกี้ว่าขาหายดีแล้วหรือยังด้วยหวังว่าแม็กกี้จะเปลี่ยนใจไม่ไปเดิน แต่แม็กกี้กลับบอกผมว่า เขาปล่อยให้เอ็มสนุกอยู่คนเดียวมามากพอแล้ว

“I won’t let him get all the best things by himself!”

(Photo by: www.yosemitefoothills.com)

รถบัสพาเราออกตั้งแต่แปดโมงกว่าขึ้นไปถึงเกลเชียร์ พอยท์ประมาณเกือบสิบโมง ป้ายโลหะเก่าคร่ำขึ้นสนิมที่จุดเริ่มเดินเท้าบอกระยะทาง 8.3 ไมล์เพื่อลงไปถึงแวลลีย์ เมื่อสมัยเป็นเด็กผมเคยเดินขึ้นภูชี้ฟ้ากับที่บ้านซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีคนเลย คือมีแต่บ้านเรากลุ่มเดียว และระยะทางเดินขึ้นคือ 1.8 กิโลเมตร ไม่ใช่สองร้อยกว่าเมตรอย่างในปัจจุบัน เมื่อขึ้นไปเกือบจะถึงยอดภู ภาพพานอรามาของฝั่งลาวทำให้พวกเราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ทั้งน่ากลัว ทั้งสวยงามอย่างที่อธิบายไม่ได้ หรือครั้งแรกที่ผมไปดำผิวน้ำดูปะการังที่หมู่เกาะสุรินทร์นั้น ภาพที่เห็นใต้น้ำเป็นคนละโลกอย่างสิ้นเชิงกับทุกอย่างที่ผมเคยเห็นบนบกมาตลอดชีวิต และผมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกให้ใครรับรู้ได้เทียบเท่ากับการไปสัมผัสด้วยตัวเอง ที่เกลเชียร์ พอยท์นี้เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น ภาพมุมกว้างสมชื่อพานอรามา มองออกไปเป็นเทือกเขาหินแกรนิตสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา อากาศสดชื่น อุณหภูมิสบายๆ ประมาณสิบกว่าๆ เซลเซียส ทุกคนในกลุ่มผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า แต่เอ็มมิลิโอตะโกนร้องวู้ฮู เสียงดังอยู่คนเดียว นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ หันมายิ้มให้โดยเฉพาะคุณลุงคุณป้าที่มีอายุสักหน่อย ผมรู้สึกเสียวแปลบที่กลางอกขึ้นมา

หลังจากนั้นเราก็เดิน เดิน และเดินลงเขา ผมเดินรั้งท้ายเช่นเคยพักถ่ายรูปจนเมื่อยมือ เอ็มเองเดินได้ไม่เร็วนัก และแม็กกี้ก็รั้งอยู่ด้วย คงเพราะยังเจ็บขาอยู่ แต่น้องๆ ผมเองก็ค่อยๆ เดินรอผมเหมือนกันเพราะทางเดินค่อนข้างน่าหวาดเสียว

เราเดินมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็แวะพักระหว่างทาง หมายถึงแวะแบบจริงๆ จังๆ เราดื่มน้ำและนั่งพักเหนื่อย เมื่อผมยกกล้องขึ้นมาเช็คดูรูปถ่ายต้นก็เดินมานั่งเบียดผมขอดูด้วยซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ต้นจะมีพฤติกรรมอย่างนี้ตลอด คือถ้าไม่อ้อนก็กวน ส่วนเอ็มกับแม็กกี้ก็พักกับเราด้วยเหมือนกัน สักพักเอ็มถามผมว่าผมเรียนที่ไหนนะ ซึ่งผมก็ตอบไปว่าผมทำงานแล้ว ผมเลยถามเขาบ้างว่าเขากับแม็กกี้รู้จักกันได้ยังไง เอ็มหัวเราะขำแล้วตอบไม่ลังเล

“por el destino... by fate, kid” ฟ้าลิขิต ในชั่วแว่บหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าของแม็กกี้คือสีหน้ายุ่งยากใจหรือไม่ แต่ชั่วถัดมาเธอก็ยิ้มให้กับเอ็ม เอ็มพูดต่อ “Just like you and me, boy” เหมือนที่ผมกับเขาเจอกันนั่นแหละ แล้วแม็กกี้ก็ยิ้มเขินๆ ให้ผม

เมื่อเราเดินต่อได้สักพักผมก็ต้องหยุดถ่ายภาพยอดเขาลิเบอร์ตี้ แคปคู่กับน้ำตกเนวาดาที่สวยจับใจซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าเป็นมุมมหาชน ต้นเข้ามาเคล้าคลอผมเหมือนแมวน้อยอยู่พักหนึ่ง พอให้รู้ว่ายังไม่ลืมพี่ ก่อนจะไปนั่งจู๋จี๋อยู่กับต่าย เฟมเดินมาอาสาถ่ายรูปให้ผมสองถึงสามรูปแล้วถามขำๆ ว่า วันนี้จะแก้ผ้าเล่นน้ำตกเนวาดาไหม ผมรู้ว่าเรามีเวลาไม่พอแน่ๆ จากนั้นเอ็มเดินมาขอดูกล้องของผม เมื่อผมยื่นให้ เอ็มก็จับมือผมอย่างจงใจก่อนจะรับกล้องไป เมื่อผมชำเลืองตาดูแม็กกี้ เธอก็หลบตามองไปทางอื่น ขณะนั้นเรายืนอยู่ตรงริมหน้าผาซึ่งทางอุทยานเอารั้วเหล็กมากั้นทำเป็นราวไว้ ผมรู้สึกขำและหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเอ็มยกกล้องขึ้นส่องแต่มองอะไรไม่เห็นเพราะผมปิดฝาครอบเลนส์อยู่ ด้วยความที่ต้นเป็นเด็กที่ไม่ชอบพลาดเรื่องของคนใกล้ตัว เมื่อเห็นผมขำอยู่กับเอ็มก็เดินมาแจมตามประสาแล้วเปิดหน้ากล้องให้เอ็ม เอ็มทำท่าเป็นเชิงถามว่า ลองถ่ายได้ไหม ผมก็พยักหน้า ปรากฏว่า พอเอ็มถ่ายได้สองถึงสามภาพ การ์ดของผมก็เต็ม ผมหยิบการ์ดอันใหม่ออกมาจากกระเป๋ากล้อง และจะรับกล้องมาเปลี่ยนแต่เอ็มไม่ยอม เขาถามผมว่าทำยังไง แต่ต้นก็รู้ดียิ่งกว่า แย่งกล้องมาจากเอ็มแล้วเปิดถอดการ์ดออก เมื่อผมยื่นการ์ดใหม่ให้ต้น เจ้าตัวเล็กก็ทำการ์ดที่ถืออยู่หลุดมือและหล่นลงไปที่หน้าผา ผมใจหายวาบพูดอะไรไม่ออก ภาพของเส้นทางพานอรามาตลอดสามชั่วโมงหล่นหายไปต่อหน้า ผมไม่รู้ว่าต้นทำหน้ายังไงแต่ผมน่ะหน้าเสียแน่ๆ แล้วเอ็มก็พูดขึ้นว่า “Don’t worry, kid, it’s right there” เขาเห็นมันค้างอยู่ตรงริมขอบผาชั้นล่างซึ่งก็เท่านั้นเพราะไม่มีทางเดินลงไป ผมแทบจะทรุดเลยทีเดียว โกรธน้องมาก แต่เรื่องลักษณะนี้ คือหมายถึงความเสียหายที่เกิดจากความซน/ล้น/รู้มากของต้นไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และผมเรียนรู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่คือการไม่พูดอะไรและปล่อยให้อารมณ์ตัวเองเย็นลงกว่านี้ เอ็มเดินไปมา เหมือนจะหาทางเอาการ์ดขึ้นมาให้ผม ซึ่งผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เอ็มเดินล่วงหน้าไปตามทางเดินแล้วหายไป

(Photo by: Gunnar Maehlum)

ผมไม่มองหน้าต้นเพราะเวลานั้นรู้สึกเซ็งขนาดอยากร้องไห้เลยทีเดียว สักพักได้ยินเสียงเฟมพูดขึ้นว่าเอ็มกำลังไต่ลงไปเอาการ์ดให้ผม ผมยืนขึ้นแล้วมองตามเฟมไปทางขวาก็เห็นร่างของเอ็มลอดราวรั้วชั้นที่อยู่ล่างลงไปออกมายืนตรงริมหน้าผา ผมรีบวิ่งลงไปตามทางข้างหน้าเพื่อเห็นได้ชัดขึ้น น้องๆ ทุกคนและแม็กกี้จึงวิ่งตามผมลงไป กว่าจะพอหาทางที่มองเห็นเอ็มได้เขาก็เดินเกือบจะถึงการ์ดอยู่แล้ว จากนั้นเอ็มก็หยิบการ์ดแล้วเดินกลับมา ภาพที่ผมเห็นในเวลานี้นั้น เอ็มหยิบการ์ดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แล้วเขาก็ค่อยๆ ยืนขึ้นเอาใบหน้าและลำตัวแนบกับหน้าผา ทางเดินริมหน้าผากว้างเพียงประมาณฟุตกว่าๆ และที่ด้านหลังเอ็มคือหน้าผาสูงหลายร้อยเมตร เอ็มต้องค่อยๆ เดินแบบถัดเท้ามาทางด้านข้างตรงที่พวกเรายืนอยู่ ผมและทุกคนยืนมองนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไรสักคำเดียว จนกระทั่งเอ็มเดินกลับมาที่พวกเราแล้วลอดรั้วกลับเข้ามาข้างในยื่นการ์ดให้ผมแล้วส่งยิ้มหน้าทะเล้น ผมรับการ์ดมา ถ้าคนคนนี้เป็นต้น ผมคงตบหัวแรงๆ ไปหนึ่งทีก่อนจะดึงเข้ามากอด แต่เมื่อเป็นเอ็ม ผมก็ได้แต่บอกขอบคุณ แต่ความรู้สึกตอนนั้นของผมไม่สู้ดีนัก ถ้าเอ็มตกหน้าผาลงไปผมคงหลอนไปจนตาย เอ็มคงเห็นผมหน้าเสียเลยถามว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่า “Aren’t you happy?” เอ็มถาม ผมมองหน้าเอ็มแล้วเอ่ยถามกลับ “Why did you do that?” เอ็มสบตาผมพักหนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยตอบแบบกวนๆ “Do What?” ผมรู้สึกตื้อๆ แล้วตาผมก็เปียกชื้นและร้อนผ่าว และผมคงลืมตัวไปจึงยกมือตุ๊ยท้องเอ็มเบาๆ ตอนนี้ผมรู้สึกอยากกอดเอ็มแน่นๆ เลย

หลังจากนั้นเราแวะพักกินข้าวมื้อบ่ายที่ต้นน้ำตกเนวาดาก่อนกลับลงมาตามเส้นทางสายหมอกโดยที่ไม่ได้แก้ผ้าเล่นน้ำอย่างที่เฟมท้าไว้ เราออกไปถึงจุดขึ้นรถบัสตอนหกโมงเย็นแล้ว

เมื่อกลับถึงที่พัก เอ็มชวนให้ไปร้านดาดฟ้าพิซซ่าหลังอาบน้ำเพื่อเลี้ยงวันเกิดเขา พวกเราตอบตกลง เราไปอาบน้ำพร้อมกันและพร้อมกับเอ็มและแม็กกี้ด้วย ที่ห้องน้ำ เอ็มกล้าเช่นเคย ยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนโชว์หุ่นฟิตกับอวัยวะขนาดใหญ่ให้เด็กไทยดู เอ็มยืนแก้ผ้าและชวนคุยอยู่นานขณะที่พวกเราค่อยๆ แก้กัน ผมเห็นต้นยังเขินอยู่เพราะเอ็มยังไม่เคยเห็นของต้น ส่วนผมเองก็เขินเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา แต่น้องอีกสามคนไม่เขินแล้วแก้ผ้าล่อนจ้อนกันหมด ช่วยไม่ได้เลยที่ผมจะเก็บภาพขนดกของเนิร์ดและขนอุยของซ่าเอาไว้ในความทรงจำอีกครั้ง แต่อวัยวะของเฟมที่เป็นหนุ่มที่สุดก็ขโมยซีนได้อีกครั้งเช่นกัน

เมื่อเดินเข้าห้องน้ำ ต้นเดินเข้าห้องเดียวกับผมโดยไม่ได้พูดอะไรเลย บางทีผมก็งงกับน้องตัวเองเหมือนกัน เพราะที่หน้าจอโทรศัพท์ของต้นตอนนี้เป็นรูปของต่ายไปเรียบร้อยแล้ว แต่น้องยังจะเข้ามาอาบกับผมอีก ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร แต่พอแก้ผ้าผมก็ควยแข็งขึ้นมาต่อหน้าน้อง แล้วน้องก็แข็งขึ้นมาเช่นกัน ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองของน้องได้ แต่ก็หักห้ามใจรีบอาบน้ำจนเสร็จ...

ตอนที่ 10 แม็กกี้

ที่ร้านดาดฟ้าพิซซ่า เอ็มซื้อพิซซ่าเลี้ยงพวกเราไม่อั้น ผมเป็นพี่ใหญ่ของแก๊งเด็กไทยเลยต้องเป็นคนบอกว่าพอเถอะ แต่เอ็มบอกว่าต้องตามใจเขาเพราะวันนี้วันเกิดเขา นอกจากนี้เอ็มยังเลี้ยงเบียร์พวกเราด้วย แต่ปรากฏว่ามีเอ็ม แม็กกี้ ผม และเฟมที่ดื่มได้ เฟมเพิ่งอายุเกินมาได้หนึ่งเดือนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ นั่งมองกันตาละห้อย ซ่าถึงกับบอกว่า กลับเมืองไทย ผมจะต้องเลี้ยงเบียร์มันด้วย

เมื่ออิ่มแล้ว น้องๆ เริ่มขอตัวกลับที่พักเพราะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้แต่นั่งยิ้มๆ ขำๆ เบียร์อยากกินก็กินไม่ได้ จากนั้นร้านดาดฟ้าพิซซ่าก็ปิดเอ็มจึงชวนเราไปกินเบียร์ต่อที่โยเซฯ ลอดจ์ ผมไม่ค่อยอยากไปเพราะเอ็มใช้สายตาพิฆาตมองผมตลอดเวลา ถ้าไม่มีแม็กกี้อยู่ด้วยผมก็คงจะไป เพราะตอนนี้ผมรู้สึกมึนๆ และสายตาของเอ็มก็ค่อยๆ เผาผมจนจะละลายหมดแล้ว

แต่เอ็มคะยั้นคะยอ ชวนผมและเฟมให้ไปกินต่อที่เต้นท์ เอ็มบอกว่างานวันเกิดที่เขาอยากได้ที่สุดคือการฉลองกับเพื่อนๆ เล่นไม้นี้ผมกับเฟมเลยไม่กล้าปฏิเสธ เราเดินล่วงหน้าไปก่อนกับแม็กกี้ ส่วนเอ็มซื้อเบียร์ขวดเดินตามมา เมื่อถึงที่เต้นท์ เอ็มบอกว่าให้ผมชวนซ่ามาด้วย เพราะเห็นซ่าอยากกิน แต่ผมรู้ดีว่า ถ้าผมไปชวนซ่า ต้นจะต้องตามมาด้วยแน่นอน แต่เนิร์ดคงไม่ อยู่ที่ร้านอาหารก็อย่างหนึ่ง แต่อยู่ที่เต้นท์ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวในเวลากลางคืน ผมไม่รู้สึกอยากอยู่กับน้องผมและเอ็มพร้อมๆ กันเลย มันกระอักกระอ่วนชอบกล

เมื่อดีกรียิ่งแรง เอ็มก็เริ่มเปิดเผยมากขึ้น เขาเล่าให้เราฟังถึงชีวิตส่วนตัวหลายเรื่องแต่ไม่สำคัญกับเรื่องที่ผมจะเล่านี้นะครับ อย่างไรก็ดี ในบรรดาเรื่องที่เล่านั้นไม่มีแม็กกี้อยู่เลย ผมเลยถามคำถามที่อยากถามมาตั้งแต่เมื่อกลางวันว่าทั้งคู่คบกันมานานเท่าไรแล้ว ผมเห็นเอ็มมองหน้าแม็กกี้แล้วยิ้มก่อนเอ่ยตอบ

“Not for long” ไม่นานเท่าไหร่

“Three weeks” แม็กกี้ตอบอย่างมั่นใจหลังจากที่เป็นผู้ฟังมาค่อนคืน ผมคาดว่าจะได้ยินคำตอบว่าหนึ่งปี หรือสองปี หรืออย่างดีที่สุดคือ ครึ่งปี แต่สามอาทิตย์นี่ทำเอาผมนึกไม่ถึง

“This cute boy... walked into me while I was working a night shift” หนุ่มน่ารักคนนี้มาเจอชั้นตอนกำลังทำงานกะกลางคืน  ผมว่าเธอคงเมาแล้วล่ะ เพราะผมเองก็มึนมาก แล้วแม็กกี้ก็หัวเราะก่อนพูดต่อ “I always work night shifts”

“What ‘ya do?” เฟมถามพาซื่อ ผมหลิ่วตาไม่แน่ใจแล้วว่าอยากได้ยินคำตอบ แต่ถ้าแม็กกี้จะตอบจริงๆ ผมหวังว่าเธอจะบอกว่าเป็นพยาบาลหรืออะไรทำนองนั้น แม็กกี้ชำเลืองมองหน้าเอ็มก่อนลุกขึ้นยืน เธอถามเฟมว่า

“Are you sure you are 21?” เฟมพยักหน้า แม็กกี้หันมามองผม “And you?”

“Yeah...” ผมพยักหน้าตอบอย่างงงๆ เอ็มขำผมก่อนหันไปพูดกับแม็กกี้

“Why don’t you tell them, honey” บอกพวกเขาสิ ที่รัก  แม็กกี้หันไปทำหน้าดุใส่เอ็มก่อนขึ้นเสียงตอบ

“Don’t call me honey!” เอ็มยกมือทำท่ายอมแพ้ แม็กกี้หยิบไอโฟนของเธอขึ้นมาก่อนเปิดเพลงขึ้นเบาๆ แล้วเธอก็ค่อยๆ เยื้องย่างอย่างนางแบบ มาหาผมที่นั่งอยู่กับพื้น เธอปัดมือไปตามหัวไหล่ผม แล้วก็ที่ศีรษะ จากนั้นขณะที่มือเธออ้อยอิ่งอยู่กับผม เธอก็พูดกับเอ็มว่า “But if he lets you...”

ในเวลานั้นผมไม่เข้าใจความหมายของแม็กกี้ แต่เอ็มส่งยิ้มให้ผม จากนั้นแม็กกี้เดินไปข้างหน้าพวกเราแล้วก็เริ่มเต้น...

แม็กกี้เต้นอย่างสาวบาร์ที่เห็นในหนัง โดยทำท่าจะถอดเสื้อยืดออก ผมกับเฟมได้แต่นั่งดูตาค้างเมื่อแม็กกี้เปิดชายเสื้อขึ้นจนจึงขอบล่างของเต้า เธอไม่ได้ใส่ยกทรง ผมรู้สึกตั้งแต่แรกว่าแม็กกี้เป็นคนสวย ดังนั้นผมจึงไม่สามารถถอนสายตาออกจากโชว์ของเธอได้ จากนั้นแม็กกี้ก็หันหลัง เธอทำท่าทางยั่วยวน แต่ยิ้มเขินๆ ของเธอทำให้ดูน่ารักก่อนที่เธอจะถอดเสื้อยืดออกแล้วเหวี่ยงมาให้ผม

ผมใจเต้นรัวอย่างแรงมาก นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงมาแก้ผ้าเต้นต่อหน้าผม ผมไม่รู้ว่าเฟมหรือเอ็มทำหน้าอย่างไรอยู่ แต่ผมเขินเกินกว่าจะมองหน้าทั้งคู่ ในเวลาไม่นาน ผมกับเฟมก็ได้เห็นเต้าขาวๆ และหัวนมสีชมพูสวยของแม็กกี้เต็มๆ ตาเมื่อเธอหันหน้ากลับมา ผมค่อนข้างแน่ใจมาสักพักแล้วว่าผมชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ขณะที่ผมนั่งมองผู้หญิงอายุเท่าๆ กันกับผมค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้น ร่วมกับผู้ชายที่เด็กกว่าผมอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ และหนุ่มรุ่นพี่หน้าตาดีอีกคนหนึ่งในห้องเดียวกัน อวัยวะของผมก็ชี้ดันกางเกงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นเอ็มก็ลุกขึ้นไปเต้นกับแม็กกี้

เอ็มปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของแม็กกี้ลงหมดแล้วเอามือล้วงเข้าไปทางด้านหน้า ผมกับเฟมเหมือนโดนสะกด นั่งตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ภาพที่เห็นต่อมาคือ แม็กกี้เดินเข้ามาแล้วเรียกเฟมให้ลุกขึ้นไป เฟมลุกตามอย่างว่าง่าย ที่ส่วนกลางลำตัว ท่อนเนื้อแข็งแกร่งดันกางเกงวอร์มขายาวที่ใส่สำหรับเข้านอนออกมาเด่นชัด แล้วเฟมก็เข้าร่วมในโชว์เบื้องหน้าผมด้วยอีกคน

เฟมถอดแจ็คเก็ตและเสื้อยืดออกโชว์ท่อนบนเปลือยเปล่า ความที่เฟมค่อนข้างผอมกล้ามเนื้อจึงคมชัดแม้จะไม่ใหญ่โต เมื่อแม็กกี้จับมือเฟมให้จับที่หน้าอกของเธอ เฟมก็ผวาจูบกับแม็กกี้อย่างมูมมาม จากนั้นเฟมก็ก้มหน้าลงเลียหัวนมสีชมพูของแม็กกี้ ในขณะนั้น เอ็มค่อยๆ ถอดกางเกงยีนส์ของแม็กกี้ลงทำให้ผมเห็นรูปร่างของเธอชัดเจน กลางลำตัวของแม็กกี้เรียบเนียน ไม่มีขนสักเส้น แล้วเอ็มก็เดินมาข้างหน้าโดยขณะที่เฟมกำลังจูบกับแม็กกี้ เอ็มก็ประกบปากจูบกับทั้งสองคนด้วย ทั้งสามคนยืนจูบกันอยู่สักพักโดยที่เฟมไม่ได้ถอนหน้าออกมาเลย แต่เป็นเอ็มที่ถอนออกมาก่อน เอ็มมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ จากนั้นก็เดินอ้อมมาข้างหลังเฟมแล้วถอดกางเกงวอร์มของเฟมออก ผมเห็นส่วนหัวของมังกรที่แข็งโด่ของเฟมดีดผึงขึ้นมา แต่ลำตัวของเฟมบดบังส่วนกลางของท่อนลำนั้นไว้

นี่คือสถานการณ์ที่ผมจะเขินที่สุด แต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ความเขินอายเหมือนจะหายไปหมดแล้ว ถ้าเมื่อครู่นี้ผมทนแม็กกี้ได้ แต่ในเวลานี้ผมก็ทนเฟมไม่ไหวแล้ว ผมลุกขึ้นไปหาทั้งคู่แล้วจับที่ท่อนลำของเฟม เฟมหันมาหาผมแล้วประกบปากจูบผมทันทีและผมก็จูบตอบอย่างหนักหน่วง ผมถอดเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อยืดออก ในขณะเดียวกันเอ็มก็เข้ามาถอดกางเกงขาสั้นของผมออกจนผมยืนเปลือยเปล่า เมื่อเฟมผละไปซุกไซร้ที่หน้าอกของแม็กกี้ เอ็มก็ดึงผมเข้าไปหาแล้วประกบปาก

ตลอดทริปผมไม่ค่อยได้สนใจเฟมสักเท่าไหร่ ในสายตาผม ถ้าแยกต้นไว้ต่างหาก ซ่าน่าสนใจที่สุด และรองลงมาคือเนิร์ด ส่วนเฟมนั้นผมไม่ได้รู้สึกมีความต้องการร่วมด้วยนัก แต่นับแต่เห็นร่างเปลือยของน้องที่น้ำตกเวอร์นอลมันก็ทำให้อารมณ์ผมเตลิด ในคืนนี้ ผมไม่รู้ว่าเฟมเมามากหรือน้อยกว่าผม เฟมจะทุ่มความสนใจไปที่แม็กกี้เป็นหลัก แต่เมื่อแม็กกี้กดศีรษะเฟมไว้ขณะที่เขาจูบกับเธออยู่และเธอดึงท่อนลำของผมเข้าไปแทรกระหว่างกลาง เฟมก็ผลัดกับแม็กกี้ใช้ลิ้นเลียและดูดท่อนลำของผมโดยไม่รังเกียจ แม้แต่น้ำหล่อลื่นของผมที่ไหลเยิ้มอยู่ก็ตาม และแม้แต่ท่อนเอ็นของเอ็มมิลิโอที่แทรกเข้ามาอีกท่อนหนึ่งก็ตาม

เมื่อเอ็มมิลิโอดึงเฟมออกจากตัวแม็กกี้และเขาเข้าไปสอดใส่ในตัวของเธอ เขาก็กระหน่ำแม็กกี้ค่อนข้างแรง เราพยายามให้เสียงเบาที่สุด แต่แม็กกี้ก็เผลอร้องออกมาเป็นบางครั้ง

ในคืนนั้น ด้วยความต้องการลึกๆ ของผมเป็นพื้นฐานและมีแอลกอฮอล์เป็นแรงกระตุ้น ผมปล่อยให้แม็กกี้ขึ้นคร่อมผมหลังจากที่เฟมสอดใส่ในตัวเธอและสำเร็จในเวลารวดเร็ว ผมจากบ้านมาเกือบสองหมื่นกิโลเมตรเพื่อจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงครั้งแรก ผมอาจจะไม่ได้ประทับใจมากนักจนกระทั่งแม็กกี้กระซิบข้างหูขณะที่ผมถึงจุดสุดยอดจนตัวกระตุกสั่นต่อหน้าเอ็มและเฟมว่า เธอชอบผม

ขณะที่ผมถอนอวัยวะออกมาและน้ำเชื้อผมขังอยู่ในกระเปาะปลายถุงยางบางส่วน และไหลย้อยลงมาอาบท่อนลำของผมเองบางส่วน ท่อนลำของเฟมก็แข็งขันขึ้นอีกครั้ง

ในคืนนั้นผมได้ดูดท่อนเนื้อของเฟมโดยที่เจ้าตัวเป็นคนดันเข้ามาเอง เฟมสำเร็จในปากผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัวและต้องบ้วนน้ำของน้องทิ้ง แต่เฟมก็ดูดให้ผมผลัดกับแม็กกี้จนผมแตกออกมาในปากของใครคนหนึ่งที่ผมมองไม่เห็นเพราะถูกบดบังด้วยเอ็นยักษ์ของเอ็มมิลิโอที่ดุนดันผมรุนแรงและพุ่งน้ำของเขาลงคอของผมจนผมต้องดิ้นหนีออกมา น่าแปลกน้ำกามของเอ็มคาวน้อยกว่าของเฟม แต่ผมก็ไม่ชอบดื่มมันอยู่ดี

ก่อนที่เราจะหมดสติไป แม็กกี้ก็ประกบปากกับผมอ้อยอิ่ง ดูเธอจะชอบผมจริงๆ พรุ่งนี้เช้าผมคงจะรู้สึกรังเกียจตัวเอง แต่ในเวลานั้นผมอยากกอดทั้งสามคนไว้พร้อมๆ กัน และในเวลาต่อมา ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

ตอนที่ 11 เดซีร์ อาดิโอส

เฟมสะกิดผมให้ตื่นขึ้นในตอนเกือบเก้าโมงของวันที่สี่ เมื่อผมลืมตาขึ้น แม็กกี้อยู่ในอ้อมแขนของผมและผมอยู่ในอ้อมกอดของเอ็ม ร่างของเราทั้งสามคนเปลือยเปล่า เช่นเดียวกับร่างของเฟมที่ยืนอยู่ข้างเตียง อวัยวะของเฟมตื่นตัวครึ่งๆ กลางๆ เมื่อตื่นขึ้นมาทีแรกผมรู้สึกสับสนและจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไม่ดีนัก ผมต้องนอนอยู่สักพักกว่าที่จะพอนึกได้รางๆ จากนั้นผมค่อยๆ ดึงแขนออกมาจากแม็กกี้ แล้วค่อยๆ ยกแขนของเอ็มที่กอดทั้งผมและแม็กกี้ไว้ออก ท่อนแขนอันมั่นคงที่ผมอยากกอดตั้งแต่วันแรก

จากนั้นผมลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า อวัยวะของผมก็ตื่นตัวครึ่งๆ กลางๆ เช่นเดียวกับเฟม ผมหันไปมองร่างเปลือยของเอ็มและแม็กกี้ที่อยู่บนเตียงแล้วรู้สึกว่าทั้งคู่ดูสมกันไม่น้อย แต่ผมเพิ่งได้รู้ความจริงเมื่อคืนนี้เองว่าทั้งคู่เป็นแค่คนรู้จักกันชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับผมเองที่เข้าไปรู้จักกับพวกเขา ที่ว่างระหว่างคนทั้งคู่บนเตียงขณะนี้คือที่ที่ร่างของผมนอนอยู่เมื่อสักครู่นี้ ผมไม่แน่ใจว่ารอยยับข้างๆ เอ็มมิลิโอหรือผ้าห่มที่กองอยู่ที่ปลายเตียงกันแน่ที่เป็นที่ของเฟมเมื่อคืนที่ผ่านมา

เฟมสะกิดผมแล้วพยักหน้าชวนให้ออกไปได้แล้ว แต่เมื่อผมจะหันเดินออกไปเฟมก็จับตัวผมไว้ เรายืนห่างกันแค่คืบ แววตาเฟมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่หาทางไปไม่ถูก ผมยกมือขึ้นบีบต้นแขนของเฟมเบาๆ เพื่อบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก แต่เฟมชะโงกหน้าเข้ามาทำท่าเหมือนจะหอมแก้มผมหรือกระซิบอะไรบางอย่างที่หูผม แต่เขาก็เปลี่ยนใจในที่สุด

เราเดินออกมาจากเต้นท์ของเอ็มและแม็กกี้และกลับไปที่เต้นท์ของเราซึ่งปรากฏว่าล็อกอยู่ทั้งสองหลัง ผมไม่รู้ว่าป่านนี้ต้นจะงอนผมไปสักแค่ไหนแล้วหรือยัง เราชวนกันเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาเท่าที่พอจะทำได้ในห้องน้ำ ความทรงจำเมื่อคืนคงจะกลับมาโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ผมยังพยายามไม่นึกถึงมัน ผมไม่แน่ใจว่าเฟมจำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ในเวลานี้เฟมกำลังมองผมอยู่ผ่านกระจกบานใหญ่ที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เมื่อผมมองตอบ เฟมก็ยิ้มและหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มตอบ แล้วเฟมก็บอกว่า

“ผมเห็นเอ็มจูบพี่เมื่อคืนก่อน... หน้าเต้นท์” เฟมคงจะหมายถึงวันที่ผมและเอ็มกลับมาจากมาริโปซ่า กรูฟ นึกได้ว่าเฟมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ข้างในเต้นท์ในเวลานั้น ผมไม่ตอบว่าอะไร “พี่ชอบเขารึเปล่า” เฟมถามผมต่อ แต่ผมตอบเฟมไม่ได้ เพราะผมเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ผมมีความรู้สึกแย่ๆ กับเอ็ม แต่ผมก็มีความรู้สึกดีๆ กับเขา ผมคงลืมเวลาที่ได้ใช้ไปกับเขาขณะอยู่ที่โยเซเมตินี้ไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าผมชอบเอ็มไหม มันไม่มีคำตอบใดๆ ผุดขึ้นมาในหัว ผมยักไหล่แล้วเอ่ยตอบเฟม

“หิวว่ะ”

เมื่อผมกับเฟมไปถึงลอดจ์น้องๆ ก็กินมื้อเช้ากันอิ่มแล้ว ผมใส่กางเกงขาสั้นแบบใส่ไปเที่ยวตัวเมื่อคืน เพราะปกติแล้วกางเกงนอนผมจะบางมาก ดังนั้นเมื่อไปเลี้ยงวันเกิดของเอ็มเมื่อคืน ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่รู้ว่าเป็นวันเกิดของเขาจริงๆ หรือเป็นแค่ข้ออ้างมอมเหล้าผม ผมจึงต้องใส่กางเกงดีๆ ไปแทน แต่เฟมที่ใส่เพียงกางเกงวอร์มโดยไม่มีชั้นในคงจะเบาโหวงพิลึก เมื่อเราโผล่หน้าไป น้องๆ ทั้งโวยวายทั้งแซว ทั้งต่อว่า โดยเฉพาะซ่าว่าเรากินเหล้ากันจนเมาไม่มีนึกถึงน้อง แต่ทุกคนคงนึกไม่ถึงหรอกว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน ผมมองหน้าต้นแต่เจ้าตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรบอกให้ผมไปหาอะไรกินซะ

หลังจากนั้นเราเดินไปเที่ยวน้ำตกโยเซเมติล่างอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่เต้นท์เพื่อเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวขึ้นรถกลับตอนบ่าย หลังจบทริปที่น่าประทับใจทุกครั้งผมมักรู้สึกโหยหาในสถานที่ที่ไปเยี่ยมเยือน แต่ทริปครั้งนี้นอกจากสถานที่แล้วผมยังได้รู้จักกับหนุ่มสาวแปลกหน้าคู่หนึ่ง และรวมถึงเด็กไทยอีกคนหนึ่งเกินกว่าความสัมพันธ์ทั่วไป และผมยังได้ใกล้ชิดกับต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย

ขณะนั่งเล่นอยู่ที่ลอดจ์เพื่อรอรถบัส เราก็เจอเอ็มและแม็กกี้ ทั้งคู่ทักทายพวกเราตามปกติ แต่แม็กกี้เดินมาหอมแก้มผมกับเฟม ผมเห็นซ่ายืนอ้าปากหวอ แต่คนอื่นๆ รวมถึงน้องชายผมไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติ ผมเห็นเฟมหน้าแดง แล้วจากนั้นเอ็มก็เข้ามากอดผมกับเฟมคนละครั้ง และจูบผมที่แก้มด้วย ใจจริงแล้วผมยังอยากให้ตอหนวดสากๆ ของเขาคลอเคลียบนแก้มผมให้นานอีกสักพัก แต่เอ็มก็ต้องรีบผละออกไป เอ็มกับแม็กกี้จะไปปีนฮาล์ฟโดมกันวันนี้ก่อนที่จะกลับซานฟรานซิสโกในวันรุ่งขึ้น เขาถามถึงแผนการคร่าวๆ ของเรา และเอ็มชวนผมไปแกรนด์แคนยอนด้วย ผมไม่ได้รับปาก แต่เอ็มขอเบอร์มือถือผมไว้ เบอร์ที่ผมใช้อยู่ที่นี่เป็นเบอร์ชั่วคราวที่พี่สาวผมให้มา ดังนั้นผมจึงให้เขาไปโดยไม่ได้คิดมาก

ขณะที่ทั้งคู่จะเดินจากไป ผมก็อดมองตามแม็กกี้และรู้สึกหน่วงๆ ลึกๆ ไม่ได้ เธออายุเท่าๆ ผมและจากที่เธอบอกผมกับเฟมผ่านการแสดงโชว์เมื่อคืนนั้น เธอคงจะเป็นนักเต้นตามบาร์เล็กๆ ที่ไหนสักแห่งในซานฟรานซิสโก เอ็มคงจะจีบเธอ และผมหวังว่าเขาจะชวนเธอมา ไม่ใช่จ่ายเงินซื้อเวลาของเธอมาที่นี่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมหวังว่าเธอจะมีความสุขที่ได้เที่ยวที่นี่เหมือนผม ก่อนเดินออกจากประตู เอ็มหันกลับมามอง เขาไม่ได้มองกลุ่มของเรา ไม่ได้มองเฟม ไม่ได้มองคนอื่นๆ เขามองมาที่ผมคนเดียวแล้วยิ้มให้ผม เป็นยิ้มน้อยๆ ที่ไม่ได้มีแผนการที่น่าคลางแคลงอยู่เบื้องหลังอย่างที่ผมอยากจะเห็นตั้งแต่ได้รู้จักกับเขาเมื่อสามวันก่อนแต่ก็ไม่เคยได้เห็นเลยจนกระทั่งวันนี้... มันทำผมรู้สึกใจหาย

ขณะที่ผมนั่งแยกตัวอยู่คนเดียวบนรถบัส ผมหยิบเมมโมรี่การ์ดใบพิเศษขึ้นมาใส่ในกล้อง ภายในนั้นบรรจุภาพน้องๆ และเอ็มในช่วงเวลาพิเศษสุดเอาไว้ ผมกดดูมันสองถึงสามรูปก่อนจะกดฟอร์แมต ตัดสินใจว่าจะเก็บเฉพาะความทรงจำแห่งสถานที่ไว้ในภาพถ่าย และปล่อยให้ความทรงจำของผู้คนคงอยู่แค่ในหัวของผม...

ต้นลุกจากที่นั่งที่เขานั่งอยู่กับเนิร์ดเดินมานั่งลงข้างๆ ผม หยิบกล้องออกไปจากมือ จัดแจงเก็บใส่กระเป๋าแล้ววางลงที่พื้นก่อนที่เขาจะปรับท่านั่งให้สบาย จากนั้นเอนศีรษะมาพิงที่ไหล่ของผม แล้วหลับตา...

Glacier Point Geology Hut, Yosemite

ชอบไม่ชอบอย่างไร น้อมรับทุกความเห็นครับผม

อ่านจบแล้วค่ะ ... เล่าได้สนุกมากค่ะ

เหมือนได้ไปท่องเที่ยวด้วยเลย ยิ่งมีภาพประกอบด้วย

เป้นนักเขียนได้เลยนะคะ ... ขอสมัครเป็นแฟนคลับค่า ^^"

อิๆ

คุณอเทตยา ดีใจจังคับ ^^ ผมพยายามหัดเขียนนิยายอยู่ แต่ว่าไปได้ช้ามาก นิยายที่เขียนเป็นแนวธรรมดา แต่ว่าเรื่องที่เล่านี้ ผมอยากเขียนถึงมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทีนี้ช่วงนี้นิยายผมตื้อมาก เลยตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ ปรากฏว่าเขียนคล่องมากมายอะ - -"

คุณ TK ขอบคุณมากครับ ผมไปก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกัน พอดีว่าพี่สาวอยู่ที่นู่นก็เลยไปๆ ซะก่อน แล้วใครพาไปไหนก็ไปกับเขา แต่ถ้าอยากไปจริงๆ ผมว่าไม่ยากหรอกครับ สถานที่ท่องเที่ยวของที่นู่นข้อมูลดีมากๆ ป้ายถนนก็ชัดเจนมากครับ แล้วคนก็ใช้ภาษาอังกฤษด้วยครับ (เทียบกับญี่ปุ่นที่คุยกันยากมากก) แล้วผมว่ามีเพื่อนๆ ในบอร์ดนี้หลายคนที่อยู่ที่นู่นครับ แต่ไปทีก็หมดตัวเลยเหมือนกันอะครับ - -"

จะดิดตามไปเรื่อยๆนะครับ

เขียนต่อหลังจากกลับมาก็ได้ เรื่องในชีวิตประจำวัน กับหลาน อยากอ่านต่อ

อยากอ่านอีกกกกครับ

แอร๊ยย เรียกชื่อเค้าผิด น้อยใจจัง Y.Y

ล้อเล่นค่า 555

เห็นด้วยนะคะ ว่าน่าจะเขียนตอนกลับมาว่าหลังจากนั้นมีอะไรต่อหรือเปล่า

อยากทราบชีวิตหลังจากนั้น ต่อมอยากรู้อยากเห้นเหมือนจะทำงาน อิๆ

คุณ yuki - ขอบคุณมากครับ ตอนนี้มีกำลังใจจะเขียนเรื่องต่อไปแล้วครับ เดี๋ยวว่างงานแล้วจะเขียนมารบกวนให้อ่านกันอีกนะครับ

คุณ stayingpower - ขอบคุณสำหรับกำลังใจแรงๆ คับ ปกติไปเที่ยวไหนก็จะเขียนบันทึกเดินทางไว้อยู่อะคับ ยังมีอีกหลายทริป แต่ว่าไม่มีเรื่องเซ็กส์มากเท่าไหร่คับ

คุณ Michael - จริงๆ แล้วอยากให้ดูรูปตัวจริงของน้องเจ้าของคาแรกเตอร์ เนิร์ด ว่าจริงๆ แล้วน้องเขาน่ารักนะครับ 55

คุณ Haibara Ai - เขาขอโต้ด ToT (^^; ) //ต้องขอบคุณอีกทีครับ ที่มาส่งกำลังใจให้มีแรงเขียนจนจบครับ ความสัมพันธ์ของน้ำกับต้นยังดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบันครับ

เหมือนนั่งฟังเพื่อนเล่าเรื่องไปเที่ยวมาแล้วพ่วงเรื่องอย่างว่าแถม เพลินดีค่ะ 5555+

รอเหตุการณ์ตอนต่อไปน้ำกับต้นค่ะ อิๆ

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ และรอเรื่องใหม่ๆอยู่นะครับ

คุณน้องกล้วย - ขอบคุณมากครับ ตอนนี้ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ แล้วรู้สึกอยากเขียนเรื่องต่อไปมาก แต่ว่าเรื่องที่อยากเขียนมีเยอะอยู่ แล้วก็มีงานหนักเข้ามาช่วงนี้ เดี๋ยวขอตัดสินใจนิดนึงครับว่าจะเขียนเรื่องไหนก่อนดี คงจะเป็นเรื่องสั้นๆ ก่อนนะครับ ฝากติดตามด้วยครับ

ชอบมากๆๆ ครับ อยากอ่านตอนต่อนะครับ ถ้ามีโอกาส ขอให้กลับมาเขียนนะครับ

ติดตามนะค้าบ

ทุกเรื่องราวที่อ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ที่เมื่ออ่านจบ (อ่านผ่าน iphone) และเมื่อถึงบ้าน ผมรีบเปิดคอมพิวเตอร์ แล้ว Save เก็บในรูปแบบไฟล์เอกสารของตัวเอง ทั้งข้อความ รูปภาพ แม้แต่รูปแบบของสี teal ของบทนำ ที่เป็นความตั้งใจของคุณอิ๊ก เพราะถ้าหากกระทู้นี้หายไป ผมยังมีงานเขียนดีๆ เก็บไว้อยู่

ผมอ่านเรื่องนี้ผ่านมาแล้ว 2 วัน แต่ภาพของบรรยากาศและสถานที่ต่าง ๆ ในเนื้อเรื่อง รวมทั้งความรู้สึกผิด ความรู้สึกสับสนที่จะเลือกระหว่างจะทำหรือไม่ทำ ของตัวละครที่ชื่อน้ำ ยังผุดขึ้นมาในจินตภาพตอนจิตที่เผลออยู่บ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งใน 2 วันนี้ โดยเฉพาะสถานที่ ทั้งที่ไม่เคยได้ไปเลย ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะความลงตัวของสำนวนการเขียนและความมีสมาธิในการเสพเรื่องราวในขณะผมอ่าน จนเรื่องราว จินตภาพที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างอ่าน ถูกบันทึกในจิตใต้สำนึกได้ขนาดนี้ ตอนแรกว่าจะไม่มาเขียน comment แล้ว แต่เพราะภาพที่ผุดขึ้นมาใน 2 วันนี้ ทำให้ผมต้องแบ่งปันให้คุุณอิ๊กทราบซะละ เป็นความรู้สึกเชิงบวกครับ พอภาพผุดขึ้นมา ต้องตั้งสติเล็กน้อย นี่ภาพอะไร ... แล้วก็นึกออกว่า มันคือ เรื่องของงานเขียนคุณอิ๊ก แล้วผมจะเคลิ้มอยู่กับภาพบรรยากาศนั้นสักพัก ก่อนที่จะดำเนินชีวิตประจำวันต่อไป (ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาที ในการดื่มด่ำความรู้สึกนี้ครับ แต่เกิดขึ้นบ่อย)

ขอชื่นชมว่ายอดเยี่ยมครับ

ท้ังหมดคือความเห็นส่วนตัวและความรู้สึกต่องานเขียนของคุณอิ๊กครับ ถ้ามีงานเขียนอีกส่งเมล์บอกด้วยนะครับ เข้าใจเลยว่าทำไมหลายคนอยากติดตามงานเขียนของคุณอิ๊ก รวมถึงตัวเองด้วย

X ครับผม

x6packs@gmail.com

ดังนั้นขอถือโอกาสขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าไว้ตอนนี้เลยครับ

คุณกระเทยไทยในนิวยอร์ก - อพยพหลบหนาวสินะครับ ^^

คุณ FAQ - แล้วถ้าเสียพี่เสียน้องล่ะครับ รับได้ไหม 555+ พูดเล่นนะคับ

คุณ X - อ่านแล้วลอยเลยครับ ดีใจที่ชอบ และขอบคุณที่เข้ามาเขียนคอมเมนต์ดีๆ ให้ มันมีความหมายมากครับสำหรับผมที่ลงเรื่องแรกที่นี่ ผมเซฟกระทู้นี้ไว้แล้วเหมือนกันครับ แล้วจะอีเมลแจ้งให้ทราบแน่นอนครับ

คุณไข่กวน, คุณ yumenobasho, คุณน้องน้อย - ตอนนี้เริ่มหนักใจละครับ ไม่คิดว่าเพื่อนๆ จะยอมรับขนาดนี้ ถึงไม่ได้มากล้นเหลือ แต่ก็เกินกว่าที่หวังไว้แล้วครับ ^^ เรื่องต่อไปที่จะเขียนเริ่มจะเกร็ง กลัวจะทำให้เพื่อนๆ ผิดหวังซะแล้ว คิดว่าคงจะเป็นเรื่องราวในชีวิตของผมช่วงเข้าปีหนึ่ง น่าจะมีทั้งช่วงที่โรแมนติกและช่วงระทึก (อารมณ์ทางเพศ) อยู่ปนๆ กันเหมือนกับเรื่องนี้ แต่ค่อนข้างจะเขียนยากสักหน่อยเพราะความรู้สึกนั้นปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว ต้องรำลึกถึงความหลังพอสมควร ไม่งั้นพาลจะเขียนไม่ออก ^^ หรือสุดท้ายถ้าเขียนไม่ออกจริงๆ คงจะเขียนเรื่องอื่น (แล้วจะบอกทำไม - -')

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อย่างที่บอกคืองานเยอะจริงๆ อาจจะมาช้าหน่อย อย่าเพิ่งลืมกันนะครับ

อิอิ

อ่านแล้วรู้สึกดีจิงๆ

ขอบคุณมากๆครับ

ไม่ทราบว่าจะลำบากเกินไปไหม ถ้าผมจะขอตอนพิเศษ
เฉพาะ พี่ชายกับน้องชาย เพราะเหมือนคุณจะเล่าไว้นิดนึงว่าเคยแอบเห็นน้องคุณว่าว อิอิ
ยิ่งเป็นวัยที่กำลังโต เพิ่งรู้เห็นเรื่องเพศ ผมว่าน่าจะมีไรน่าอ่านอยู่บ้างในpartนั้น
ถ้าเป็นไปได้ ก็จะรออ่านครับ ^_^

ขอด้วยครับ ผมก็เคยมีช่วงเวลาแบบนี้

จะตกขบวนเรื่องนี้ซะแล้ว

เบื่อกับบอร์ดที่ปนเปกัน

ผมยินดียิ่งนักกับการที่ปาล์มได้มีบอร์ดเรื่องเล่าและประสบการณ์
อย่างเป็นทางการล้วนๆซักที กับตลอดนับสิบปีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเวปนี้

กำลังจะดูว่า สิ่งปนเปื้อนจะตามทะลักเข้ามาซักแค่ไหน

พวกเราคงต้องร่วมกันดูแลและช่วยกันปัดกวาดห้องนี้ให้สะอาดเอี่ยมดีๆน่ะครับ

สำหรับคุณอิ๊กเคยเห็นชื่อผ่านๆตามาบ้าง

คราวนี้คงต้องขอชมเชยอย่างดีว่า เรื่องของคุณติดหนึ่งในสิบนิยายในดวงใจของผมในรอบสิบสี่ปีนี้ทีเดียวครับ

อยากบอกว่าเรื่องที่เขียนได้ง่ายที่สุด คือจากประสบการณ์รอบๆตัวเราทั้งของเราและ
ของคนใกล้ตัว รอภาคย้อนหลังและภาคต่อของชีวิต น้องอิ๊กน่ะครับ

ด้วยรักมากมาย

เมท

ปล.คิดถึงเพื่อนๆน้องๆพี่ๆร่วม...เขียน และอ่านนิยายและเรื่องเล่าทุกคนครับ

ชอบจังครับ
เล่าเก่งครับ เห็นภาพได้เลย
โป๊กำลังดี แต่ก็เป็น rate X

กลับมาต่ออีกนะครับ
อยากรู้ว่าน้องชายจะโดนอะไรไหม

เจ๋งมากครับ ได้ความรู้สึกสดใหม่มาก ๆ
ไม่รู้ดิ ชอบ

ถ้าว่างก็เขียนอีกนะครับ

ขอบคุณครับ

เย้

!!! ดีใจมากครับ ขออ่านเรื่องของพี่ชายน้องชายแบบเต็มๆนะครับ

ป้าขอเสนอให้เข้าชิงรางวัลนะคะ

วันนี้อยู่โยเซแล้วครับ พักที่ curry village ด้วย แต่พักในเคบิน ไม่กล้านอนเต็นท์ เพราะมีทั้งฝนและหิมะเลย

มาอยู่ตรงนี้โคตรอิน โคตรคิดถึง อยากร้องไห้ แปลกไหม อยากเจอจังครับ คุณอิ๊กและน้องๆ เพื่อนๆ

ผมมาถึงฝนตกตลอด ซวยในซวย ไปไหนไม่ได้ หวังว่าพรุ่งนี้จะไปเดินได้บ้าง แต่คงไม่สามารถไปเส้นทางสายหมอกได้ ทั้งที่อยากไปมากๆๆ

เมื่อกี้ เข้าห้องน้ำรวม ฉากอาบน้ำก็มา ได้อารมณ์จริงอะ 555 ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี

ขอบคุณคุณอิ๊กที่มาแชร์เรื่องราวดี ๆ นะครับ

ปล. เรื่องนี้เขียนมา 10 ปีแล้ว ไม่รู้ตอนนี้คุณอิ๊กเป็นไงบ้าง อยากให้มาอัพเดทเรื่องราวจังเลยครับ