เน้นให้ทุกคนทำงานหนัก จนมีเงิน ที่สามารถ จ่ายค่ารักษาตัวเองได้ มีสิทธ์เลือกจะรักษาในแบบที่ตัวเองชอบ กูชอบหมอคนนี้ หมอดีสุดในโลก กูไปหาคนนี้ กูมีปัญญาจ่าย

ไม่ต้องรออาปากให้รัฐบาลมาจ่าย

ไม่ต้องให้รัฐบาล มาแดก ขูดเก็บภาษีโหดๆจากกู

อีเหี่ย ก็ทำงานมา เงินกู เรื่องอะไรก็จะยอมเอาเงินกู ไปจ่ายเป็นสวัสดิการคนอื่นล่ะ

————

ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ยุโรป ที่ปกครองแบบ Socialism หรือ Social democrat เอียงไปทางสายคอมมิวนิวต์หน่อยๆ

เน้นขูดรีดภาษีจากประชาชน เอาไปจ่ายเป็นสวัสดิการสำหรับคนหมู่มากพวกนี้ไง

คนยุโรปจึงไม่ค่อยรวยเท่าคนอเมริกัน เพราะคนยุโรป เจอขูดภาษีอย่างโหดจากรัฐบาลตัวเอง

—————

และมึงไม่สามารถเอาประเทศโลกที่สามอย่างไทยไปเทียบกับเขาได้ มันคนละชั้น

การศึกษาต่ำๆ แบบมึง คงไม่รู้จัก Capitalism กับ Socialism ล่ะสิ ถึงได้มาตั้งกระทู้ควายๆแบบนี้

อ่านแล้วรู้เลยอีแก่รีนี้โง่เป็นควายที่แท้ทรู โชว์โง่แล้วยังหลงคิดว่าตัวเองฉลาดอีก เดาได้เลยอีสัตว์นรกนี่ไม่เคยไปเหยียบแผ่นดินอเมริกา อังกฤษ แน่นอน

ในขณะที่ประเทศประเทศฝั่งยุโรป เขาจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตสูงมากกกกก รัฐบาลจะต้องเขามาช่วยเป็นกำลังหลัก ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง

อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย สวีเด็น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ลักเซมเบิร์ก​ พวกนี้ เขาเรียกเก็บภาษีสูงมาก แต่คืนมาให้ประชาชนคุ้มมากนะ รักษาสุขภาพได้ครอบคลุม หมอที่ดีที่สุด ยาที่ดีที่สุด จัดมาให้เลบ

ประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ญี่ปุ่น พวกนี้รัฐจะบังคับให้ทุนคนของประเทศเขา ต้องมีประกันสุขภาพตั้งแต่กำเนิด จ่ายรายปีไม่เท่าไร แต่ได้การรักษาที่ดีที่สุดเช่นกัน หมอ ยา โรงพยาบาล​ มีคุณภาพขั้นสุดเสมอ

ของไทยนี่ไม่บังคับให้ต้องทำประกันกับรัฐ ไม่เก็บภาษีแพงๆ แต่มีโครงการ 30 บาทขึ้นมา ซึ่งการรักษาไม่ได้มีคุณภาพเท่าประเทศโลกที่1 ข้างตนที่กล่าวมา แต่มันครอบคลุม และอยู่ในขั้นดี ซึ่งเป๊นสิ่งที่พวกประเทศโลกที่1 ก็ทำไม่ได้แบบนี้

เทียบกับระบบของอเมริกา แย่มากก ในแง่ของการจัดการก็แย่แสนแย่ นี่เป็นสิ่งที่คนอเมริกันเขาก็ทราบกันดี เมื่อเทียบกับ ยุโรป ญี่ปุ่น

ระบบประกันสุขภาพของอเมริกาเป็นอะไรที่ขื่นขมอย่างยิ่ง ยิ่งสำหรับชาวต่างชาติ ที่มาจากยุโรป หรือ ญี่ปุ่น จะไม่ชิยเลย

ชาวอังกฤษหลายๆคนที่เข้ามาทำงานและอาศัยที่อเมริกา เจอปัญหาระบบ Healthcare ต่างๆเหล่านี้ทำให้คนที่เจอปัญหารู้สึกเซ็ง

บางคนเลือกที่จะกลับไปที่สหราชอาณาจักรเพื่อพบหมอหรือทันตแพทย์ เพราะว่าค่าใช้จ่ายที่รวมค่าเดินทางแล้วบางครั้งยังถูกกว่าค่ารักษาที่สหรัฐอเมริกาเสียอีก อีกทั้งมีความยุ่งยากน้อยกว่าการเข้ารับการรักษาที่อเมริกา

คนยุโรป มาเห็นคนอเมริกันหลายคนต้องทนทำงานที่ไม่ชอบเป็นระยะเวลานานถึง 20-30 ปี เพียงเพราะบริษัทจะออกประกันสุขภาพให้สำหรับตัวพนักงานและครอบครัว ถึงกับสมเพช ว่าทำไมคุณภาพชีวิตคนอเมริกันต่ำแบบนี้

คนยุโรป เขารู้สึกว่าเหมือนว่าคนอเมริกันกำลังตกเป็นทาสบนผืนแผ่นดินแห่งความเสรี

แม้ชาวอเมริกันจะมองเห็นทางเลือกในการมีประกันสุขภาพเอกชน แต่ชาวอังกฤษกลับมองว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลาและค่อนข้างสับสน คนอเมริกันพูดกันว่า “ฉันสามารถเลือกหมอได้” คนยุโรปถามว่า “ทำไมในโลกนี้คุณจะต้องเลือกหมอด้วยล่ะ ?” เมื่อคนอเมริกันพูดถึงเรื่อง “การจ่ายเอง” (out-of-pocket) “การจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรก” (deductibles) และ “ร่วมจ่าย” คนยุโรปจะพูดว่า “อะไรนะ ?” และก็จะรู้สึกสับสนงงงวยกับสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้

ในมาตรฐานโลกที่1 ด้วยกัน ในด้านระบบาุขภาพ อเมริกานี่แย่จริงไรจริง คือ​แม่งต้องมีเงิน ต้องทำประกันกับเอกชนแพงๆเท่านั้น ความเหลื่อมล้ำสูงมาก

เอาประเด็นเรื่อง Capitalism กับ Socialism มาโยงมั่วสั่วกับ Welfare(สวัสดิการ)​ เฉย

สหรัฐอเมริกา​ ประเทศในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์​ นี่คือ Capitalism หมดอีควายยยย ควายแท้ไม่มีวัวปน แล้วเกี่ยวเหี้ยไรกับ ระบบการรักษาสุขภาพ?

ทำไมโง่ แล้วพยายามจะอวดฉลาด โยงอะไรควายๆมึงไม่อายคนที่เขามีความรู้มาอ่านบ้างหรอ? กูยังอายแทนเลยนะ

นึกว่าเหมือน30 บาทรักษาทุกโรคฉบับโอบาม่าซะอีก

capitalism on Social Welfare ไง่ค่ะอีควายถอก

รัฐบาลในยุโรปมาจากรัฐบาลพรรคเอียงซ้าย Socialism ทั้งนั้น

มันไม่ใช่ Socialism 100% แต่เป็น Democratic Socialism

หนึ่งในสาเหตุที่ ทรัมป์เกลียด EU เข้าไส้ ถึงขั้นประกาศว่า EU is a foe หรือศัตรูของ USA

ทรัปม์เกลียด พวกซีกซ้าย Left wing อีพวก Liberals Socialists Communists

ก่อนอื่นที่ยุโรปสามารถเป็น socialist แล้วมันยังอยู่ได้เพราะ ประชากรน้อย แถมส่วนใหญ่ productive หารเฉลี่ยออกมาแล้วมันเลยยัง work แต่ทุกวันนี้ปชก.มันลดแล้ว import ปชก.ที่ยังproductiveไม่พอเข้าไป ก็เริ่มไปไม่ใหวแล้วเหมือนกัน จับ ตาดู Sweden ไว้ให้ดีค่ะรับผู้อพยพเยอะเข้าไปเยอะ แต่ไม่กลืนเหมือนรุ่นก่อนๆ งานก็หาไม่ได้ต้องรับเงินช่วยเหลือจากรัฐไปวันๆ ลูกรุ่นถัดไปก็ไม่รู้จะ productive หรือป่าว เห็นกลับมางานประเทศแม่กันให้เต็ม

อเมริกาแต่ใหนแต่ไร นางมีแนวคิดสนับสนุนคนมีความสามารถ สนับสนุนให้รวยโดยไม่ต้องแบ่ง ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาอเมรกาดึงดูดคนเก่งคนมีความสามารถเข้าไปเยอะมากดึงให้ประเทศพัฒนาเป็นอย่างทุกวันนี้ ทั้งจากโลกที่สามและรัฐสวัสดิการโลกที่หนึ่ง

อีกะเทยแก่ตัวเหี้ยนี่อีกแล้ว ชอบแปะอะไรแบบ fallacy เพื่อประกอบตรรกะป่วยๆ โง่ๆ ของมัน กูล่ะอายแทนทางบ้านมึงจริงๆ โง่แล้วอวดฉลาด

เหมือนอีรีบนว่าไม่มีผิดที่ไม่เคยไปเรียนเมืองนอกอเมริกา และอังกฤษเลยแน่ๆ ถึงได้มโนแบบนี้

10 10 10

คนที่โง่คือมึงนะ อีควาย 5555

ระบบประกันสุขภาพของรัฐมี 2 ประเภทคือประกันสุขภาพทั่วไป รัฐจ่ายให้ 70% กับประกันสุขภาพ​แบบพิเศษ ซื้อแพงขึ้นแต่รัฐจ่ายให้เต็ม 100%

คุณภาพการรักษาเขาเยี่ยมยอดมาก ไม่ว่าจะหมอ ยา เครื่องมือต่างๆ

อยากให้ไทยเอาระบบนี้มาใช้ ยกเลิก 30 บาทไปเลยก็ได้ แล้วพัฒนาประกันสังคมให้มันดี เพื่อคุณภาพในการรักษาที่ดีขึ้น

พอมีตัวเหี้ยมารอเอาเรื่องหาเงินแบบนี้ พวกหมอก็ขี้หดตดหายล่ะค่ะ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกอย่างที่สัมผัสคนไข้จะไม่มีคำว่าใช้ซ้ำ แกะออกจากซองปุ๊บ ใช้เสร็จทิ้งทันทีทุกชิ้นอัน กรรไกรโรงบาลด้ามนึงกี่ิสิบเหรียญ ในไทยใช้เสร็จเอาไปล้างๆสเตอไรซ์ วนเอามาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ใช้เป็นปีๆจนทื่อตัดห่าอะไรไม่เข้าก็ยังไม่ทิ้ง แต่ที่เมกาตัดไหมกรึ้บเดียวทิ้งทันที ป้องกันปัญหาการฟ้องร้องเรื่องติดเชื้อ แล้วคิดดูว่าผ่าตัดเคสนึงต้องจ่ายค่าอุปกรณ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งไปเท่าไหร่ รัฐจ่ายไหวมั้ยแบบเนี้ย เพราะงั้นตัวใครตัวมันเหอะมึง

ประเทศกะลาแลนด์ก็ใกล้จะไปถึงจุดเดียวกับเมกาแล้วค่ะ ด้วยฝีมือ NGO ที่ทำมาหากินกับคนตาย พอเดดสะม่อเร่ที่โรงบาลปุ๊บ อีโงก็จะมายุญาติละ แบบนี้ฟ้องเลย เดี๋ยวชนะคดีได้เงินแล้วเรามาแบ่งกัน พอญาติเซ็นเอกสารมอบอำนาจปุ๊บ อีโงก็ถือหนังสือแจ้นมาที่โรงบาลละ ผอ.!มึงจะจ่ายตรงนี้รึจะไปขึ้นศาล กินขี้หมาดีกว่าค้าความน้า โรงบาลก็ไม่เสียชื่อด้วยฯลฯ พอต้องจ่ายตรงนี้มากๆเข้า ท้ายสุดระบบประกันสุขภาพก็ล้มครืน และเราก็จะไม่เห็นกระทู้เปรียบเทียบเยี่ยงนี้อีก เพราะระบบสุขภาพของเราก็จะเดินตามก้นไอ้กันไปในที่สุด

ก็ไม่ใช่เพราะกะลาแลนด์เหรอถึงทำให้มึงลืมตาอ้าปากออกมาได้ และใช้ภาษากะลาแลนด์พิมพ์ออกมาแบบนี้ได้อีกะเทยปัญญานิ่ม

เผลอๆ ตัวมึงคงเคยใช้สวัสดิการรัฐตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำ ทำเป็นมาด่า แน่จริงมึงไปรักษาเอกชนและอย่ามาใช้สิทธิสวัสดิการรัฐนะอีตุ๊ดง่อย

ยุโรปรัฐสวัสดิการ กูเห็นยังต้องบินมารักษาที่ไทยอยู่เลย มันเน้นให้คนดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง
ที่นั่นถ้าไม่เจ็บป่วยไกล้ตายจริงๆ ไม่ได้เจอหมอเด็ดขาด ต้องโทรนัดบอกอาการล่วงหน้า อยู่ๆจะไปนั่งรถคิวเจอหมอแบบที่ไทยไม่ได้

อยากได้ทันทีเชิญเอกชนซึ่งแพงมหาโหดเสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินเข้าโรงพยาบาลเอกชนของไทยยังถูกกว่า.

ของไทยนี่ถือว่าamazingมากกับอัตราการเสียภาษีของประชากรแต่ให้ได้ขนาดนี้ กูว่าอีบัตรทองบัตรคนจนไม่ควรมีสิทธิรักษาพยาบาล ควรบังคับให้ทุกคนจ่ายประกันสังคมแทน ระบบรักษาฟรี คนไปโรงพยาบาล กินขากันพร่ำเพื่อไม่รู้หีรู้แตด

คือรัฐมีเงินอุดหนุนให้ก้อนหนึ่งแล้วเอาไปบริหารจัดการ แต่ความจริงคือคนป่วยมันมากกว่า ไม่ใส่ใจและทำตัวเป็นภาระ การรักษามันถึงไม่มีมาตรฐาน บางคนได้รับบริการอย่างดี บางคนได้แค่ยาพารา.

ถ้ากูไปรักษากับเอกชน เหลือบไรที่คอยหาแดกกับคนป่วยคนตายอย่างมึงก็ขาดรายได้สิ นิติกรของรพ.เอกชนเข้มจะตาย ขี้ข้าทุนนิยมแต่ทำตัวเป็นกะเทยคลั่งชาติอย่างมึงสะแล๋นเข้าไปมีหวังโดนฟ้องยับ ถึงต้องมาวนเวียนหากินกับโรงบาลรัฐนี่แหละง่ายดี วันนี้ไปรีดเงินมาได้เท่าไหร่แล้วล่ะ พอแบ่งกันในหมู่โจรมั้ย พ่อแม่มีงคงภูมิใจมากที่มีลูกเหี้ยๆแบบนี้

ทุนนิยมไงค่ะ คนที่จบอาชีพเฉพาะทาง ถึงเรียกค่าวิชาชีพกันเต็มที่ อาชีพ health care providers สามารถเรียกเงินได้เยอะ ใครมีเงินก็ซื้อประกันดีๆจ่ายกันไป แต่ถ้าหล่อนไม่มีประกัน ไม่มีเงิน แต่ละรัฐ เค้าก็มีจัด health center ไว้ให้ค่ะ มีประกัน ประกันก็ออก ไม่มีประกัน เค้าก็คิดค่าตรวจ $5-10 ไม่รวมค่า Labs ต่างๆ ซึ่งก็ไม่แพงค่ะ เมื่อเทียบกับไป รพ เพียงแต่ คิวนัดมันจะนาน ถ้าเป็นโรค หวัด ไอ ก็หายก่อนจะได้เจอหมอ ถ้าโรคที่เรื้อรัง อย่างปวดแขน ก็เจ็บรอกันไป บางศูนย์ ก็รับ walk in ก็ตื่นเช้าแหกขี้ตากันไป ก็ได้เจอหมอค่ะ

แต่ถ้าฉุกเฉิิน มันดีกว่าตายแลนด์ ตรงที่ หล่อนไม่มีเงิน รพ ระดับไหน ก็ต้องรับตัวหล่อนเข้ารักษา จะมาขอตรวจดูกระเป๋าเงินก่อนว่า มีเงินมั้ย ถ้าไม่มี ไม่รับ แบบ รพ ในไทย ไม่ได้ค่า ออกมาแล้ว บิลค่ารักษากี่ล้านบาท ก็ไกล่เกลี่ย กันไป ไม่จ่าย เค้าก็มาตามทวงๆ ไปนี่แหละ รพ มันก็กำขี้ดีกว่ากำตด ทำมากกว่านี้ไม่ได้ อีพวกเจ๊กหน้าเหี้ย ที่มาคลอดลูกเอาสัฐชาติ หลายคนมาคลอดแล้วก็แอบย่องออกจาก รพ กันเยอะแยะ รพ เค้าก็ปล่อยค่ะ แต่เค้าก็กาปูนแดงหมายหัวไว้

ภาษีในเมกามันถึงเก็บเยอะ แยกบำรุงหลายส่วน นักท่องเที่ยว ถึงสงสัย ว่าทำไมมาช็อปเมกาแล้ว ขอเคลมภาษีคืนไม่ได้ เค้าจัดสรรปันส่วนไปเป็นสวัสดิการคนในรัฐนั้นๆค่ะ ซึ่งงบส่วนมากไม่ได้รับปันมาจากรัฐบาลกลาง

อย่าลืมว่า เมกามีคนจน มีประชากรโลกที่ 4.1 อยู่เยอะนะคะ มันดูดีก็แค่ภาพลักษณ์กับชื่อเสียงที่สร้างขี้นมา คลั่งชาติอย่างอีอรอุมาจะได้สบายใจ

อ้อ ประชากรที่เป็นเศษสวะมนุษย์ชั้นต่ำนี่นับรวมตัวเองและอีแก่ที่บ้านมึงแล้วใช่ป่ะ

แล้วทำไมเขาไม่ออกให้ป้าบ้างค่ะ ป้าจะได้ไม่เป็นกะเหรี่ยงกะหรี่กะเทยชั้นต่ำแบบนี้ค่ะ

กระทู้​ "ปลอบประโลม​" โลกที.3

แสดงว่าป้าไม่ได้ทำงานบริษัทชิมิค่ะ

ก็มันดีกว่าบ้านเดิมไง รู้จักหมอไทยคนนึงเขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้วให้ฟังว่า พอตัวหมอได้ citizenship หมอก็ขอ green card ให้พ่อแม่แล้วพาไปอยู่ด้วย ตัวหมอขอให้น้องไม่ได้แต่พ่อแม่ขอให้ลูกได้ เลยให้พ่อแม่ขอ green card ให้น้อง ๆ หมออีก 3 คนเอาไปเรียนต่อที่โน่น โดยตัวหมอเอง support ทุกคนในครอบครัว อยู่ ๆ ไปพ่อแม่ก็แก่ขึ้นเลยกลัวฉิบหายถ้าต้องเข้า รพ เลยถามพวกฟิลิปปินส์ว่าเขาแก้ปัญหายังไง พวกนั้นแนะนำให้ไปแจ้งสังคมสงเคราะห์ขอคำแนะนำ เขาจัดให้เลยเพราะพ่อแม่ไม่มีรายได้อะไร ได้เงินช่วยเหลือคนละประมาณ $ 250 ต่อเดือน (ทั้ง ๆ ที่หมอไม่ได้ขอ) และ public aid card เผื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้มีประกันใช้ (ซึ่งหมออยากได้) ดีมั้ยล่ะ แบบว่าพวกนั้นก็หละหลวมมาก ที่ให้เงินช่วยเหลือโดยไม่จำเป็น แต่มันก็เป็นสูตรหรือกฎที่จะต้องเป็นอย่างนั้น จะเอาอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างเดียวไม่ได้ ไม่รู้เดียวนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่รึเปล่า

แล้วคนอเมริกันแท้ ๆ ที่ไร้บ้าน ได้ $ 250 ต่อเดือน และ public aid card หรือเปล่าค่ะ

จริงๆ ปัญหาที่เกิดจากรัฐไทยสปอยเกินเหตุเยอะนะ ไหนจะเรื่องการช่วยเหลือต่างๆ ปลดหนี้ ราคาน้ำมัน เกษตร ถ้าปล่อยให้ตามระบบ ทรัพย์สินจะมีโอกาสเปลี่ยนมือง่ายกว่าปัจจุบันมาก ทำให้เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสครอบครองที่ดินง่ายๆ บ้าง ไม่ใช่ทำงานวนลูปแล้วผ่อนบ้านเท่ารูหนูไปสิบๆ ปี

ดีใจเถอะที่เมืองไทยยังมีบัตรทองไว้รองรับค่าใช้จ่าย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีคนที่ล้มละลายจากปัญหาสุขภาพ หรือถ้ามีก็มีน้อยลงมากเทียบกับยุคก่อนบัตรทอง

คนจนในอเมริกา ยังรวยกว่าคนที่ถือว่ารวยในไทยโลกที่สามอีกค่ะ อีงัว

อเมริกัน - ถ้าไม่มีเงินไปหาหมอ ซื้อยาต้าน ก้นอนรอความตายได้เลย ไม่ก้ต้องไปหาโครงการทดสอบยาฟรี หรือมูลนิธิต่างเอาดาบหน้า

ไทยแลนด์ - ยาต้านฟรี เพรบฟรี และครอบคลุมอื่นๆฟรี ที่รัฐพอจะจัดหาให้ได้ ถึงสดกันแบบไม่กลัวตายอย่างที่เห็น

พูดอะไร ควายๆค่ะ จนไม่มีจะแดก ไม่เงินซื้ออาหาร ไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ซุกหัวนอน มึงยังจะมาบอกว่ารวยกว่าคนไทยที่รวยหรอ ตรรกะเหี้ยหมาอะไร อีกะเทยควายโง่ไร้การศึกษา

ถ้ามีปัญญาจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ก็ลองซื้อตั๋วไปนิวยอร์ค ดิทรอย​ต์ ดูสิคะ ไม่ใช่เก่งแต่นั่งมโนในเน็ต

https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1314829

แค่ 8% ของประชากรทั้งหมด ถือว่าน้อยมากค่ะ
ไม่เหมือนทุยแลนด์ คนจนไม่มีจะแดกมีอยู่85%

อีควายโง่สบบถุย ควายถอกอย่างมึงเคยไปโลกที่หนึ่งไหมคะ มีปัญญาแค่เสริชเน็ตไปปวันๆ ผีเฝ้าบอร์ดไร้สังคม

คำว่า Poverty หรือมาตรฐาฯคำว่า จน ในอเมริกา คือคนที่มีรายได้ต่ำกว่า $26,000 ดอลลาร์ (900,000 บาท) ต่อปี

ถ้ามึงมีรายได้ แค่ 900,000 บาท ต่อปี ในอเมริกา ถือ มึงถูกจัดให้คนจนค่ะ

มาตรฐานรายได้ คนอเมริกันทั่วไปทุกคน คือ 2 ล้านบาท ต่อปี หรือ 60,000 ดอลล่าร์ต่อปี

ในขณะที่ 99% ของคนไทย มีมาตรฐานรายได้แค่ 150,000 บาท ต่อไป

หมายถึง คนไทยทั้งหมดประเทศ นั้นยิ่งกว่าจนอีกค่ะ

นี่คือราย ที่ถ้าในหนึ่งดือนหาได้เท่านี้หรือน้อยกว่านี้ จะถือว่าจน เพราะจะไม่มีเงินจ่ายปัจจัยสี่พอ

ถ้ามี 1 คน รายได้ $12,140 ก็ถือว่าไม่พอาำหรับใช้ชีวิตใน 1 เดือนแล้ว ซึ่ง 41 ล้านคนที่ว่าหาได้ไม่เท่านี้

ในกรณีที่​ ครอบครัวนึง มี 4 คน รายได้เข้า $25,100 ก็ถือว่าใช้จ่ายไม่พอ ซึ่งครอบครัวจนๆ ใน 41 บ้านคน หาได้ไม่ถึง

คนจนในอเมริกา คือคนที่มีรายได้ไม่พอจะแดก ไม่มีเงินซื้ออาหาร ยา ซื้อปัจจัยสี่ ซื้อประกันสุขภาพ ไม่มีเงินเรียนจนจบไฮสคูล​ หนักสุดคือไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ซึ่งคนกลุ่มนี้มีถึง 41 ล้านคนในอเมริกา

$60,000 ไม่ใช่มาตรฐาน​ค่ะ มึงทำความเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะคะ มันคือการเอาขนาดเศรษฐกิจ​ของประเทศ มาหารกับจำนวนประชากร 3 ร้อยกว่าล้านคน

ออกมาคร่าวๆเป็นตัวเลข $60,000 ต่อคน ซึ่งในความเป็นจริง มันทำไม่ได้ค่ะ

ไม่ใช่ทุกคนจะมีรายได้ $60,000 ค่ะ

ไม่งั้นอเมริกาจะมีคนจนหรอคะ อีควายหน้าโง่ โง่อย่างกับควาย เรียกมึงควาย กูยังสงสารควายเลยค่ะ อีกะเทยแก่จิตเภทโง่ชั้นต่ำ

แล้วกูบอกตรงไหน ค่ะว่ากูเอามาหาร กูไม่ได้เอาจีดีพีมาหารเหี่ยอะไรเลยค่ะ

มารตรฐานรายได้ของคนอเมริกัน

กูอ้างอิงมาจาก household income

ซึ่ง household income รายได้มาตรฐานทั่วไป ของอเมริกันคือ $59,039 หรือ 2 ล้านบาทต่อปี

https://www.oregonlive.com/business/2017/09/median_us_household_income_hit.html

ู$60,000 2 ล้านบาท ต่อปีนั่นคือ รายได้เบสิคค่ะ

ถ้าจะให้โอเคต้อง $150,000 ดอลล่าร์

5 ล้านบาท ต่อปี ขึ้นไป ถึงจะเป็นรายได้ที่พอดีของคนอเมริกัน

>คนจนในอเมริกา คือคนที่มีรายได้ไม่พอจะแดก ไม่มีเงินซื้ออาหาร
>ยา ซื้อปัจจัยสี่ ซื้อประกันสุขภาพ
>ไม่มีเงินเรียนจนจบไฮสคูล​
>หนักสุดคือไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน
>เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ซึ่งคนกลุ่มนี้มีถึง 41
>ล้านคนในอเมริกา

ตรรกะเหี่ยอะไรของมึง

ไม่มีแดก ไม่มีซุกหัวนอนค่ะ นั่นคือ homeless ค่ะ

้homeless ในอเมริกา มีแค่ 553,000 คนเท่านั้น

https://www.usatoday.com/story/news/nation/2019/08/14/homeless-population-renovated-motels/1904375001/

ส่วนมากเป็นคนดำ ผิวสี เอเชียน และลาตินค่ะ

ส่วนคำว่า Poverty หรือคนจน 40 ล้านคน ในอเมริกา

Poverty ในอเมริกา คือ $26,000 ต่อปี ถ้ารายได้ต่อปี มึงต่ำกว่านี้ มึงถึงว่าเป็น คนจน ในอเมริกาค่ะ

เขาอธิบายไปแล้ว ยังจะโง่ไปควาย

แปะให้ดู ซ้ำๆ ย้ำๆ นะคะ ข้อมูลจากภาครัฐของอเมริกาด้วยค่ะ คริคริ

มึงสิคะ ไม่ยอมความจริง ตรรกะ biased ๆ แถหน้าด้าน

หมาที่ไหนจะเชื่อควายอย่างมึงคะ

กูเชื่อข้อมูลที่อ้างอิงมาจากเว็บรัฐบาลสหรัฐเท่านั้น

https://www.forbes.com/sites/niallmccarthy/2018/12/20/the-u-s-cities-with-the-most-homeless-people-in-2018-infographic/#243842761178

ถ้าค่าครองชีพในไทยมันแพงเหมือนในอเมริกาว่าไปอย่าง

ค่าครองชีพ รายได้น้อย คนไทยก็ยังอยู่ได้

คนอเมริกันรายได้เยอะ แต่ใช้ไม่พอ เพราะทุกอย่างมันแพง

คนจนในอเมริกา สถานการณ์​ก็ไม่ได้ต่างจากคนใจในโลกที่สามหรอก

มึงอย่าโง่ค่ะ นอกจากคนพวกคนจีนในอเมริกา จะมาอยู่ไทยนะคะ ถึงจะมีกินมีใช้ แต่อยู่ประเทศมันก็รากหญ้า ไม่มีจะแดกพอๆกัน

ป้าแอ๋วไม่มาตอบค่ะ มาแต่อีแก่อรอุมากับอีแก่ไอซ์ สลับร่างโคลนเห่าไปมาและเสี้ยมไปมา โดยเฉพาะอีแก่ไอซ์หน้าผีกุลีชาติเหี้ยค่ะ

ควายก็คือความ ความแตกต่างระหว่างประเทศรากหญ้าโลกที่สามกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็คือความสมดุลระหว่างรายได้กับค่าครองชีพ แน่นอนว่าอเมริกาค่าครองชีพสูงกว่า แต่บวกลบกับเงินเดือนแล้วเหลือเก็บเยอะกว่าทุยแลนด์ร้อยเท่า ทำงานแค่ชั่วโมงเดียวก็แดกstarbuckได้2แก้วแล้ว คนจนที่ว่ามีไม่กี่% ของปชก. ไม่ใช่เกือบครึ่งของประชากรเหมือนแถวนี้ คนจนในอเมริกานับเป็น%ได้พอๆกับคนรวยในไทย

จนแล้วเสือกโง่ไม่แปลกที่ยังดักดานไม่พัฒนาไปถึงใหนซักที นี่ขนาดด่าๆเขายังชอบกระเสือกกระสนไปเป็นโรบินฮูดประเทศเขา

กูจะบอกให้หายโง่ สินค้าหลายอย่างในอเมริกาถูกกว่าทุยแลนด์เยอะ เนื้อวัวคุณภาพ เนื้อไก่ เนื้อหมู ผักสด ไข่ไก่ ผลไม้ ที่ปลูกได้เองในประเทศ จากการใช้เทคโนยีผลิต ต้นทุนต่ำชนิดที่โลกที่สามไม่กล้าเปิดเสรีการค้าด้วยเพราะนอกจากคุณภาพสู้ไม่ได้แล้ว ราคาถูกสู้ไม่ได้ ที่แพงคือค่าแรง อะไรที่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องมันจะแพง อย่างร้านอาหาร งานบริการ อยากได้ของดีก็ทำแดกเองที่บ้าน ขี้เกียจทำก็บินมาโลกที่สามที่ค่าจ้างถูกขี้ๆ จ้างมาทำทำกับข้าวให้กินทุกเช้าเป็นเวลา 1 เดือนยังไม่เท่ากับการนอกบ้านร้านอาหารดีๆในอเมริกา 1 มื้อเลย