เพราะตลาดอเมริกา Toyota มันครอง มายาวนาน และนางเก่งระบบ Hybrid มาก

ทุกวันนี้ต้องขับแบบกระมิดกระเมี้ยน วิ่ง 80 ถึงจะได้ระยะทางตามสเปคที่เคลม อพิโธ่เอ๋ย น่าอนาถมากกกกกกกก สวนทางกับตัวเลขสมรรถนะเท่านี้ จะให้วิ่งเหมือนรถอีแต๋นรึไง

แล้วเลิกเถอะกับการอ้างอิงมาตรฐาน NEDC not even god damned close สำหรับวัด range น่าสังเวชมากที่ยังใช้มาตรฐานนี้อยู่

นึกถึงรถไฟฟ้า ตามสวนสนุกในห้าง

แม่เทอบอกมาหรอ

ถ้าสิบปีก่อนไม่เถียงค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไฮบริดของโตโยต้าเน้นประหยัดแต่อืดมาก ตั้งแต่อัลติสลงไป
สู้ฮอนด้าก็ไม่ได้ ซิตี้ ซีวิค ซีอาร์วี แอคคอร์ด แรง ประหยัดหมดค่ะ

ต้องพัฒนาแบตเตอรี่ให้วิ่งได้นานกว่านี้ สัก 2 เท่า ถึงจะเกิด ตอนนี้ขอผ่าน

Freedom สุดริด อะไรที่ยุ่งยากคือกูไม่เอา แล้วอเมริกันไปไหนมาไหนนิยมใช้รถยนต์คร่าาา ไปปากซอยไม่ถึงครึ่งไมล์ก็ขับรถยนต์ ระบบขนส่งสาธารณะนี่อย่าหวัง สองแถวเชียงใหม่ยังดีกว่าอีก

จากแต่ก่อนคนอเมริกัน Make Fun รถ Hybrid กันชิบหาย ตอนนี้หันมาให้ค่ากันระนาว แต่ละยี่ห้อทำขายแทบไม่ทัน

ยังไงอนาคต ก็คือ FCEV

ชอบอวดยอดขายอันดับหนึ่งมากใช่ไหมอีสัดสามห่วง นี้ดูแล้วดิ้นซะ

อีนี่ก็โง่สลิ่มแก่ แช่เยี่ยว

แชร์ข่าวแบบไม่สนหีสนแตดใดๆ

รุ่นที่มีปัญหาคือ Veloz ที่อินโด

Ativ ในไทย ซึ่งอันนี้แก้ไขไปเป็นชาติแล้วค่ะ

ส่วน Yaris Cross ยังไม่พบปัญหา

มึงจะด่า จะว่าเขายังไง ก็ครองยอดขายอันดับ 1 มา ตั้งแต่เปิดตัว ในกลุ่มเซกเมนต์

มึงมันก็แค่เศษสวะ ซากรถ กระป๋อง EV แบตลิเธี่ยม ที่หมดอายุรอการกำจัด

ยอดจดทะเบียน คือ ของจริงที่บอกว่า ทำไม End User เขาเลือกใช้

เขามองไกลๆ ไม่ได้มองฉาบฉวย เป็นเทรนด์ เป็นกระแสอย่างมึงค่ะ อีโง่ดักดาน

อนาคตลิบลี่ซิอีสัด ปั้มเซลล์ยูเอสเพิ่งเขี้ยทิ้งออกจากระบบ 55555555

https://www.youtube.com/watch?v=SYdXF7llHbg&t=346s

BYD เตรียมเปิดตัว Blade Battery เจเนอเรชันใหม่เร็ว ๆ นี้ ระยะทางเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง
https://ev.iphonemod.net/byd-blade-battery-next-generation-may-luanch-soon-2024/

BEV มันมาเพื่อขั้นเวลา เพื่อจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค FCEV

รถยนต์EV ในอุดมคติคือใช้ไฮโดรเจน

ยานพาหนะ EV บนโลกนี้ ตั้งแต่รถยนต์ เรือ ยันเครื่องบินพาณิชย์ ในอนาคต ปลายทางคือไฮโดรเจน แต่จะไปถึงจุดนั้น ใช้เวลาหลายปี โดยเฉพาะต้นทุนการผลิต

ด้วยข้อจำกัดของ BATTERY มันไม่ใช่ solution ใน long-run แน่นอน มันมาเพื่อขั้นเวลาการเปลี่ยนผ่านของ ยานพาหนะ EV ไปสู่ยุคไฮโดรเจนเท่านั้น

เอาสมองควายๆ โง่ๆ ของมึงไปศึกวงการรถ EV ให้เข้าใจก่อนพล่ามเรื่องโง่ๆนะ

แต่โง่เหมือนควายแบบมึงอ่ะ พูดอะไรไป ก็คงเหมือนสีซอให้ควายฟังนั่นแหละ

ถ้าไม่มีจีนป่านนี้พวกมรึงได้ใช้ city yaris คันละ ล้านห้าแล้ว

10 10 10

https://www.autodeft.com/deftreport/Shell-Shut-Down-All-Fuel-Cell-Station-In-California-2024

อนาคตก๊าซชนิดนี้ ถือว่าราคายังสูงมากเมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมันทั่วไป แถมยังหาเติมยาก และบางครั้งปั๊มเติมก๊าซก็เสียบ่อย แถมยังก๊าซไม่พอเติมก็เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

How China could paralyse Britain and kill thousands by hacking into your
electric car - locking you inside and creating deadly traffic jams. As cheap
Chinese EVs flood Britain, EDWARD LUCAS raises a terrifying possibility

https://tinyurl.com/45mdphmf

มึงไม่เอาแต่โลกหนึ่งดงผู้ดีตัวจริง รวยจริงเอาค่ะอีควาย

นอร์เวย์ส่อเป็นชาติแรกที่ตลาดรถไฟฟ้า(อีวี)แซงรถยนต์เครื่องสันดาปภายในสิ้นปีนี้

https://btimes.biz/whatsup/นอร์เวย์ส่อเป็นชาติแรก/

ดิ้นตายไปซะอีติ่งรถอัปปีถ่วงความเจริญโลก

โหลดสูงไฟไหม้บ้านได้นะคะ

ความจริงรถไฟฟ้าควรมีโรงเรือนจอดรถแยกจากตัวบ้านป้งอกันไฟไหม้ค่ะ

นอร์เวย์แค่ประเทศเดียว ประชากรเท่าหีมด พูดอย่างกับทั้งโลกเปลี่ยนมาใช้ EV กันหมดล่ะ ควายสมเป็นติ่งรถเจ๊กขยะ เห่อหมอย สก๊อย โง่ๆ ไปวันๆ จริงๆ

ไม่แปลก อีพวกนี้ไปที่ไหนเขาก็รังเกียจความเบี้ยว เป็นได้แค่ตัวตลก วงการรถ

เต็มสิบ ไม่หัก

อีโง่นี้คงไม่รู้จักแถบสแกนดิเนเวีย ประเทศใดนำเดียวตามกันหมด
แต่โดนพันธมิตรหอยเททั้งรัฐ ขายขี้หน้าชิบหาย อุตส่าห์ตอแหลปั่นว่านี้คือเครื่องแห่งอนาคตตั้งหลายปี โดนหอยตบด้วยคำว่าใช้ไปก็ได้แค่นี้ จุกสุด ต่อไปคงไม่หมดเอามาสะกดจิตพวกควายกะลาแลนด์อีก 555555555555

สมองทำด้วยขี้เหรอคะ ตรรกะ ถึงได้อัปรีย์ บิดเบี้ยวขนาดนี้

พวกนอร์ดิกมันรักษ์โลก แบบตอแหลอยู่แล้ว ไม่แปลกที่รถไฟฟ้าจะขายดี

และรถส่วนใหญ่ ที่มันวางใจใช้ คือ Tesla ไม่ใช่รถขี้กาก ขากถุยของพ่อมึง

อีกอย่างตลาด รถ ของนอร์เวย์ส่วนแบ่งตลาด ยังแค่เศษขี้เปียก เทียบกับตลาดเมกา และตลาดอื่นๆ ของโลก

คิดเป็นสัดส่วน ไม่ถึง 15% ค่ะ มึงอวยแบบโง่ๆ ก็เปลี่ยนความจริง

ของสัดส่วนยอดขาย รถทั้งโลก ของคนใช้งานจริงไม่ได้

มีแต่พวกติ่งเห่อหมอย ในกะลา ที่เอาแต่อวยแบบพังๆ ไม่ลืมหูลืมตา

ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร รถจีน

แดกส้วมหลุมเป็นอาหารหลักเหรอคะ ถึงได้พังพินาศขนาดนี้

อวยไป แม่กะหรี่ของมึงก็ยังไม่พุ่งขึ้นมาติด Top 5 ครองใจผู้บริโภคหรอกค่ะ

ถ้ายังลดราคายังกะ รถบังคับวิทยุ ศูนย์บริการมีเท่าหย่อมหมอย ใครมันจะไปมั่นใจ

https://www.businessinsider.com/most-reliable-cars-survey-consumer-reports-toyota-lexus-kia-2023-12#4-acura-7

https://www.motor1.com/news/706562/toyota-record-sales-2023/

https://www.carpro.com/blog/national-auto-sales-numbers-for-all-automakers-in-2023

คงไม่ได้เรียนหนังสือ เข้าใจน่ะ

กะเทยควายตัวนั้น ยังไม่เข้าใจ ว่ายุคสมัยของ EV มันเพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง

เที่ยวพล่ามมาอวยรถจีน คิดว่าค่ายญี่ปุ่นเขาไม่มีเทคโนโลยี หรือสู้ไม่ได้อีควายแล้ว เขาอยู่ในวงการรถยนต์มาเป็นร้อยๆปีแล้ว เขาแค่รอจังหวะเท่านั้น

มึงจะมารับตัดสินว่าใครจะอยู่หรือจะไปในยุคนี้ ที่ EV เพิ่งจะเริ่มตั้งไข่ โคตรโง่เลยอีควาย

รถยนต์ EV ให้วิ่งได้ยาวๆ เป็น 1500 กิโล แบบยาวๆ ไม่ตัองชาร์ต หรือ ให้มีที่ชาร์จครอบคลุม สำหรับการขับขี่ยาวๆ ทั่วประเทศ มึงค่อยมาพล่าม

รถ EV ยังมี pain point อีกเยอะ คนส่วนมากของโลก ยังไม่ลงมาเล่นรถ EV และตลาดนี้ยังสดใหม่ ยังขยายตัวไปได้อีกเยอะ

จะมั่นว่ารถ EV จีน จะครองโลกหีแตดอะไร ตลก อีควาย เอาตอนนี้เลย เสร่อสัสกะหมา เห่อหมอยสุดๆ รถเจ๊ง มาแค่คั่นเวลาเท่านั้นแหละ

พร่ามไรค่ะอีแก่ พร้อมมาก BZ4 ค่ายพ่องมึงนี้ ตัวขายขี้หน้าชาวโลกเลย
กากกระจอกกว่ารถเจ๊กเยอะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก

อีควาย ถ้าจะมีสันดานเป็นขี้ข้าจีน ช่วยกลับไปดูว่ามหามิตรจีนได้ดุลการค้าประเทศกะลาไปเท่าไหร่แล้วอีโง่ มรึงคิดว่าจีนมันมีมโนธรรมตรงไหนเหรอ สงสัยไม่มีสมอง

ยังไม่เคยทำงานกับพวกเจ๊ก คงยังไม่รู้นิสัย

ตอนแรกทำเห่อหมอย เดี๋ยวศูนย์มันทยอยปิดตัว

ย้ายโรงงานหนี จะกรีดร้องไม่ทัน

ตามไม่ทัน สันดานเจ๊กจีน ซะแล้ว

ใหม่ๆ ร้องว้าว อยู่ๆไปร้องอ้าววว กรั๊กๆๆ

ตอนนี้เห็นแต่ศูนย์ยุ่นทยอยปิดตัวเปลี่ยนเป็นศูนย์จีนค่ะอีแก่
ไม่เห่อหมอย สเถียรแล้วเจ๊งทำไมคร่าาาาาาาาาา

ถ้า ประเด็น รถจีน คือ เราต้อง ยอมรับ ว่า ในสมัยก่อน รถจีน ไม่ดีเลย ยิ่ง ย้อนไป 15-20 ปี สมัย cherry qq / naza forza ดูไม่ได้

แต่ มาวันนี้ พวก เขาพัฒนา วัสดุดีขึ้น แต่ บางคัน ก็ยัง มี ประเด็น เรื่อง การประกอบบ้างวัสดุบ้าง

ทว่า เรื่อง driving dynamic ยัง ทำสู้ญี่ปุ่น เกาหลี ไม่ได้ครับ จีน ชอบ เซท ช่วงล่าง มานุ่ม เน้นนั่งสบาย

อาจเพราะ บ้านเขา ถนนดีด้วย

รวมๆ คือ ดีขึ้นแล้ว รถที่ผมใช้ ก็ ev จีน

กว่า จะซื้อ รถจีน ได้ มี 10 ปี ตั้ง รุ่นใหม่ เข้ามาทำตลาด

แต่ฉาบฉวย คิดเร็ว ปล่อยเร็ว ทำเร็ว ไม่สนสเถียรไหม

ขออยู่ในกระแส ปัง ไว้ก่อน จะพัง ช่างแม่ง

คิดเร็ว ทำเร็ว ไม่กั๊กว่ะ

แต่ข้อเสีย คือ เขาจะคิดเร็ว ทำเร็ว จนคุณตามไม่ทัน

เขาพร้อมที่จะปรับแผนทุกเมื่อ ไม่ว่า ลดราคา ตัดคู่แข่ง

เปลี่ยนอะไหล่ เปลี่ยนเงื่อนไข เช่นเดียวกับการเข้ามา

และ พร้อมโบกมืออำลา วงการทุกเมื่อ

ตลกพอไหม 5555555555555555555555

พร้อมมาก พร้อมจนต้องกราบตีนเจ๊กมาขายก่อน ไม่งั้น ได้รอจังหวะเจ๊ง

เผยภาพ Toyota bZ3 ใหม่ รถเก๋งไฟฟ้ารุ่นแรกที่กราบตีน BYD
https://www.sanook.com/auto/84644/

แต่ยอดขายก็มินำพา ต่ำตมเหมือนดีไซน์ปลวกๆ รอดูยอดปีนี้จำต่ำขนาดไหนต่อ กรั่กๆ
https://www.headlightmag.com/2023-05-14-world-news-toyota-sells-bz3-2342-units-within-a-month/

แต่ถ้าจะถาม การแชร์เทคโนโลยี Toyota กับ BMW มีหลายโปรเจคร่วมกัน มาหลายครั้ง หลายหนแล้วตั้งแต่ ยุครถน้ำมัน จนกระทั้งยุคไฮโดรเจน

ความรู้พวกติ่งเจ๊กนี่คับแคบ เห่อหมอยจริงๆนะ อ่านแล้วเพลีย

ถ้าแค่ร่วมมือแล้วโปรเจคเจ๊งกลางทางมีแต่ข่าวนี้ไม่นับนะคะ
เหมือนแบตจดสิทธิบัตรเยอะจนอีจีนแฉไปวันก่อน ว่าทำไม่ได้
อุ้ย เลกสัดรถหรูหรอ โลกหนึ่งเขานับเป็นรถชั้นต่ำนะ
มีแค่ที่กะลาอัพราคายิ่งกว่ารถโลกหนึ่ง ได้แค่ราคาแพง ประสิทธิภาพ กากก๊ากกกกกกก

ล่าสุด ก็ Toyota Supra กับ BMW Z4 เขาแชร์ทั้งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ และ ช่วงล่าง กัน

Toyota กับ BMW เอาซี้และร่วมมือกันมาตั้งแต่ ยุค 70s แล้ว

ควายแบบมึง เพิ่งมีตังค์ซื้อรถหราาา ไม่รู้เหี้ยไรสักอย่าง

แต่ถ้าไปญี่ปุ่น อเมริกา และ ยุโรป ก็นะ ความคิดจะอีกแบบ แต่พวกมนุษย์โลกที่3 ก็เลยไปอวยแบรนด์จีนซึ่งเป็นอะไรฉาบฉวยมากๆ น่าสมเพชนะคะ เป็นควายโลกที่3 หลงทางไปเรื่อย

อันนี้พ่อมึงไปกราบตีนขอซื้อโครงรถ Z4 มายกดุ้นคร่าาาาาาาาาาา แม่งาน Z4 พ่องมึงแค่จ่ายตังค์ทุบหน้าหลังให้ดีไซน์เฉิ่มๆ แล้วแปะตาสามควย ไว้ค่ายพ่องมึงเป็นแม่งานโครงรถแล้วบีเอ็มมาซื้อค่อยเอามาอวด อีควายสามห่วง อีโง่บรม ก๊ากกกก

จีนหั่นราคาจริง แต่ผู้บริโภคต้องคิดถึงผลระยะยาวของทุนจีนที่ทำให้ไทยและคนไทยต้องรับผลเสียระยะยาวและต่างกับญี่ปุ่นสิ้นเชิง เพราะ 1) จีนไม่เคยคิดแบ่งให้ใครเลยใช้ราคาจูงใจคนซื้อ( วัสดุอุปกรณ์จีน คนงานจีน ทุนจีน เทคโนโลยีจีน ) แนวเดียวกับทัวร์ 0 เหรียญเอาเงินเข้าตัวเองหมด ตัวอย่างรถไฟในลาวเป็นแบบนี้เป๊ะ คนพื้นถิ่นไม่ได้อะไรเลยนอกจากขายที่+ ให้เช่า คนลาวอพยพมาทำงานบ้านเรา
2) มาตั้งโรงงานในไทย อย่าฝันหวานว่าธรรมาภิบาลจะดีเหมือนญี่ปุ่น ทั้งสวัสดิการ+ ค่าแรง อะไรต่างๆ
3) จีนใช้กลวิธี" ทุ่มตลาด" ราคาถูกช่วงแรกเพราะจะเอาฐานลูกค้าจนธุรกิจไทยตายเป็นแถบ พอได้ปุ๊บที่นี้ราคาตามใจฉันแล้วจะแพงเท่าไหร่ก็ได้ละ เราต่างรู้ดีว่ารัฐไทยรู้พวกนี้แต่ไม่ทำอะไร คนที่รับกรรมมีแต่ประชาชนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นปัญหาจีนเทา ขนสินค้าหรือวัตถุผิดกฎหมายคงไม่มาสร้างปัญหา

ปล.นี่คือเหตุผลที่เวียดนาม ต่อต้านทุนจีนแบบสุดๆแต่รับทุนเกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกาแทนเพราะรู้นิสัยคนจีนและทุนจีนที่จะผูกขาดและเอาเปรียบ " ฝากให้คิด"

แต่ปั้มหอยรู้ เลยเทปั้มไฮโดรเจนยกเข่งเบย
พร้อมประโยคแซ่บๆ ว่า ขายไปมึงก็ได้แค่นี้ กรั่กๆ

UPDATE: กำลังเกิด ‘วงจรอุบาทว์’ ขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ที่ผลักให้แต่ละแบรนด์ทำสงครามราคาเพื่อชิงยอดขาย
.
งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 45 ได้เปิดฉากขึ้นท่ามกลางความกังวลของบรรดาผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ถึงแรงกดดันจากปัจจัยลบ 3 ประการที่อาจส่งผลต่ออุปสงค์ในตลาดรถยนต์ไทย ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ได้แก่ ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และอุปทานรถยนต์ที่ทะลักเข้ามาในตลาด
.
จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอดขายรถยนต์ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้ปรับตัวลดลงถึง 26.15% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายลดลงกว่า 18,000 คัน แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการหดตัวของยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในได้ทั้งหมด
.
ผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ระบุว่า ปัญหาของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันสืบเนื่องมาจากปีที่แล้วที่มีรถยนต์ถูกยึดคืนสูงถึง 300,000 คัน เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยปกติที่ 180,000 คันต่อปี และด้วยรถยนต์อีกราว 100,000 คันที่ถูกประมูลขายทอดตลาด ส่งผลให้ราคารถมือสองร่วงลง ทำให้ “ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถใหม่โดยนำรถเก่ามาแลกไม่สามารถยอมรับ (ข้อเสนอราคารับซื้อคืนรถเก่าในราคาต่ำของผู้แทนจำหน่าย) จึงชะลอการซื้อออกไป” ชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าว
.
ขณะเดียวกัน การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าก็ส่งผลกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การผลิตรถยนต์ในประเทศลดลง 14.56% จากเดือนก่อนหน้า และปีที่แล้วมีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในไทยถึง 76,000 คัน เติบโตสูงถึง 600% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่ายรถยนต์จีนอย่าง BYD และ Great Wall Motor ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ในการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตของโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศที่สร้างขึ้นภายใต้โครงการนี้จะเริ่มผลิตในปีนี้
.
สภาอุตสาหกรรมฯ ปฏิเสธข้อกังวลเรื่องรถนำเข้าจะแย่งส่วนแบ่งการผลิตในประเทศ โดย สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าไทยต้องใช้เวลาในการพัฒนา ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจึงเข้ามาสนับสนุนการผลิตรถยนต์และเพิ่มยอดขายในไทย”
.
Nikkei Asia ถึงกับใช้คำว่าปัจจุบัน ‘วงจรอุบาทว์’ ของอุปสงค์ที่อ่อนแอและอุปทานล้นตลาด ผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องใช้กลยุทธ์ลดราคาอย่างหนักในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 45
.
BYD เปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่นสำหรับตลาดไทย รวมถึง Atto 3 รุ่นปี 2024 รถ SUV ไฟฟ้ารุ่นนี้มีราคา 1,049,900 บาท ต่ำกว่ารุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2022 ถึง 150,000 บาท ส่วน Changan Automobile โชว์รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกในตระกูล Lumin ที่เริ่มต้นที่ 479,000 บาท แม้แต่แบรนด์รถหรูจากยุโรปอย่าง Mercedes-Benz ยังนำเสนอรถในราคาต่ำกว่า 1,000,000 บาทในงานนี้
.
“คาดว่าจะเกิดสงครามราคาในตลาดไทย” ณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ Great Wall Motor ประเทศไทย กล่าวในงานแถลงข่าวของค่ายรถจีนที่งานมอเตอร์โชว์
.
มีการมองว่างานดังกล่าวอาจใช้เป็นตัวชี้วัดทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในอัตราที่ต่ำเพียง 2.4-3.2% ขณะที่คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในปี 2567 จะแตะ 100,000 คัน ซึ่งแม้ว่าจะสูงกว่ายอดขายปีที่แล้วที่ 76,000 คัน แต่ก็เป็นอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าในปี 2566
.
เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ BYD อย่างเป็นทางการในไทย ได้สั่งการให้ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งเป้าขายรถ 7,000 คันในงานมอเตอร์โชว์ เพื่อระบายสต็อก SUV รุ่น Atto และรถ Hatchback อย่าง Dolphin โดยเรเว่ตั้ง ‘เป้าหมายที่ระมัดระวังแต่เป็นไปได้’ สำหรับปีนี้ หลังจากที่สามารถส่งมอบรถ BYD ได้ถึง 40,000 คันในปี 2566 “กรณีที่ดีที่สุดคือขาย 100,000 คัน เลวร้ายที่สุดก็ 60,000 คัน ซึ่งยังคงมากกว่าที่เราขายได้เมื่อปีก่อน” อิสระ วงศ์รุ่ง หัวหน้าหน่วยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ของเรเว่ ซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ กล่าว
.
กรุงศรี ออโต้ ผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดสำหรับลูกค้า BYD คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่รวม 220,000 ล้านบาทในปีนี้ ลดลง 1% ขณะที่ทีทีบีไดรฟ์ ผู้นำตลาด ไม่ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับสินเชื่อใหม่นอกจากรักษาส่วนแบ่งการตลาด 40% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศไว้ให้ได้
.
สถาบันการเงินระบุว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 10-15% ในปีก่อน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนยังคงสูงกว่า 90% ของ GDP
.
“เราคาดว่าจะรักษาตำแหน่งทางการตลาดของเราไว้ได้” ชัชฤทธิ์กล่าว “แต่การไล่ตามปริมาณธุรกิจที่มากขึ้นอาจทำให้คุณภาพพอร์ตสินเชื่อเสี่ยงลดลง”
.
แม้ตลาดรถยนต์ไทยจะเผชิญวิกฤต แต่ผู้ผลิตรถยนต์และดีลเลอร์ต่างมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การเปิดตัวโมเดลใหม่ การลดราคา และการขยายบริการทางการเงิน อย่างไรก็ตาม อนาคตของตลาดรถยนต์ไทยยังคงมีความเสี่ยงสูง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน นโยบายภาครัฐ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
.

ว้ายยยยยยย นึกว่าสื่อที่ไหนด่า ยุ่นเอง 5555555555

แต่อียุ่น ทำรถดีไซน์อุบาดกว่าเจ๊ก กั๊กสเปค วัสดุชั้นต่ำขายแพง ฟันกำไรฉ่ำเสือกกริบ

เจอเจ๊กฟาดส้นตีนกลับ ตายห่าไปหลายโชว์รูมแล้ว อุบาท 5555555555

แข่งกันดัมราคา คือมันมีคนที่คิดว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ไง 55555 มันจะได้ได้ยังไงครับ การดั้มราคาลงเยอะนั่นแปลว่า ต้นทุนต่ำมากมาก วัสดุก็ตามราคา นะจะให้ตลาดไทยเต็มไปด้วยสินค้าเกรดห่วยๆหรอไง

รถยนต์เป็นยานพาหนะ มันควรถูกผลิตและประกอบด้วยมาตรฐานระดับสูง ที่ทุกค่ายต้องทำผลิตภัณฑ์ตัวเองไปให้ถึง นี่กลายเป็นเอามาขายแบบเสื้อผ้าประตูน้ำเลย แบรนด์บางอันมาจำชื่อยังมะได้ด้วยซ้ำ555

อย่าลืมว่าบ้านเราส่งออกสันดาบ Supply เยอะมาก จริงอยู่การเข้ามาของรถไฟฟ้า ทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าถูก แต่ผู้ผลิต ที่จ่ายภาษีหนักๆ ผู้ผลิตที่ใช้ความพยายามในการสร้างเทคโนโลยีการผลิต นั้นใช้สติปัญญามากกว่าแค่หาเงินมาซื้อทุกอย่างที่ต้องการมาได้ แบบผู้บริโภค เพราะความรู้บางอย่าง ซื้อด้วยเงินไม่ได้ (เช่น ASML ,เทคโนโลยีการผลิตอาวุธสงคราม เครื่องบิน )

มันจะลามมาที่ ผลิตภาพการผลิตของเราต่ำลง ส่งออกได้น้อยลง ขาดดุลมากขึ้น ภาษีน้อยลง เรทติ้ง การจัดอันดับนักลงทุน ที่เข้ามาเขาคงไม่อยากได้แรงงานโง่ๆ ทักษะต่ำ เขาจะไปในที่ที่ทักษะสูงผลิตในแบบที่เขาสั่งได้ ทีนี้ จนกันถ้วนหน้า งานไม่เข้า FDI ไม่เข้า ภาษีน้อยลง มันจะลามมาถึงคุณภาพชีวิต ถนนหนทาง การพัฒนา

อยากให้ฉุกคิดอีกที คนซื้อสนุก เพราะไม่ต้องคิดอะไร แต่ถึงเวลาระนะยาวคนที่กุมอำนาจจริงคือคนที่มีความรู้ในการผลิตเหนือคนอื่นเท่านั้น และสุดท้ายเมื่อครองตลาดทุบคู่แข่งตายได้จากสงครามราคา เขาขึ้นราคาเท่าไหร่ก็ได้แน่นอน ไม่ต่างจาก Grab shoppy lazada ได้ใช้รถแพงกับแบบรถญี่ปุ่นยุคนี้แน่นอน

ถ้ามองตื้นๆ ก็จะเห็นแค่ข้อดีที่ว่า รถจีนขายได้ถูกก็ดีแล้ว ผู้บริโภคได้ประโยชน์ แต่คนไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ยิ่งนานยิ่งเสียเปรียบ ซัพพลายเชน Tier 1, 2, 3 จะลำบากแน่ๆ

เหมือนมือถือล่ะมั้ง เพราะแบรนด์จีน เยอะแยะไปหมด แต่ก็จะมีคนบางกลุ่มไม่ได้สนใจ ยังเลือกใช้ iphone/samsung อยุ่เพราะเน้นปลอดภัย ไว้ใจได้ แม้มือถือหรือรถจีนจะมี option เยอะกว่าก็ตาม
ในที่นี้ iphone=benz bmw
Samsung=รถยี่ปุ่น
Oppo/mi/etc = byd, changan, neta
คหสต นะครับ

เมนต์แบบนี้รู้เลยว่าชีวิตไม่เคยไปเกินหน้าปากซอย อีแก่

เราก็งงๆนะ ทั้งรถน้ำมันและรถ ev ก็มีข้อดีข้อด้อยที่ต่างกัน แค่ทำไมในลัทธิคนที่ใช้รถในกลุ่มนั้น ถึงต้องพยายามยัดเยียดว่ามันจะต้องเหมาะกับทุกคนด้วย ล่าสุดเจอถกเถียงกันเรื่องใช้รถน้ำมันเพราะไม่อยากเสียเวลารอเติมไฟ เพราะธุรกิจเค้าเป็นเงินเป็นทอง

ผู้ใช้ ev รายหนึ่งก็มาตอบทำนองว่า ถ้ามีสมองมากพอ สามารถนั่งทำงานในรถก็ได้ บางทีทำงานได้มากกว่าอีก บลาๆๆๆ

เรางงกับตรรกะมากๆ ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ

ทำไมคนส่วนใหญ่ ชอบมอง Car Journallist ว่าเป็นพวกต่อต้าน EV กันนะ

เรื่องนี้ไม่เข้าใจอย่างแรง อะไรทำให้คนจำนวนมากคิดแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่มอง และ เทิดทูน รถยนต์ไฟฟ้า ราวกับบริษัทเขามาโปรด ทั้งๆที่เขาก็ขายของให้ไม่ใช่แจกให้

ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ พูดในฐานะคนเป็น Car Journalist และ Testdriver ไว้อย่างชัดเลยๆว่า

ไม่เห็นมี Car Journalist คนไหน รายใด
ที่ผมรู้จักเป็นพวกต่อต้านรถยนต์ไฟฟ้าเลยสักคน

แต่ใช่ครับ เราก็ไม่ใช่พวกอวยรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน

และหลายคนที่ท่านเห็น ตามสื่อว่า อาจจะเป็นแบบนั้น
บางท่าน รวมถึง ผมก็หนึ่งในนั้น ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันอยู่
แค่เขาอาจไม่เปิดเผย ก็เท่านั้น

พวกเราหลายคน เป็นพวกที่เขาเรียกว่า Early Adopt หรือ จะพูดว่า ผู้มาก่อนกาลเสียด้วยซ้ำ

เพราะอะไรน่ะหรือ ?

เพราะเราหลายคน เริ่มทดสอบรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ 2018
ด้วยรุ่น BYD e6 โดยมี บริษัทหนึ่ง เอารถมาให้เราได้ทดสอบกัน

ปีเดียวกัน บริษัทตู้ชาร์จเอกชน รายแรก EA Anywhere
ก็ยังจัดทริปรถยนต์ไฟฟ้าครั้งแรก
ก่อนที่รถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเช่นทุกวันนี้อีก

เมื่อก่อน ตอนไปชาร์จ มีแต่คนเดินเข้ามาคุยมาถาม
เดี๋ยวนี้ เหมือนพอรถ EV มีการใช้อย่างแพร่หลาย
ก็ดู มีผู้รู้ ตามโซเชี่ยล เยอะแยะไปหมด

ความเป็น สื่อเป็นเราไม่ใช่ นักอวยครับ
เราจะต้องพูดความจริง บอกความจริง
อะไรดี คือ ดี
อะไรต้องพิจารณา คือ พิจารณา

จริงอยู่ที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ในวันนี้เยอะขึ้น
แต่พอเทียบสัดส่วน ยอดขายรถยนต์ทั้งประเทศแล้ว
มันก็แค่ส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เยอะมาก

แต่ใช่ เราได้เห็นรถกลุ่มนี้มากขึ้น
จากเดิม นานๆจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้าที จะวิ่งผ่านมา
ปัจจุบัน เห็นบ่อยขึ้น ทำให้มันดูเหมือนเยอะขึ้นมาก

และมีส่วนเสริม เรื่องตู้ชาร์จ การซ่อมบำรุง และอื่นๆอีกมาก
ที่เป็น Infrastructure ของการใช้ Eco System รถยนต์ไฟฟ้า
ทำให้สังคมเห็นว่า "โลกการใช้รถยนต์ไฟฟ้า"
เข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นแล้วจริงๆเข้าไปอีก

แต่กลับมาที่ "หน้าที่ในหัวโขนสื่อ"
มันยังมีบทบาท อีก 2 เรื่อง คือ เฝ้าระวัง และ กลั่นกรองข่าวสาร ด้วย

ผมไม่สามารถพูดแทน สื่อท่านอื่นๆได้
เพราะแต่ละคน มีความคิดแตกต่างกันไป

ซึ่งถ้าพูดในตัวผมเอง สาเหตุที่สื่ออย่างตัวผมเอง
หลายครั้งอาจทำตัวให้ คนรู้สึกว่า เอ็งมันพวกแอนตี้ รถ EV ชัดๆ

ตลกอ่ะ เพราะความจริงแล้ว เราก็เป็นใช้ EV จนบางทีต้องแปะรูปให้ดู
ว่าเราเองก็คือคนในสังคม EV เช่นกัน ไม่ใช่คนนอกเลยสักนิด

และนั่นอาจ ทำให้ผมอยู่ในโหมดเฝ้าระวัง Watch Dog กับ เทคโนโลยีตัวนี้ ยิ่งใช้เองก็ยิ่ง พบข้อดี-ข้อเสียมันเรื่อยๆ จนกล้าจะให้คำแนะนำ ว่า ควร /ไม่ควรอย่างไร

ใครมาถามผม ว่าควรใช้รถยนต์ไฟฟ้าไหม ?

ผมก็ต้องถามถึงพฤติกรรมการขับขี่ ไปจนถึง
วิธีการใช้รถทั้งหมดของบุคคลนั้นๆก่อนทุกครั้ง
แล้วถึงจะให้คำตอบว่า ควรใช้หรือไม่

ไม่ใช่ ว่า เอ้ย ซื้อเลย เว้ย จัดไป รถยนต์ไฟฟ้าดีที่สุด
แบบนั้น ไม่ใช่นักข่าวครับ เขาเรียก นักอวย

ทุกครั้งเวลาเราให้คำปรึกษา
เราจะเอาข้อมูลเขามาประมวลกับประสบการณ์ของเรา
ก่อนจะมอบคำตอบให้ ว่ามันเหมาะกับการใช้งานของเขาหรือไม่อย่างไร

คือการใช้ รถยนต์ไฟฟ้า มันก็มีจุดที่ไม่เหมาะกับใครบางคนจริงๆอยู่

ถ้าชีวิตเร่งรีบ ใช้ชีวิตเดินทางไกล แบบต้องทำเวลา ทำรอบ
หรือ แถวนั้นไม่ได้มีจุดชาร์จใกล้ๆ จะชาร์จที่บ้านก็ทำไม่ได้ เพราะอยู่คอนโด

แบบนี้ จะให้เราพูดได้หรือ ว่ารถยนต์ไฟฟ้า เหมาะกับเขามากๆ เวรี่กื๊ดด !

แต่ ผมไม่ใช่ คนขี้โกหก หรือ ประเภทว่า ดีเลย (เดี๋ยวรู้เลยย)

ผมจึงเลือกที่จะบอกเขาตามตรงว่าเหมาะไม่เหมาะอย่างไรมากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการรอชาร์จยังเป็นประเด็นสำคัญ
ที่ยังไม่สามารถปฏิเสธได้
เพราะยังไงคุณไม่มีเติมพลังงาน 30-80% ได้ในเวลา 5 นาทีแน่ๆ

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ ในเร็วนี้ๆ ...

แล้วรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จ เร็ว 30-80% ในเวลา 15-20 นาที โดยไม่ต้องรอนาน หรือ เดินทางได้ 500 กม. ต่อการชาร์จในการขับขี่จริง

ก็ไม่ใช่ ตัวเลขที่เคลมแบบ Not Ever Dam Close หรือ Will Less Than Publish ว่าง่ายๆคือไม่ได้ใกล้การใช้งานจริงด้วยซ้ำ

เพราะหลายครั้งเวลาคุณลองไปถามคนที่ใช้งานจริง เค้าก็มักจะต้องลบเลขระยะทางในการใช้งานอย่างน้อยราวๆ 10-30% จากเลขที่เคลมอยู่เสมอๆ

และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือรถไฟฟ้าดีๆ เริ่ดๆ
มันก็ยังไม่ได้มาพร้อมกับราคามหาชนที่คนทั่วไป
จะซื้อหรือคบหากันง่ายๆ เว้ย

อีกอย่าง คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าโดยมาก ทั้งตัวผมเอง
และ หลายคนที่รู้จักส่วนใหญ่ล้วน "เป็นการซื้อรถไฟฟ้าเพิ่ม" จากที่มีในโรงรถ ไม่ได้ เป็นการซื้อเพื่อทดแทนคนเดิม

ส่วนกรณี ซื้อทดแทน รถคันเก่าคันเดิม ก็น่าจะมีบ้าง
แต่เขาก็มักจะมีรถยนต์สันดาปฯไว้สำรองหนึ่งคันอยู่แล้วในยามจำเป็นอยู่ดี
ไม่ได้เอารถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นรถหลัก คันเดียวของบ้านไปเลยแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเทียบสงกรานต์กับปีใหม่ที่ผ่านมา
เราเลยจะเห็นว่า หยุดยาวครั้งนี้ ปัญหาเรื่องที่ชาร์จน้อยลงเยอะมาก
เพราะ คนเริ่มปรับตัว หรือ อาจจะเข้าใจแล้วว่า
ในการเดินทางไกล รถน้ำมัน ยังคงตอบโจทย์มากกว่า

หยุดยาวครอบครัวสุขสันต์หรรษา ชีวิตแค่แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยวก็เหนื่อยแล้ว ต้องมานั่งแย่ง ที่ชาร์จรถอีกรึ ขอผ่านดีกว่า

ในแง่ของการกลั่นกรองข้อมูล

ด้วย Automotive Journalist อย่างเราจับรถปีหนึ่งหลายสิบคัน เราขับรถมาแล้วทุกประเภท ก็คงจะยกเว้น พวกสิบล้อ กับ รถตักดิน เอาไว้บ้าง

ดังนั้น ข้อมูลจากการทดสอบ เรามีหนาพอสมควร
โดยเฉพาะ ค่าเดินทางเฉลี่ย

รถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ผมชาร์จ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เดี๋ยวนี้ตู้ DC ตก kW ละ 7.70 บาท บางตู้ 9 บาท 10 บาท ก็มี

ผมใช้ MG4 รุ่น X ล็อตผลิตจีน แล้วซื้อเป็นคันแรกๆนับตั้งแต่เปิดตัวด้วย

ค่าเฉลี่ยของค่าใช้จ่ายพลังงานต่อระยะทาง ตกกิโลเมตรละ 1.2 บาท สำหรับตู้ หน่วยละ 7 บาท และมากกว่านี้ ในตู้ที่มีค่าชาร์จแพงขึ้น โดยเฉพาะในช่วง On Peak และถ้าชาร์จบ้าน ก็จะลดลงเหลือเพียงกิโลฯละ 40 สตางค์ เท่านั้น

กลับกัน รถสันดาป ถ้าขับเดินทางไกล อย่าง Mazda 3 เครื่อง 2.0 ขับดีๆ เนียนๆ 15 กม./ลิตร เท่ากับว่าค่าเฉลี่ยของค่าใช้จ่ายพลังงานต่อระยะทางอยู่ที่กิโลเมตรละ 2.6 บาท ซึ่งมันแพงแล้วใช่ไหม ?

แต่พอมาดู อย่าง Civic EL+ ผมขับรวมๆในเมือง ได้ราวๆ 21.1 ก.ม./ลิตร
ค่าเดินทางจากการเติม 95 ได้ 1.89 บาท/กม.
และจะถูกกว่านี้ ถ้าเติม E20 และขับในโหมด Eco

สำคัญสุด รถสันดาป ทั้ง 2 นั้น ไม่เสียเวลาเดินทาง
เพราะพลังงานหมด แวะปั้ม รวมเติมจ่ายเงิน เผื่อเวลาออกใบกำกับภาษีด้วยเลย รวมๆยังอยู่ที่ ไม่เกิน 10 นาที เท่านั้น ก็เสร็จภารกิจทั้งหมดแล้ว

ไม่ต้องมาคิดว่า ไปแวะชาร์จแล้ว จะทำอะไรต่อดี เลยสักครั้ง เว้นแต่คุณจะหิวข้าว หรือปวดท้องจริงๆ

หลายคนอาจไม่คิด แต่ "เวลา" ก็คิอ ทรัพยากรหนึ่งในชีวิตเรา
เราจะใช้เวลานั่นทำอะไร

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มันจะดีถ้าเราชาร์จไปด้วย
แล้วเรา มีอารมณ์ทำกิจกรรมไปด้วยระหว่างรอ
เช่น ทานข้าว ,เข้าห้องน้ำ, ทานกาแฟ

ระหว่างที่เราทำกิจกรรมอื่น เราชาร์จรถไปด้วย แบบนี้ดีครับ ไม่เสียเปล่า

แต่ด้วยความเรากลั่นกรองข้อมูล เลยเอาเวลาที่ต้องเสียไปมาคิดด้วย

พอคิดแบบนี้ดีๆอีกที ก็จะพบว่า รถยนต์ไฟฟ้าใช้เดินทางได้ แค่ในกรณีที่ถ้าคุณไม่รีบมีเวลา เหลือเฟือ เลยมักเห็นคนแก่ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเยอะ มาก เพราะเขาไม่ได้รีบนี่

กลับไปที่ตัวอย่าง ผมเสียค่าเดินทาง 1.1 บาท ต่อกิโลเมตร ใน MG 4 ต้องแวะชาร์จทุกๆ ราวๆ 250 กม./ครั้ง สมมุติเดินทาง กทม.-เชียงใหม่ ราวๆ 600 กม.

เท่ากับว่าเราต้องจอด อย่างน้อย 2 ครั้ง เอารถที่ชาร์จเร็วๆ ก็ต้องมีอย่างน้อย ครั้งละ 20-30 นาที / ครั้ง เอาแบบการใช้งานจริงนะ ขับ โหมด Normal เดินทางความเร็วปกติ ไม่เหนียมคันเร่ง หรือแม้กระทั่งเหนียมแอร์ เพราะเดินทางกลางวัน

ดังนั้น การเดินทางไกล ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าไปได้ ถ้าชีวิตคุณไม่รีบ และมีเวลา สามารถทิงนองนอย เอนจอยไปกับเส้นทางได้เรื่อยๆ

ส่วนตัว จึงมักบอกกับคนที่สนใจ เสมอว่ารถยนต์ไฟฟ้า เหมาะการเป็นรถยนต์ใช้งานในเมืองมากกว่าเดินทางไกล

ด้วยชาร์จบ้าน ค่าเดินทางถูกสุด วิ่งไปเหอะ
ที่ไหนอย่างไรก็ได้ ขอให้กลับมาชาร์จบ้าน

ส่วนการชาร์จ DC ขอแค่เป็นทางเลือก เอาพอกลับบ้านเท่านั้น
เพราะอาจต้องเสียเวลารอคิวชาร์จก่อนหน้า
ทำให้เสียเวลาชีวิตในแต่ละวันมากขึ้นไปอีก

ยิ่งถ้าคุณอยู่คอนโด แต่ทุกวันทำงานเหนื่อยล้ามากๆ
อยากกลับบ้านไปพักผ่อนเร็วๆ เวลาแค่ 5 นาที ยังมีค่าเลยครับ

ถ้าต้องมาเสียเวลารอชาร์จไฟเป็นครึ่งชั่วโมงอย่างน้อยๆ
กว่าจะถึงบ้านคงไม่ได้พักผ่อน มีแต่อาบน้ำนอน แค่นั้น
แทบไม่มีเวลาดูซีรีย์ก่อนนอนบนเตียงนุ่มๆที่ห้องเลยสักนิด
จะบอกว่า งั้นดูซีรีย์ในรถระหว่างรอชาร์จก็ได้
แต่ความอิ่มเอม มันไม่มีทางเท่ากันหรอกครับ เชื่อสิ

ส่วนใครจะบอก ธุรกิจรถน้ำมัน ไม่ต่างจาก ตะวันตกดิน
แต่อย่าลืมว่า ตะวันตกดิน มันก็กลับขึ้นมาใหม่ในวันถัดไป

ลองดูสิ มองความจริงรอบๆ ทำไมบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า อย่าง BYD
ล่าสุดยังต้องแนะนำ เทคโนโลยี DM-i ในไทย

ทำไม GWM ที่รุกตลาดในไทย ให้เป็นที่รู้จักด้วยตัวเอกอย่าง รถยนต์ไฟฟ้าในเครือ ORA กลับยังถือหาง รถยนต์สันดาปพลังลูกผสมแบบ xEV อยู่, แม้แต่ MG ที่ตอนนี้ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นดิบดี ก็ยังทำรถยนต์สันดาปขายอยู่ และมีรุ่นใหม่ ออกมาเรื่อยๆ

บริษัทพวกนี้เขาเข้าใจว่า ลูกค้า มีความหลากหลาย จะขายของอย่างเดียวแบบเดียว แล้วทำให้ทุกคนชอบไม่ได้ มันต้องมีของหลายๆแบบ หลายอย่างๆ ให้ลูกค้า

เขาจึงไม่ได้ ยึดโยงกับความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ยกเว้น เทสล่า แบรนด์เดียว ที่ขายแต่รถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็จะสังเกตว่า ต้นทางของบริษัทนี้ก็ยังแตกไลน์ ธุรกิจพลังงานสะอาด สำหรับที่อยู่อาศัยออกมาด้วย

รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ แย่!! .. แต่ ทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง

ผมยังย้ำคำเดิม รถยนต์ไฟฟ้า เหมาะที่สุด ! กับการใช้ขับในเมือง
ขับจากบ้านที่ทำงาน จะใช้เดินทางได้ ก็ต่อเมื่อคุณไม่รีบ และรู้จักวางแผน

รวมถึงต้องทำใจได้ ถ้าต้องเจอความดราม่าบ้าๆบอๆ เรื่องสถานีชาร์จ ตราบใดที่จำนวน สถานีชาร์จ ยังขยายตัวน้อยกว่าจำนวนยอดส่งมอบรถ ที่ออกมา เดือนละพันคันตอนนี้ และหากยอดขายมันโตแบบก้าวกระโดดจริง ก็จะยิ่งแย่งกันชาร์จมากขึ้นไปอีก

มันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

แต่กับรถสันดาป ไม่ว่าจะสันดาปปกติ หรือไฮบริด คุณสามารถใช้งานมันได้ไม่มีปัญหา

ปัญหาเดียว คือ ต้องเติมน้ำมัน ที่ตอนนี้มีค่าพลังงานแพงมาก
แต่ ถ้ามามอง Efficient จากแหล่งกำลัง ที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง และยังพัฒนาอยู่ ไม่มีคำว่าแบตเสื่อมในอนาคต (ยกเว้นรถไฮบริด ที่ก็มีการรับประกัน) และสามารถซ่อมบำรุงได้ โดยไม่ต้องพึงแต่ศูนย์ ในอนาคต

ความสบายใจ หรือ Peace of Mind นี่แหละครับ
ที่ทำให้รถสันดาป ยังอยู่ได้

ไม่ต้องนั่งกังวลใจว่า ขับวันนี้ ฉันจะดวงซวยเจอดราม่าไหม
บางทีจอดชาร์จ คันข้างๆเดินมากระแทกหัวปลั้ก
กลายเป็น กูจอดรถแช่ไว้เฉยๆเป็นครึ่งชั่วโมง

ดีไม่ดี ถ้าเจอคนอยากชาร์จไฟต่อมาเห็น
เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราเอารถมาจอดกั๊กช่องไว้เล่นๆอีก
กลายเป็นจำเลยสังคมไม่รู้ตัว

หรือในการขับ ฉันต้องระวังเวลาขึ้นลูกระนาดหรือเปล่า
ต้องระวังหลุมดาวอังคาร ที่มีอยู่มากมายบนถนนเมืองไทยมั้ย

หรือขับๆไป แล้วจะเจออาการแบตฯวาร์ป
จนต้องไปหาที่ชาร์จฉุกเฉิน หรือ ไม่ก็ได้กินข้าวลิงกลางทางหรือเปล่า

รวมถึงระยะยาว เรื่องแบตเตอร์รี่ เรื่องค่าเสื่อมของตัวรถ
ค่าประกันที่พุ่งสูงขึ้นและอีกมากมาย

เหล่านี้แหละครับ คือ สิ่งที่ทำให้ รถสันดาปยังอยู่ได้

ส่วนใครจะบอกว่า สื่อยึดโยงกับรถสันดาป
ก็รถสันดาป มันมีจำนวนรุ่นมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะให้
เทสแต่รถยนต์ไฟฟ้าวนไป แบบสื่อที่เขาทำเฉพาะทาง เขาทำไม่ได้

ขนาดสื่อไอที ที่บอกอว่าเข้าใจรถยนต์ไฟฟ้าดีๆ
เขาก็ยังมีแก็ดเจ็ทอย่างอื่นให้รีวิวเลย
ไม่ต้องมานั่งจับเจ่ากับรถยนต์อย่างเดียวเหมือนเรานี่

ที่สำคัญ คือในตลาดรถยนต์ประเทศไทยเรามี ค่ายรถยนต์ ญี่ปุ่น จีน ยุโรป เกาหลี ต้องไปให้ครบ เพราะเราคือ "สื่อยานยนต์" แม้บางค่ายเขาไม่ต้อนรับ ก็อาจละไว้บ้าง

แล้วเวลาเราพูดความจริง เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่เราขับสันดาป เป็นอาจิน หรือ ต่อให้เราขับ และมีรถยนต์ไฟฟ้าใช้งาน

มันก็เลย ทำให้ภาพ ที่คนภายนอกชอบมองว่า สื่อยานยนต์ แอนตี้ รถยนต์ไฟฟ้า

ทั้งที่เปล่าเลย ... ความเป็นสื่อ คือ พูดความจริง ตามข้อเท็จจริง รวมถึง กระตุกฉุกให้คิด เหมาะไม่เหมาะ อย่างไร ก็เอาไปไตรตรอง ใช้ การ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้ว มันจะได้ผลลัพธ์

แต่พูดไป ก็เหมือนแก้ตัว

งั้นก็เอาสะดวก ตามที่คิดแล้วกันครับ

NETA L
https://autolifethailand.tv/neta-l-coming-soon-ev-erev-c-suv-china/

ควายกลับชาติมาเกิดเหรอคะ อีนี่

ควยหมาโง่ชิบหาย

หลงการตลาดทาสเจ๊ก เคลมไว้วิ่งพันโล

วิ่งจริงจะถึง 700 มั้ย

กี่รุ่นแล้วที่เข้าไทย เคลม 400 500

วิ่งจริง สภาพอากาศ ถนน ขับปกติ วิ่งจริง 300 กว่า

ยังจะอวยไม่ลืมหี ลืมแตด

10 10 10 ไปเล๊ยยยยย

ยอดเยี่ยม

ยิ่งใหญ่

เกรียงไกร

รถจีน

ป๊าบ ป๊าบ ป้าม ป้าม ป้าม ปะด้าม ป้ามปี้ ปี ปี๋ ปี่ ปีปี ปี