We have no responsibility for the contents in this web community!

ถ้าเข้ามาแล้วพบว่ากระทู้ไม่เรียงตามวัน/เวลา ให้คลิ๊กตรงคำว่า Date/Time ที่อยู่ตรงแถบสีม่วงๆ นะครับ


ห้ามลงประกาศโฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ยกเว้นสปอนเซ่อร์!!!!!

*** ห้ามใช้เนื้อที่บอร์ดเพื่อแอบแฝงขายบริการทางเพศ ***


เพิ่มเพื่อน

RBR Section


Register
สมัครสมาชิก


What's RBR?
ต่ออายุสมาชิก

**** ส่วนบริการเข้าบอร์ดเฉพาะสำหรับสมาชิก RBR บอร์ด Devil และ บอร์ด Zombie ต้องการติดต่อสอบถาม ส่งเมลล์ที่ ryubedroom@yahoo.com เท่านั้น ****

กรุณาคลิ๊กที่นี่และ Bookmark ไว้ด้วยครับ

Palm-Plaza.com

Complete the form below to post a message

Original Message
"RE: แค้นวิปริต จิตสั่งกาม:กระทู้ที่ 2"
Posted by โทรจิตคุง on 28-Apr-11 at 10:07 PM
เป็นประโยชน์จริง ๆ มีนช่างมองโลกในแง่ดีเสียนี่กระไร เธอไม่รู้ตัวหรือแกล้งโง่กันแน่ว่าที่จ้อออกมานั้นมีแต่เรื่องสาวไส้ให้กากินทั้งนั้น นี่เป็นบันไดขั้นแรกที่ผมจะหาวิธีเอาชนะธนิกได้ เห็นทีต้องใช้โอกาสนี้ถามทุกอย่างที่อยากรู้ให้หมด


“ว่าแต่ . . .เจ้าตัวรู้ไหมครับว่าเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลทางการเมือง” แม้จะรู้ว่าเป็นการนินทาบุคคลที่สาม แต่ผมก็ห้ามใจไม่ได้และถามไปแล้ว


“นิกรู้อยู่ตลอดแหละ ตอนเด็ก ๆ หนังสือที่ทุกคนหาให้เขาอ่านไม่ใช่การ์ตูนหรือนิทาน แต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมต่าง ๆ เขายอมรับชะตาที่ผู้ใหญ่ในตระกูลให้เขาเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก แต่พี่ยอมรับว่านิกก็เป็นคนค่อนข้างสุดโต่ง เมื่อเจ็ดขวบเขาเห็นคนงานก่อสร้างกำลังจะเชือดไก่ที่เลี้ยงไว้. . .”


“ไก่รอด แต่คนไม่รอด ใช่ไหมครับ”


“ใช่ นั่นเป็นครั้งแรกที่นิกพิพากษาคนด้วยโทษตาย และตั้งแต่นั้นนิกก็ถือมังสวิรัติมาตลอด เขาค่อนข้างมองธรรมชาติของมนุษย์ในแง่ร้ายไว้ก่อน และตัดสินจากมุมมองของเขาเท่านั้น พี่ถามหน่อยว่าถ้าคนงานนั้นไม่ฆ่าไก่กินแล้วจะให้กินอะไร มันอาจเป็นอาหารอย่างเดียวที่เขามีในวันนั้นก็ได้”


คำบอกเล่าจากมีนทำให้ผมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บางที เธออาจจะไม่เห็นดีเห็นงามกับธนิกไปเสียทุกเรื่อง และอาจเป็นช่องโหว่ให้ผมใช้ประโยชน์ได้


“เดาว่าที่บ้านเขาคงจัดหนังสือเก่าเกินไปและไม่มีความหลากหลายให้อ่าน ก็เลยมีมุมมองต่อโลกคับแคบล่ะมั้งครับ”


“เขาจบวิทยาฯ สิ่งแวดล้อมมาน่ะ จบแล้วก็ทำงานประเภทเอ็นจีโอ แต่ไม่ได้เรียนสายอย่างเธอจึงขาดมุมมองทางสังคม” มีนเสริม


“พี่มีนครับ. . .” ผมเริ่มเข้าประเด็นตามภาษานักธุรกิจ แต่การ “ขาย” ครั้งนี้ค่อนข้างหิน เพราะไม่สามารถใช้พลังโน้มน้าวใจกับผู้ฟังได้


“ไม่คิดอยากเป็นอิสระบ้างหรือครับ ปล่อยให้คนบ้าอำนาจอย่างนั้นมาบงการชีวิตได้ยังไง พี่น่าจะมีสิ่งที่อยากทำมากกว่าร่วมโครงการเพ้อเจ้ออย่างนั้นนะ” ผมพยายามจะดึงมีนเข้ามาเป็นพวกเพื่อดัดหลังธนิก


“พี่ก็เคยคิดอย่างนั้น จนกระทั่งรู้ว่ามีเธอไงเต๋อ” มีนยิ้ม “อยากที่นิกบอก เธอเปลี่ยนแปลงคนได้ แต่นิกทำได้แค่กำจัด สิ่งที่พี่อยากเห็นที่สุดก็คือ ต่อไปนิกจะไม่ต้องทำร้ายใครอีกแล้ว”


“มันก็แค่โยนภาระในสิ่งที่พวกพี่ทำไม่ได้มาให้ผมไม่ใช่รึ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ด้วย” ท่าจะไม่ง่ายซะแล้ว ในใจของมีนคงถือข้างธนิกมาก่อนผม ซึ่งก็เป็นธรรมชาติ เพราะผมก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักพวกเธอ


“พี่เข้าใจ. . . พวกเราถึงได้ให้เวลาเธอทำใจ” มีนถอนหายใจ


“ทำไมถึงใช้คำว่า “ทำใจ” ล่ะครับ แปลว่าผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นหรือ นี่ชีวิตของผมนะครับ”


“นิกถึงได้อ้างเรื่องว่าแม่ของเธอทำให้ตระกูลเราวายวอดไง และเรียกร้องให้เธอชดใช้ความผิดแทนแม่ ถึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้น แต่ก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่นิกจะใช้รั้งตัวเธอไว้”


“หมายความว่ายังไงครับ แม่ผมไปทำอะไรไว้” ผมทั้งอยากรู้และทั้งหงุดหงิด ทำไมผมต้องรับผิดชอบปัญหาที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นด้วย แต่หากคิดว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายละก็ ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าพลังพิเศษนี้คงไม่ได้มาเปล่า ๆ หรอก สักวันคงต้องนำปัญหาบางอย่างเข้าตัวจนได้ ถึงกับมีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้โผล่ออกมาเรียกร้องให้ชดใช้ความผิดแทนแม่เลยทีเดียว


“ที่เล่าให้ฟังทั้งหมดก็เยอะมากแล้ว ถ้านิกรู้ต้องโมโหแน่เลย พอก่อนดีกว่า” มีนทำท่าทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้


“ยังไงวันนี้เธอก็ได้รู้จักตัวเองและพวกพี่เยอะขึ้น หวังว่าเธอคงยอมเปิดใจบ้าง วันหน้าถ้าเราคุยกันได้อย่างสนิทใจ พี่เชื่อว่าทุกคนจะกล้าเล่าทุกอย่างที่เธอต้องการรวมทั้งเรื่องของแม่เธอ และวันนั้นเธอก็จะรู้เองว่าพลังของพี่คืออะไร” มีนสรุปให้และเตรียมตัวเก็บของลา หลังจากคุยเปิดอกแล้วเธอดูสงบเย็นขึ้นมากทีเดียว ตรงข้ามกับผมซึ่งในใจกลับรุ่มร้อน

.
.
.
วันหน้าที่สนิทใจงั้นหรือ?


ตลกสิ้นดี


ผมไม่เคยยอมรับใครง่าย ๆ ยิ่งเป็นพวกศรศิลป์กินกันไม่ลง ใช้พลังควบคุมก็ไม่เป็นผล แถมรู้ความลับและชีวิตส่วนตัวว่าผมเป็นใครและทำอะไรไว้บ้างย่อมไว้ใจไม่ได้ ฝันไปเถอะ
.
.
.
ใครก็ตามที่ถือดีเข้ามาวุ่นวายในโลกที่ผมเป็นคนกำกับ ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่
.
.
.
ต่อให้เป็นพวกเดียวกันก็ตาม. . .
.
.
.
.
.
.
“นังแพศยา! งามหน้านักนะ!”
.
.
.
ดารินทร์ถูกตบจนกระเด็นล้มกองกับพื้น ในห้องอาหารที่เธอเคยพาชู้ชั่วคราวมาระเริงสวาท บรรดาลูกจ้างในบ้านต่างแอบฟังตามซอกหลืบจากนอกห้องอย่างแนบเนียบ ทั้งอยากรู้อยากเห็นและสงสาร แต่เหตุผลอย่างแรกคงจะมีน้ำหนักกว่า เพราะถึงสงสารแค่ไหนก็ไม่มีใครห้ามปรามคุณผู้ชายได้ เขาฟิวส์ขาดแล้ว


“พ่อคะ พอได้แล้วค่ะ แม่จะตายอยู่แล้ว” เกรซกอดเข่าอ่อนวอนผู้เป็นพ่อ


“แค่นี้ยังน้อยไป ดูแม่แกซิประสาทไปแล้ว ไล่มันไปอยู่โรง’บาลไป๊!”


“ฮืออออ คุณคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำเรื่องอย่างนั้นลงไปได้ยังไง ฉันไม่รู้เรื่องจริง ๆ” เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ดารินทร์ถูกสามีซ้อม เธอเงยหน้าบวมช้ำขึ้นมาเรียกร้องให้สามีเพลามือลง จริงอยู่ที่เธอทำงานพิทักษ์สิทธิสตรี ย่อมมีช่องทางต่อสู้ด้วยข้อกฎหมายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธอ หากแต่กรณีนี้เธอก่อเรื่องผิดศีลธรรมร้ายแรงขึ้นมาเองจนสามีถึงกับลงมือ ซึ่งนั่นก็อาจเรียกได้ว่าทางสามีมีความชอบธรรมอยู่บ้าง ติดก็แต่ตรงที่. . .
.
.
.
ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดได้อย่างไร ?
.
.
.
แม้แต่เกรซก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เธอรู้สึกเหมือนกับมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เธอจำได้แต่เพียงช่วงหลังแม่ของเธอพาผู้ชายมาแปลกหน้ามาหลับนอนในบ้านอย่างไม่อายผีสาง และเธอรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ดูการร่วมเพศระหว่างแม่แท้ ๆ กับชายแปลกหน้า ถูกข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว และถูกบังคับให้กลืนกินอะไรบางอย่างที่น่าสะอิดสะเอียน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที รู้แต่ว่าเมื่อนึกถึงคราใดก็เจ็บปวดร้าวลึกถึงกระดูกดำ เป็นความทรงจำต่ำทรามที่สุดในชีวิตตั้งแต่เธอเกิดมา


ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเหตุการณ์ที่เธอนั่งดูแม่ของเธอก่อเหตุอนาจารต่อหน้าธารกำนัลโดยที่ทำได้เพียงนั่งมองเฉย ๆ นับแต่นั้นชีวิตเกรซก็เปลี่ยนไป เกรซถูกคนรอบข้างจ้องมองด้วยสายตารังเกียจ ได้รับการด่าทอทั้งแบบชี้หน้าด่าตรง ๆ และทางอ้อม ว่าเป็นลูกของนักการเมืองบ้ากามโรคจิต เธอไม่อยากไปเรียน ไม่อยากช็อปปิ้ง ไม่อยากเที่ยวกลางคืน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ว่าเธอจะไปอยู่แห่งหนใด คนที่เห็นหน้าเธอก็จะนึกเชื่อมโยงถึงผู้หญิงอุบาทว์นามดารินทร์ทุกครั้งไป เวลานี้ เกรซอยากสลายร่างหายไปจากโลกเฉย ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย


“ผมขอหย่ากับคุณ! ผมอยู่กับผู้หญิงกะหรี่ไม่ได้! ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลป่นปี้หมดแล้ว” ในที่สุดฝ่ายสามีหยุดซ้อม แต่ยังเดินวนไปมาในห้องด้วยความหัวเสีย


“อย่า. . . อย่าทำอย่างนั้นกับฉัน ฮือออออ” ดารินทร์ร่ำไห้คร่ำครวญ


“พ่อจะหย่ากับแม่. . .จริง ๆ เหรอคะ” เกรซถามด้วยสีหน้าว่างเปล่าราวแผ่นกระดาษ


“อย่าทำให้พ่อลำบากใจ! ลูกไม่เห็นเหรอว่าแม่เค้าก่อเรื่องร้ายแรงแค่ไหน อาศัยบารมีนามสกุลวิ่งเต้นให้ไม่ต้องเข้าคุกนี่ก็บุญโขแล้วนะ ยัดไปกี่ล้านแล้วรู้ไหม!”


“พ่อจะอ้างอะไรก็อ้างไป แต่. . .ถ้าหย่ากันเมื่อไหร่ เตรียมจัดงานศพหนูต่อได้เลย” เกรซท้าทายพ่อ


“อย่าเสือก! ไม่ใช่เรื่องของเด็ก!!” ท่อนขาที่เกรซกอดรั้งอยู่ตวัดพรวดจนเหวี่ยงร่างกระแทกฝาผนัง


“อ๊ายยยย! เกรซ!? ลูก! ลูกกกกกก!” ดารินทร์หวีดร้องด้วยความตกใจ เธอร้องไห้จนเสียสติไปแล้ว แต่ยิ่งร้องดังเท่าไหร่ฝ่ายสามีก็ยิ่งกราดเกรี้ยว อาละวาดพังข้าวของในห้องอาหารแตกหักเสียงดังโครมคราม


นาทีนี้ เกรซไม่สนแล้วว่าใครจะทำอะไร เธอโกยร่างลุกขึ้นออกไปเงียบ ๆ ท่ามกลางพายุแห่งความบ้าคลั่งที่พัดกระหน่ำทั่วห้อง
.
.
.
“ทำไมครอบครัวฉันต้องเจอเรื่องแบบนี้?”


“ชาติที่แล้วฉันเคยไปทำครอบครัวคนอื่นไว้หรือเปล่า?”


“ทำไม ทำไม ทำไม?”


เกรซบ่นพึมพำซ้ำไปมาระหว่างขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเอง ในหัวมีแต่ภาพทุ่งหญ้าเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เธอไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตนับจากนี้ต่อไปอย่างไร จะสู้หน้าผู้คนได้อย่างไร แม้กระทั่งชีวิตครอบครัวก็พังทลาย ทุกอย่างช่างมืดมนไปหมด
.
.
.
หลังจากล็อคประตูห้อง เกรซตรงไปที่ตู้เก็บของใช้ส่วนตัว
.
.
.
เธอหยิบกระปุกยานอนหลับขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา
.
.
.
ขณะที่เธอกำลังหลับตาตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นดึงเธอจากห้วงนึกคิดดุจเสียงจากนาฬิกาปลุก
.
.
.
เกรซมองชื่อเจ้าของเบอร์โทรฯ ก่อนตัดสินใจรับ
“ดีเหมือนกัน. . .ถ้าเป็นคนนี้คงช่วยประชาสัมพันธ์งานศพฉันได้” เธอคิด
.
.
“ฮัลโหล โทรมาได้จังหวะพอดีเลย ฝากบอกเพื่อนคนอื่นด้วยนะว่ากูจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”

“เฮ้ย เป็นไรไปวะ คุยกันก่อน” ปลายสายถาม
.
.
“ร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกัน มึงโทรมาตอนนี้จะให้กูเชื่อเหรอว่ามึงไม่รู้เหี้ยอะไรเลย!”
.
“เออ! แม่กูเหี้ย! แม่กูเลว! สะใจมึงรึยัง อยากได้ยินแบบนี้ใช่ไหม!” เกรซประชดเสียงดุดัน


อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย

“อยากด่า อยากกระทืบซ้ำ อยากถามอะไรถามมาให้หมด! เดี๋ยวกูจะไม่อยู่ให้พวกมึงเซ้าซี้แล้ว!” เสียงของเธอกระเส่าในลำคอคล้ายคนร้องไห้


“จะฆ่าตัวตายเหรอ. . .” ปลายสายถาม


ดูเหมือนจะแทงใจดำ เพราะทำเอาเกรซสงบปากคำลงได้


“ถ้าจะตายจริง ๆ ก็คงห้ามไม่ได้หรอก แต่ก่อนตายช่วยฟังอะไรนิดนึงสิ เผื่อจะเปลี่ยนใจ” ปลายสาย
.
.
.
“อย่าลีลา มึงมีอะไรก็รีบพูดมาไว ๆ”
.
.
“ มีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทุเรศ ๆ พวกนี้” ปลายสายเอ่ยขึ้น


“ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ เข้ามาช่วยกันอีกแรงสิ”


“มึงพูดอะไรของมึง กูไม่เข้าใจ?”
.
.
“ไม่มีทางเข้าใจหรอกจนกว่าจะได้เจอกัน เดี๋ยวจะเข้าไปหาที่บ้าน อย่าเพิ่งตายซะก่อนล่ะถ้าอยากรู้ความจริงทั้งหมด มาร่วมมือกัน. . .”
.
.
.
“แล้วเราจะรุมแม่งให้ปางตายแบบที่มันเคยโดนตอนมอสาม. . .”
.
.
วีกล่าวจบแล้วกดวางสายลง เขายิ้มกริ่มมุมปากและเชื่อมั่นว่าเกรซจะยังรักษาลมหายใจรอจนกว่าเขาไปถึงบ้านเธอแน่นอน

Click here to go back to the previous page Go back   Click here to see help FAQ     
Conferences Post form
Your Message
Name*:
Subject*: Upload Pics อัพโหลดรูปภาพ
Message*:
 
HTML Ok
Use [] in place of <>

HTML Reference
 
Images Ok
 
Click on a smilie to add it to your message.
 
Check if you DO NOT wish to use emotion icons in your message
RBR User*: ใส่ Username และ Pass RBR ในกรณีที่โพสแล้วติดแอดมิน
RBR Pass*: ***ผู้ที่ใช้พาส RBR ป่วนหรือโพสผิดกฎบอร์ดจะถูกยึดพาส***
 

 

Palm-Plaza.com All rights reserved.

*** ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง
ห้ามโพสข้อความ รูปภาพ ไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น
ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link "แจ้งลบข้อความ" ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือแจ้งมาได้ที่ ryubedroom@yahoo.com



Copyright Palm-Plaza,Inc. All Rights Reserved.