อันนี้ดูจากพ่อแม่ที่เกษียณแล้วมาทำบ้านอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่เกิดและโตที่ กทม. และย้ายไปอยู่ที่ปากช่อง แถบเส้นธนะรัชต์ ซึ่งไกลจากกทม.แค่ 165 กม. ซึ่ง 1 ทุ่ม 2 ทุ่มก็คือเงียบแล้ว ที่ยังเปิดบริการ คือ เป็นร้านอาหาร กาแฟ สวยๆที่คนชอบมาแวะ ชิม แชะ นั่นแหละสรุปคนที่โตมากับเมืองกรุงจ๋าๆ ไปอยู่ในที่เงียบขนาดนั้น ต้องปรับตัวมาก พ่อแม่อยู่ตลอดไม่ได้จริง เพราะมันเงียบเกินไป พอไปอยู่จริง ได้ยินเสียงอะไรหน่อยก็ระแวงไปหมด โจรจะเข้าบ้านรึเปล่า จากตอนแรกทำบ้านแบบโล่งๆให้เห็นวิวทุ่ง สวน ก็ต่อเติมบ้านใหม่เป็นอับๆทึบๆกำแพงหนาๆ แบบบ้าน กทม.เหมือนเดิม อีกเรื่อง คือ รพ. ไฟ น้ำ ประปาต่างๆ
รพ.ปากช่อง สู้ กทม.ไม่ได้ เจ็บป่วยยังไง คนกทม.หลายคนยังต้องการหมอจากกทม.อยู่ดี เพราะยังมองว่า หมอที่กทม.เก่งกว่า อย่าลืมว่าวัยเกษียณเป็นวัยที่ต้องเจอหมอบ่อย
ไฟ น้ำ ดับบ่อย และกว่าจะดำเนินงาน คือ ซ่อมนาน ถ้าเป็น กทม.ของนครหลวง กับ กฟผ. ทำอะไรเร็ว มีคนดำเนินงานตลอด ของต่างจังหวัด ดับตอนเช้า กว่าจะเสร็จ คือ เกือบเที่ยงคืน นี่คือ ปากช่อง ซึ่งถือว่าหัวเมืองใหญ่แล้วนะ ถ้าใครมีผู้ป่วยติดเตียงต้องใช้ไฟตลอด นี่คือ เตรียมไฟสำรองดีๆเลย
ช่างฝีมือ ก็ยังสู้ที่กทม.ไม่ได้ ถ้าไม่ยืนคุมดีๆ โอกาสทำแบบสั่วๆสูง
วินัยคนต้องทำใจ ขับรถสวนเลนเรื่องปกติ นึกอยากกลับรถตรงไหนก็ทำเลย ไม่ดูเส้นทึบ ไม่ดูป้ายห้าม หนักหน่อยก็สวนเลนส์มันตรงใต้สะพานกลับรถเลย เกือบชนหลายรอบ
สรุปบ้านที่กทม.เลยไม่ได้ขาย เพราะพาไปๆกลับๆระหว่าง ปากช่อง กทม. แทน ดูทรงแล้วพ่อแม่ไม่น่าจะอยู่ได้จริง
ถ้าโตมาแบบกทม.เต็มพิกัดแล้ว ลองไปอยู่แค่เมืองที่ไม่ไกลจาก กทม. ไม่เกิน 200 กิโล ให้ได้ก่อน ปรับตัวคนละครึ่งไปก่อน คนกทม.ไปอยู่ต่างจังหวัด ก็คือ คนต่างถิ่นไปอยู่ ไม่ใช่ถิ่นเรา ไม่รู้จักใคร เราต้องปรับตัวเข้าหาเค้า 100% เพราะเค้าไม่ปรับตัวหาเราแน่นอน